ในหนังสือ “ปากพูดหูเพี้ยน” (เพชรประกาย พิมพ์ พ.ศ.2553) สังคีต จันทนะโพธิ ขึ้นต้นข้อเขียนเรื่อง “หัวหินไม่สิ้นมนต์ขลัง” ว่าปี พ.ศ.2377 หลังชาวบางจาน ชาวบางแก้ว... แถวๆบ้านแหลม เพชรบุรี อพยพหนีความแออัดไปตั้งลงหลักปักฐานมั่นคง ที่ริมทะเลเงียบเหงาแห่งหนึ่ง เขตจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ริมทะเลแห่งนั้นแตกต่างจากหาดทรายทั่วไป เพราะมีโขดหินธรรมชาติ วางสลับซับซ้อนตามแนวชายฝั่ง เรียงรายลงไปในทะเล ชื่อแรกที่เรียกๆกันตอนนั้น “บ้านสมอเรียง”จากนั้น หมู่บ้านเล็กๆกลางป่ากลางดงพงไพร ก็กลายเป็นชุมชนชาวทะเลที่อุ่นหนาฝาคั่ง กาลเวลาผ่านไป ชื่อเรียกสมอเรียงเปลี่ยนไป เป็นหินเรียง และเปลี่ยนอีกเป็น แหลมหินจนถึงสมัยรัชกาลที่ 5 เมื่อกรมรถไฟหลวง วางรางรถไฟสู่สายใต้ ก็ผ่านถิ่นฐานที่ใหญ่โตเป็นระดับตำบลแล้วแต่ชื่อแหลมหิน ที่เรียกครั้งนั้น ไม่ได้ถูกใช้ กลับได้ชื่อใหม่ ตำบลหัวหินเรื่องชื่อบ้านเมืองที่เปลี่ยนแปลงไปหลายชื่อ เป็นเรื่องธรรมดา สมมติเอาตามที่คุณสังคีต จันทนะโพธิ ค้นมาเขียนว่า เมื่อปี พ.ศ.2377 ชาวบางจาน บางแก้ว จากเพชรบุรี อพยพมาอยู่จริงวันเวลาที่ผ่านไปมีเหตุปัจจัยนานา ทำให้ชื่อสมอเรียงที่เรียกกันแรกๆเปลี่ยนเป็นบ้านหินเรียง และก็เพราะเหตุปัจจัยใหม่ ไม่แปลก ที่ชื่อ “หินเรียง” จะเปลี่ยนเป็น “แหลมหิน”เมื่อนับวันเวลาจาก พ.ศ.2377 มาถึงปีที่สร้างทางรถไฟสายใต้ก็กว่าร้อยปี เหตุปัจจัยใหม่ที่ทำให้ชื่อ “แหลมหิน” เปลี่ยนเป็น “หัวหิน” ก็เป็นไปได้ตามธรรมดาโลกคุณสังคีตบอกเพียงชื่อใหม่ หัวหิน ที่ยังไม่เปลี่ยนจนถึงวันนี้ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนเรศวรฤทธิ์ เป็นผู้ “ขนาน” ให้ แต่ไม่บอกด้วยว่า ทรงใช้เหตุผลอะไร เปลี่ยนชื่อแหลมหินเป็นหัวหินชื่อหัวหิน ไม่มีเค้า ที่พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนเรศวรฤทธิ์ จะตั้งพระทัย...ตั้งขึ้นใหม่ ถ้าให้คนรุ่นเราๆเดาก็คงเดาว่าคงเป็นชื่อที่เรียกตามความเคยปากของ “เจ้านาย” มากกว่าเป็นไปตามถ้อยทำนองคำเปรียบเปรยโบราณ “เจ้าว่างาม ก็ว่างามไปตามเจ้า” นั่นแลแต่ไม่ว่าชื่อแหลมหิน จะเปลี่ยนเป็นหัวหินเพราะอะไร คงไม่สำคัญเท่ากับ หัวหินชื่อใหม่ ได้มาพร้อมกับสีสันความเจริญ เมื่อเจ้านายพระองค์นี้ ได้ทรงสร้างพระตำหนักสุขเวศน์เป็นที่ประทับแรมแล้วก็ยังทรงชักชวนพระประยูรญาติ เจ้านายอีกหลายพระองค์มาสร้างตำหนักเป็นที่พักผ่อนริมทะเลและเจ้านายพระองค์ที่สำคัญเหนือพระองค์ใด ก็คือสมเด็จพระศรีพัชรินทรา พระพันปีหลวง ที่ทรงสร้างพระตำหนักไม้สีเขียว 19 หลังทุกครั้งที่เสด็จไปประทับแรม โปรดให้ฉายภาพยนตร์ สมัยนั้นเรียก “หนังญี่ปุ่น” ให้ชาวบ้านดูต่อมาพระตำหนักเหล่านี้ เปลี่ยนเป็นโรงแรม โดยมีสถาปนิกชาวอิตาเลียนของรถไฟแผ่นดินออกแบบ ตัวอาคารครึ่งตึกครึ่งไม้สองชั้น ทางเดินระเบียงกว้าง หลังคาทรงสูง นับเป็นโรงแรมรถไฟแห่งแรกในประเทศย้อนอดีต หยุดหัวหินตามที่คุณสังคีต ค้นคว้ามาเขียนไว้แค่ พ.ศ.2460 ปีที่สมเด็จพระศรีพัชรินทรา พระพันปีหลวง โปรดให้สร้างพระตำหนักไม้สีเขียว 19 หลัง...หยุดไว้แค่นั้นปล่อยให้คนหัวหินรุ่นใหม่...ได้จินตนาการกันต่อเอง...หัวหินเมืองพักผ่อนชายทะเลแห่งแรกของไทย...วันนี้...ใครแตกหน่อ ขยายกอไว้ที่ไหน? อย่างไร?แต่สิ่งที่แน่นอนหัวหินไม่สิ้นมนต์ขลัง ตามถ้อยทำนองของเสียงเพลงร้อง ที่แสนไพเราะนั้น...จริงๆ.กิเลน ประลองเชิงคลิกอ่านคอลัมน์ “ชักธงรบ” เพิ่มเติม