อารมณ์ค้าง แค้นเคืองต่อเนื่องจากศึกเลือกตั้งนายก อบจ. โดนนินทาอาการขึงขังของคนในรัฐบาลเพื่อไทยที่ฟาดใส่ “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้เร่งตัดไฟในเมียนมามันมีปมในใจมาเจือสมตรวจผลเลือกตั้งนายก อบจ.วัดกันหมัดต่อหมัด ค่ายแดง-น้ำเงิน มันก็เจ็บทั้งคู่ ลงไปนอนนับดาวกันคนละที อยู่ที่กรรมการและกองเชียร์จะให้คะแนนมุมไหนมากกว่าเพื่อไทยคว่ำภูมิใจไทยได้ที่นครพนม หนองคาย แต่ก็พ่ายแพ้ที่เชียงราย ศรีสะเกษถ้าไม่คิดอะไรมากก็เจ๊ากันไป แต่เผอิญว่า “นายใหญ่จันทร์ส่องหล้า” ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ผู้นำจิตวิญญาณค่ายแดงเล่นใหญ่เดินแรง เปิดหน้าลงมาลุยสนามท้องถิ่นครั้งนี้แบบจริงจังสุดๆแถมยังคุยไว้ไม่น้อย ความพ่ายแพ้ขาดลอยที่ศรีสะเกษบวกกับช็อต “เสี่ยหนู” เอาปี๊บมาหยอกล้อดีใจกับชัยชนะมันยิ่งเจ็บจี๊ดงานนี้เพื่อไทยกับ “นายใหญ่จันทร์ส่องหล้า” คงขำไม่ออก เจตนาล้อเลียนท้าทายกันชัดๆ“หัวหน้าอิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ต้องประกาศเรียกทุกจังหวัดคุยสรุปบทเรียนเลือกตั้ง อบจ. ตั้งข้อสงสัยบางจังหวัดขัดแย้ง แตกสามัคคี ไม่รวมใจกันนำมาซึ่งความพ่ายแพ้เหนืออื่นใดมันบ่งบอกได้ว่ากระแสนิยมมันยังใช้ไม่ได้กับการเลือกตั้งท้องถิ่นที่ยังอิงอยู่กับระบบอุปถัมภ์การทำงานของรัฐบาลหลังจากนี้แนวโน้มคงเห็นการงัดข้อกันหนักมากขึ้นแต่เรื่องของการตัดไฟแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ไม่ได้เข้าใครออกใครมันควรจะขึงขังเฉียบขาดนานแล้วบทโหดเข้มๆ ของ “บิ๊กอ้วน” ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ในฐานะกำกับดูแลฝ่ายความมั่นคง อยากเห็นบ่อยๆมากกว่าการรอมชอมประนีประนอมด้วยอำนาจหน้าที่ หลายครั้งมันคือความจำเป็นต่อการแก้ปัญหาและขับเคลื่อนประเทศไปข้างหน้าปัญหาคอลเซ็นเตอร์กับคนไทยมันมาถึงขั้นวิกฤติลามถึงก้นครัวประชาชน โยงใยไปถึงการค้ามนุษย์ รู้กันทุกคนทุกฝ่ายทั้งประเทศ แต่การแก้ปัญหายังชักช้าละล้าละลัง โยนกันไปมาจนน่าหงุดหงิดสุดท้ายเพิ่งมีความชัดเจน สั่งการให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) เป็นผู้ตัดสินใจไม่ต้องรอใคร ไม่ต้องรอคำสั่งจากสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) หรือแม้แต่ ครม.“บิ๊กอ้วน” ฟันธงสรุป เรื่องสัญญาสัมปทานเป็นอำนาจของ กฟภ. และคนกำกับดูแล กฟภ.ก็คือ รมว.มหาดไทย ถ้ายังปล่อยปละละเลยจะจัดการด้วยมาตรการเด็ดขาด อย่ามัวแต่สนใจจะขายไฟอย่างเดียวเช่นเดียวกับ “นายกฯอิ๊งค์” ที่มีบัญชาให้จัดการทันที ไม่ต้องรออะไรอีกต่อไปแล้ว เพราะปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์คือปัญหาใหญ่ระดับนานาชาติ ทุกประเทศเป็นห่วงเรื่องนี้ ไม่ใช่แค่เฉพาะประเทศไทยนำมาซึ่งข้อสรุปด่วนของ สมช.ตัดไฟ น้ำมัน และสัญญาณอินเตอร์เน็ต 5 จุดในเมียนมาก่อนที่ “นายกฯอิ๊งค์” จะบินลัดฟ้าไปเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการหนีไม่พ้นคำครหาจากฝ่ายค้าน ฝ่ายแค้น เพราะสถานการณ์จวนตัว โดนกดดันจากประเทศมหาอำนาจ หรือต้องไปพบเจอตอบคำถามเรื่องนี้ดังนั้นเพื่อให้เห็นวิสัยทัศน์มิติของการแก้ปัญหาเป็นโจทย์หลัก สารตั้งต้น “นายกฯอิ๊งค์” ต้องจัดการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ทั้งระบบ เป็นวาระแห่งชาติตามที่เคยประกาศไว้จัดการเรื่องนี้ทุกพื้นที่ชายแดนที่ติดกับประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งลาว กัมพูชา ตัดวงจรทั้งที่เกี่ยวข้องแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ไม่ว่าที่ “คิงโรมัน” เชียงแสน เชียงราย หรือปอยเปต อรัญประเทศ สระแก้วปฏิบัติการซีลชายแดนทั่วประเทศ แก้ปัญหาเสมอหน้าครบวงจรความเดือดร้อน เสียหายของคนไทยไม่ได้ชี้วัดกันเฉพาะพื้นที่ ว่าอยู่จังหวัดไหนหรือตำบลใดและเครือข่ายสายข่าวของ “นายใหญ่จันทร์ส่องหล้า” น่าจะรู้ดีกว่าใคร โดยเฉพาะในกัมพูชาตามที่เคยบอกไว้ว่าหลังศึกเลือกตั้ง อบจ. จะลุยสางปัญหานี้ให้เหี้ยนเตียน เหมือนเมื่อครั้งประกาศสงครามยาเสพติดไม่ทำตอนนี้แล้วจะทำตอนไหน ในจังหวะที่โอกาสอำนวยความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนที่เผชิญอยู่ รอไม่ไหวแล้ว.ทีมข่าวการเมืองคลิกอ่านคอลัมน์ “วิเคราะห์การเมือง” เพิ่มเติม