“สมรักษ์ คำสิงห์” ฮีโร่กำปั้นเหรียญทองโอลิมปิก เจ้าของวลีอมตะ “ไม่ได้โม้” หวิดนอนคุก ศาลจังหวัดขอนแก่นพิพากษาจำคุก 4 ปี 8 เดือน คดีพยายามข่มขืนสาววัย 17 ปี จำเลยให้การเป็นประโยชน์ ลดโทษ 1 ใน 3 คงจำคุก 2 ปี 13 เดือน 10 วัน ให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ญาติและเหยื่อรวม 1.7 แสนบาท เจ้าตัวน้อมรับคำตัดสิน ลั่นขอสู้ต่อ ก่อนยื่นเงินสด 3 แสนบาทประกันตัวไปที่ศาลจังหวัดขอนแก่น เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 23 ม.ค. นายสมรักษ์ หรือบาส คำสิงห์ อายุ 52 ปี อดีตนักชกมวยเหรียญทองโอลิมปิก เจ้าของวลีอมตะ “ไม่ได้โม้” พร้อมนายพิเชษฐ์ ชิเนหันทา หรือเป๊กโก้ รุ่นน้องคนสนิทที่เป็นคนขี่รถบิ๊กไบค์มารับนายสมรักษ์ และ น.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 17 ปี ซ้อนท้ายออกจากสถานบันเทิงพาไปส่งโรงแรมในตัวเมืองขอนแก่น กระทั่งกลายเป็นคดีความกรณีพรากผู้เยาว์ขึ้นเมื่อ ธ.ค.2566 เดินทางมารับฟังคำพิพากษาของศาลชั้นต้นตามหมายนัดของศาลคดีดังกล่าว สมรักษ์ คำสิงห์ ถูกแจ้งข้อหา 4 ข้อหาคือ ร่วมกันพรากผู้เยาว์อายุกว่า 15 ปี แต่ยังไม่เกิน 18 ปีไปเสียจากบิดามารดา หรือผู้ปกครอง, ร่วมกันพาบุคคลอายุเกิน 15 ปี แต่ยังไม่เกิน 18 ปีไปเพื่อการอนาจาร, กระทำอนาจารแก่คนอายุเกิน 15 ปี โดยใช้กำลังประทุษร้าย และข้อหาพยายามข่มขืนผู้อื่นใช้กำลังประทุษร้าย ส่วนนายพิเชษฐ์ถูกสั่งฟ้อง 2 ข้อหา ร่วมกันพรากผู้เยาว์ฯและร่วมกันพาบุคคลอื่นไปทำอนาจารฯจากการสังเกตของผู้สื่อข่าวพบว่าสมรักษ์และเป๊กโก้เดินทางมาถึงศาลพร้อมกันด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ทักทายสื่อมวลชนที่มารอรายงานข่าวจำนวนมาก ก่อนเดินเข้าไปในศาลเพื่อรับฟังคำพิพากษาในห้องพิจารณาคดี นายสมรักษ์ได้พูดคุยกับสื่อมวลชนว่า ในทางคดีไม่มีความเครียดอะไร เมื่อวานเข้านอนตั้งแต่ 3 ทุ่ม หลังกลับจากไปออกกำลังกายที่บึงแก่นนครในช่วงเย็นตามปกติ และเช้าวันนี้ได้เดินทางมาที่ศาลตามนัดเพื่อฟังคำพิพากษาต่อมาเวลา 09.45 น. ศาลอ่านคำพิพากษาในคดีที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายสมรักษ์ คำสิงห์ จำเลยที่ 1 และนายพิเชษฐ์ ชิเนหันทา จำเลยที่ 2 หลังนายสมรักษ์กระทำอนาจารและล่วงละเมิดทางเพศหญิงสาววัย 17 ปี ที่รู้จักกันในสถานบันเทิงเมื่อคืนวันที่ 10 ธ.ค.66ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานโจทก์ มีน้ำหนักรับฟังได้ว่าผู้เสียหายเบิกความตามข้อเท็จจริง เป็นเรื่องยากที่จะเบิกความเชื่อมโยงกัน หากไม่ประสบเหตุจริงที่เป็นเรื่องน่าอับอาย เชื่อว่าไม่มีจริตเสแสร้งเอาความเท็จมาแจ้ง ซึ่งอาจถูกดำเนินการเอาผิดในภายหลัง สอดคล้องผลการชันสูตรบาดแผล ร่องรอยความรุนแรงที่พบบริเวณเต้านม จากการใช้แรงกดทับไม่ใช่การจับธรรมดา รวมทั้งมุมปากช่องคลอดด้านล่างที่ผู้เสียหายให้การว่าจำเลยที่ 1 พยายามข่มขืนโดยใช้กำลังประทุษร้าย แต่ไม่บรรลุผลเพราะดิ้นขัดขืน ประกอบกับอวัยวะเพศจำเลยที่ 1 ไม่แข็งตัว จึงพยายามถูไถด้านนอกข้อต่อสู้จำเลยว่าผู้เสียหายยินยอม ขัดกับคำเบิกความพยานแวดล้อม รวมทั้งบาดแผลย่อมไม่เกิดขึ้น หากผู้เสียหายยินยอม การที่ผู้เสียหายเดินตามไปไม่ได้หมายความว่าจะยินยอมมีเพศสัมพันธ์ และไม่ได้มีการพูดถึงการค้าประเวณี การนำสืบยังไม่พบว่ามีการเรียกรับผลประโยชน์แต่อย่างใด จึงไม่มีน้ำหนักให้รับฟัง และหักล้างพยานโจทก์ได้ พิพากษาจำคุกจำเลยที่ 1 รวม 4 ปี 8 เดือน จำเลยให้การเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา ลดโทษ 1 ใน 3 คงจำคุก 2 ปี 13 เดือน 10 วัน ให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ญาติ 50,000 บาท และผู้เสียหาย 120,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 5 ต่อปี ตั้งแต่กระทำละเมิด ส่วนจำเลยที่ 2 ให้ยกฟ้องหลังทราบคำพิพากษา จำเลยได้ยื่นขอประกันตัว ศาลพิจารณาอนุญาต ตีวงเงิน 4 แสนบาท และศาลเมตตา ลดวงเงินประกันตัวเหลือ 3 แสนบาท จำเลยได้ยื่นเงินสดขอประกันตัวออกไป แม้จะถูกตัดสินจำคุก แต่นายสมรักษ์ยังคงยิ้มได้ บอกเพียงสั้นๆว่า “ต้องสู้ต่อ” ขณะที่นายอิทธิศักดิ์ อัฒกรณ์วิกรม ทนายความของนายสมรักษ์ กล่าวว่า ยังมีข้อเท็จจริงอีกมากที่ต้องวินิจฉัยเพิ่มเติม จะขอกลับไปศึกษาคำพิพากษาก่อนเพื่อยื่นอุทธรณ์สู้คดีอีกครั้งอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่