“เกษตรแฟร์” งานแฟร์ที่ยิ่งใหญ่และอยู่คู่คนไทยมาตั้งแต่ปี 2453 สมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงริเริ่มให้ราษฎรนำเอาผลผลิตทางการเกษตรมาทำการจัดแสดง เป็นจุดเริ่มต้นของงานวันเกษตรแห่งชาติ ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น “เกษตรแฟร์” จนถึงปัจจุบันสำหรับงาน “เกษตรแฟร์ 2568” เป็นเวทีนำเสนอนวัตกรรมใหม่ๆจากการค้นคว้าและวิจัยของนิสิตนักศึกษา คณาจารย์ของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เปิดพื้นที่ให้ทำกิจกรรมนอกห้องเรียน และเป็นพื้นที่ให้เกษตรกรนำผลผลิตทางการเกษตรมาจำหน่ายถึงมือผู้บริโภคโดยตรง “คุณชายตะลอนชิม” สัปดาห์นี้ “คุณชายแป๊ะ” อาสาพาตะลุยงาน “เกษตรแฟร์ 2568” จัดขึ้นที่ “มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน” ระหว่างวันที่ 31 มกราคม ถึงวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 68 ผมได้รวบรวมของดีของอร่อยที่เดินชิมด้วยตัวเองมานำเสนออย่างครบถ้วน พร้อมให้เบอร์โทรศัพท์ติดต่อไว้ให้ตามอุดหนุนกันภาพจำของใครหลายคน เวลานึกจะไปซื้อของอร่อยที่ “เกษตรแฟร์” จะต้องมี “มะขามหวาน จังหวัดเพชรบูรณ์” รวมอยู่ด้วยแน่นอน ผมสะดุดตากับร้าน “สวนมะขามหวานมงคล” ของ “คุณมงคล โล่ห์มาก” อายุ 32 ปี อยู่ที่ 129/2 หมู่ 2 บ้านน้ำพุ ตำบลพุทธบาท อำเภอชนแดน จังหวัดเพชรบูรณ์ เบอร์โทรศัพท์ 08-1475-5564 จัดวางเรียงมะขามหวานฝักใหญ่ๆอวบๆ อย่างสวยงาม สอบถามกับภรรยาคุณมงคล “คุณแป้ง-ศิรินทิพย์ โรจน์ทนงค์” อายุ 31 ปี เล่าว่า “มะขามหวานพันธุ์ประกายทอง มีจุดเด่นที่เนื้อเยอะ หวานอร่อย มีจำหน่าย 3 ขนาดคือ มะขามหวานประกายทองไซส์ใหญ่ กิโลกรัมละ 180 บาท, มะขามหวานประกายทองไซส์กลาง กิโลกรัมละ 150 บาท และมะขามหวานประกายทองข้อเล็ก กิโลกรัมละ 120 บาท ส่วนมะขามหวานพันธุ์สีชมพู มีเนื้อบางเม็ดล่อน กิโลกรัมละ 180 บาท มะขามทุกฝักผ่านการคัดและอบไอน้ำ ฝักไหนราขึ้น ฝักไหนเสีย จะทำการคัดออก เพื่อให้ได้มะขามหวานที่มีคุณภาพ การอบไอน้ำทำให้มะขามหวานสามารถเก็บไว้ได้นานขึ้น พออบเสร็จเรานำไปผึ่งลมให้แห้ง แล้วเอามาบรรจุใส่ลังส่งลูกค้าทั้งต่างจังหวัดและต่างประเทศ หลังอบเก็บได้นาน 6 เดือนถึง 1 ปี เนื้อมีความฉ่ำหวาน นอกจากนี้ ยังมีแบบที่แกะเปลือกพร้อมทาน เพื่อความสะดวกในการกิน มะขามหวานคลุก 3 รส และมะขามหวานคลุกบ๊วย หนักครึ่งกิโลกรัม ราคา 100 บาท” ร้านถัดมาอยู่ที่โซน G 85 ชื่อ “ข้าวหนึ่งเดียว” ของ “คุณหนึ่ง-สุภาณี เฉลียวศิลป์” อายุ 55 ปี ชาวบ้านจากกลุ่มเกษตรอินทรีย์ อำเภอชุมพลบุรี จังหวัดสุรินทร์ ขายข้าวกล้องน้ำนมและข้าวหอมมะลิแดง เป็นข้าวนาปี ที่ปีหนึ่งสามารถเพาะปลูกได้ครั้งเดียวเป็น “ข้าวหอมมะลิ 105” ที่ชาวบ้านปลูกเพื่ออนุรักษ์ และนำผลผลิตมาจัดจำหน่ายในราคากิโลกรัมละ 100 บาท คุณหนึ่งเล่าว่า “กลุ่มชาวบ้านนำข้าวหอมมะลิมาแปรรูปเป็นข้าวแต๋นน้ำแตงโม เป็นของว่างเพื่อคนรักสุขภาพ แบบที่ทอดแล้วขายกิโลกรัมละ 500 บาท แต่ที่ยังไม่ได้ทอด ขายกิโลกรัมละ 600 บาท สามารถเก็บไว้ได้เป็นปี สำหรับข้าวแต๋นทอดด้วยน้ำมันมะพร้าว หลังทอดแล้วสามารถเก็บได้นาน 3 เดือน รสชาติหวานกำลังดีกลมกล่อม โดยเป็นความหวานที่ได้จากน้ำแตงโมผ่านการเคี่ยวต้มให้มีความเหนียวโดยไม่ผสมน้ำตาล จากนั้นนำข้าวไปแช่น้ำแตงโม แล้วจึงตากให้แห้ง จะได้ข้าวแต๋นน้ำแตงโมที่กรอบหวานอร่อยจากธรรมชาติ โทร.สั่งได้ที่ 08–4219–9451” ใครชอบทำกับข้าวต้องถูกใจร้านนี้ “ไร่ดวงแก้ว” ของ “คุณดวงแก้ว-ศันสนีย์ พรมดาว” อายุ 53 ปี อยู่ที่โซน G 89 ขนเอาหอมแดงพันธุ์พื้นบ้าน กระเทียมแก้ว มาวางเรียงซ้อนกันเป็นตั้งๆ มีทั้งกระเทียมหัวเล็กกิโลกรัมละ 120 บาท, กระเทียมขนาดกลางกิโลกรัมละ 160 บาท และกระเทียมแก้วขนาดจัมโบ้กิโลกรัมละ 180 บาท, กระเทียมโทนกิโลกรัมละ 180 บาท และหอมแดงราคาพิเศษ 2 กิโลกรัม 100 บาท คุณดวงแก้วเล่าว่า “เป็นแม่ค้าขาประจำงานเกษตรแฟร์มา 23 ปี ในฐานะตัวแทนกลุ่มผู้ปลูกกระเทียมจังหวัดศรีสะเกษ นำผลผลิตทางการเกษตรมาจำหน่ายสู่ผู้บริโภคโดยตรง เรามุ่งมั่นรักษามาตรฐานให้คงความดีสมกับที่ทำกันมาตั้งแต่ในอดีต ร้านไร่ดวงแก้วเป็นตัวแทนของจังหวัดศรีสะเกษในการส่งหอมแดงและกระเทียมไปจำหน่ายตามงานใหญ่ๆทั่วประเทศ หลังจบงานเกษตรแฟร์ต้องกลับไปขายทุเรียนภูเขาไฟที่ศรีสะเกษต่อ ลูกค้าสามารถติดต่อสั่งสินค้าได้ที่เบอร์ 08–9611-0885 ส่งทั่วประเทศ” เดินโฉบมาถึงตลาดน้ำเกษตรศาสตร์ โซนเอ 8/16 กลิ่นหอมของน้ำพริกเตะ จมูกเข้าอย่างจัง ทำเอาต้องแวะชิมน้ำพริกสารพัดรสชาติที่ร้าน “มาเรียน้ำพริกสยาม” มีทั้ง น้ำพริกนรกปลาย่าง, น้ำพริกเห็ด ออริจิ้น, น้ำพริกตาแดงปลาทู, น้ำพริกปลาสลิด, น้ำพริกเผาไข่เค็ม, น้ำพริกปลาหมึกย่าง, น้ำพริกกุ้งเสวย และน้ำพริกปลาดุกฟู ขายราคากระปุกละ 100 บาท “คุณมาเรีย–สมใจ วงษ์อารี” เจ้าของร้านวัย 55 ปี เล่าว่า “ออกร้านงานเกษตรแฟร์มานาน 20 ปี จุดเด่นของน้ำพริกเราอยู่ที่เก็บนอกตู้เย็นได้นาน 90 วัน เป็นน้ำพริกอบแห้ง ใส่วัตถุดิบทั้งกุ้ง, ปลา หมึกแท้, พริก, หอม และกระเทียมทุกอย่างเป็นคุณภาพเกรดเอ เคยได้รับการคัดเลือกจากกระทรวงมหาดไทย นำไปออกร้านและได้รับรางวัลจากงานอาหารที่เมืองทองธานี 3 ปีซ้อน การันตีเรื่องความอร่อยและไม่มีสารกันบูด โทร.สั่งซื้อได้ที่ 08-5183-0549” ปิดท้ายด้วยฝีมือการทำอาหารของว่าที่คุณหมอนิสิตคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัย เกษตรศาสตร์ ซึ่งมาออกร้าน “หมอกรุบ บุกหม่าล่า” โดยนำบุกมาดัดแปลงให้มีรูปร่างคล้ายหนวดปลาหมึกราดซอสหม่าล่า “น.ส.รุจาภา แก้วตาทิพย์” นิสิตชั้นปี 1 คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เล่าว่า “เส้นบุกเหมาะสำหรับคนที่กำลังควบคุมน้ำหนัก เพราะบุกให้พลังงานต่ำ สามารถใช้แทนเส้นที่ทำจากแป้งทั่วไปได้ มีค่าดัชนีน้ำตาลต่ำ ช่วยชะลอการดูดซึมคาร์โบไฮเดรตและน้ำตาล เหมาะสำหรับผู้ที่คุมระดับน้ำตาลในเลือด เพราะมีกลูโคแมนแนนที่ช่วยให้อิ่มนานขึ้น กระตุ้นการขับถ่ายง่ายขึ้น แถมช่วยจับไขมันและคอเลสเทอรอลในลำไส้ แล้วขับออกจากร่างกาย ในหมึกกรุบยังผสมกับหม่าล่า ที่มีประโยชน์ช่วยลดความดันโลหิตสูง, ลดคอเลสเทอรอล, ป้องกันโรคหัวใจ และหลอดเลือด แถมช่วยบำรุงเลือด, กระตุ้นการไหลเวียนเลือด, แก้โลหิตจาง และมี Zn-Zinc สูง ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกาย รสเผ็ดของหม่าล่าช่วยการเผาผลาญพลังงานให้ดียิ่งขึ้น กลิ่นหอมฉุนของหม่าล่าสามารถนำมาสูดดม ช่วยแก้อาการวิงเวียนศีรษะ, แก้หวัด และคัดจมูก ตบท้ายยังมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง มีสรรพคุณช่วยลดท้องผูก, ท้องอืด, ท้องเฟ้อ และกระตุ้นลำไส้ให้ย่อยอาหารได้ดีขึ้น สำหรับรายได้จากการทำกิจกรรมครั้งนี้จะนำไปมอบให้น้องๆนักเรียนในโรงเรียนจังหวัดนครปฐม” ในฐานะคนที่ผูกพันกับมหาวิทยาลัยเกษตร ศาสตร์ “คุณชายแป๊ะ” ขอแสดงความเสียใจต่อการจากไปของ “ดร.จงรัก วัชรินทร์รัตน์” อธิการบดีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ท่านจากไปอย่างสงบเมื่อวันที่ 29 ม.ค.ที่ผ่านมา ท่านเป็นผู้มีคุณูปการในการพัฒนามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ พัฒนาการเรียนการสอน สร้างนิสิตนักศึกษาและบุคลากรที่มีคุณภาพ อีกทั้งเป็นผู้ริเริ่มคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เป็นผลงานสำคัญที่สร้างไว้ให้กับโลกนี้.คุณชายแป๊ะคลิกอ่านคอลัมน์ “คุณชายตะลอนชิม” เพิ่มเติม