สยบข่าวเรื่องปรับ ครม.ได้ผลแน่เพราะออกมาจากปาก “พ่อนายกรัฐมนตรี” ซึ่งเป็นศูนย์อำนาจอย่างแท้จริงนายกรัฐมนตรี “แพทองธาร ชินวัตร” พูดเองยังไม่เท่านับประสาอะไร?การเป็นรัฐบาลผสมที่ต้องพึ่งเสียงสนับสนุนจากพรรคร่วมรัฐบาลซึ่งมีข้อจำกัดบางอย่าง แม้จะคิดได้แต่จะทำไม่ได้ง่ายๆอย่างนั้น“ทักษิณ ชินวัตร” บอกว่าได้คุยกับนายกรัฐมนตรีแล้วเขาบอกว่าทุกวันนี้ทำงานร่วมกันไม่มีปัญหา อาจมีขัดข้องบางกระทรวงที่ทำงานช้าหรือไม่ค่อยกระตือรือร้นเท่าไหร่แต่ยังอยู่ในภาวะที่คุยกันได้จึงยังไม่มีความจำเป็นเมื่อนักข่าวถามว่าหลังฝ่ายค้านเปิดซักฟอกจะปรับหรือไม่ “ยังไม่น่าจะมีอะไรเพราะวันนี้นายกรัฐมนตรีบอกว่าวันนี้ยังทำงานร่วมกันได้ดีอยู่”“มีบางอย่างที่ช้าไปบ้างเราต้องการความฉับไว แต่บางครั้งจะเจอนักรำวงบ้าง ซึ่งเราก็ไม่ชอบและรัฐบาลบอกว่าอย่ารำวงมากก็แค่นั้นเอง”ในสถานการณ์รัฐบาลปัจจุบันนี้แม้จะมีเสถียรภาพที่มั่นคงเป็นรัฐบาลหลายพรรค ไม่เหมือนสมัยที่ “ทักษิณ” เป็นนายกรัฐมนตรีที่มีพรรคไทยรักไทยคุมบังเหียนทั้งหมดจะปรับ ครม.เป็นรายวัน หรือ 6 เดือน ปรับทีก็ได้ทั้งนั้นแต่วันนี้มีหลายพรรค อีกทั้งลูกสาวเป็นนายกรัฐมนตรีก็ต้องใจเย็นละเอียดรอบคอบเพราะถ้าผิดพลาดไป“ทั้งพ่อทั้งลูก” อาจจะจบเห่ได้จึงไม่แปลกใจที่ “ทักษิณ” จะบอกแก่ประชาชนที่ไปฟังเขาหาเสียงว่าต้องเลือก “เพื่อไทย” ให้มากๆจะได้เป็นรัฐบาลที่ทำงานได้ง่ายขึ้นและที่ช้าอยู่บ่อยๆก็คือการเป็นรัฐบาลที่มีหลายพรรคทำให้การทำงานช้าเพราะมีความเห็นมากและยังมีพวกที่คอยขวางคอยชักใบให้เรือเสียเจ้าเล่ห์เพทุบาย!แน่นอนว่า “ทักษิณ” นั้นทำงานเร็วฉับไวจึงไม่ค่อยเคยชินกับรัฐบาลผสมหลายพรรคแบบนี้ แต่สภาพความจำยอมจึงมิอาจเลือกในสิ่งที่ดีกว่านี้หรือที่ตนเองต้องการได้พูดง่ายๆคือไม่ทันอกทันใจแต่ดีที่รัฐบาลนี้มี “ลูกสาว” เป็นผู้นำ เขาเพียงแต่ยืนอยู่ข้างหลังก็ต้องทนสภาพที่เป็นจริงไม่สามารถหักด้ามพร้าด้วยเข่าได้ก็ต้องรอเป็นนายกรัฐมนตรีเสียเอง...หรือให้พรรค “เพื่อไทย” ชนะเลือกตั้งเข้ามาเยอะๆ อย่างน้อยก็ต้องได้เสียงเกินครึ่งเพื่อเป็นหลักประกันในอำนาจถ้าได้อย่างนั้นจะคิดทำอะไรตามใจก็คงไม่แปลกแต่ถ้าตามรูปการณ์ทางการเมืองที่ผ่านมา หลังการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้านทุกรัฐบาลจะถือโอกาสปรับ ครม.เพื่อเอารัฐมนตรีที่บอบช้ำถูกโจมตีหนักออกไปเพื่อให้รัฐบาลสดใสขึ้นก็ต้องดูว่าศึกซักฟอกครั้งนี้ฝ่ายค้านจะมีทีเด็ดมากน้อยแค่ไหน ถ้าเป็นแบบที่ผ่านมาคือ “ค้านไม่จริง” ก็เสร็จรัฐบาลแต่คราวนี้ดูท่าจะจริงจังมากขึ้นมั้ง...เพราะมีหลายเรื่องหลายประเด็นที่เป็นปัญหา อย่างน้อยๆก็คอลเซ็นเตอร์ ชั้น 14 รพ.ตำรวจ เขากระโดง อัลไพน์ลายแทงเหล่านี้ล้วนเป็นชนักที่ผูกติดและแก้ไขยากอยู่ที่ว่าจะหาข้อเพิ่มเติมให้มีน้ำหนักและความน่าเชื่อถือเท่านั้นประเด็นต่างๆที่ว่ามานี้เอาไม่อยู่ก็ช่วยไม่ได้!"สายล่อฟ้า"คลิกอ่านคอลัมน์ “กล้าได้กล้าเสีย” เพิ่มเติม