ตรุษจีนเมืองไทยส่อแววไม่เซ็งลี้ฮ้อ ตามข้อมูลที่ น.ส.ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ยอมรับผลจากกรณี “ซิงซิง” นักแสดงชาวจีนหายตัวไปตามชายแดนไทย-เมียนมา ก่อนได้รับการช่วยเหลือจากการตกเป็นเหยื่อขบวนการอาชญากรข้ามชาติส่งผลกระทบเชิงความรู้สึกในสังคมโซเชียลจีนตัวเลขน่าใจหาย ผู้ว่าการ ททท. ประเมินเบื้องต้นว่านักท่องเที่ยวจีนจะหายไป 10,000 คน ช่วงหยุดตรุษจีนปีนี้ ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวกรุ๊ปทัวร์จีน เดินทางด้วยเที่ยวบินเช่าเหมาลำ (ชาร์เตอร์ไฟลท์) จากเมืองรอง กำลังจะเดินทางมาไทยเป็นครั้งแรก ยังไม่เคยเห็นภาพจริงๆของเมืองไทยเป็นอย่างไร จึงหวั่นวิตกและยกเลิกการเดินทางสอดรับกับข้อมูลเรียลไทม์ นายรัชชพร พูลสวัสดิ์ รองประธานสภาอุตสาหกรรม ท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) ระบุประเด็นผลกระทบกรณี “ซิงซิง” ในโลกโซเชียลของจีน สร้างความกังวลเกี่ยวกับการเดินทางมาประเทศไทย ส่งผลให้มีการยกเลิกการเดินทาง พบว่ามีการยกเลิกห้องพัก 4,600 ห้อง เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นประเด็นอ่อนไหวมากทำให้หลายฝ่ายฉุกคิดตามภาคเอกชน นายอดิษฐ์ ชัยรัตนานนท์ เลขาฯสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) ระบุหากรัฐบาลไม่เร่งฟื้นความเชื่อมั่นผลกระทบอาจลากยาวไป 2-3 เดือน โดยมีการเสนอให้รัฐมนตรีการท่องเที่ยวฯทบทวนมาตรการวีซ่าฟรี จาก 30 วัน ให้เหลือ 15 วัน อำนวยความสะดวกให้เฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวแต่นั่นก็ย้อนแย้งกัน ผู้ว่าการ ททท. แสดงท่าทีไม่เห็นด้วยกับเอกชนที่ให้ยกเลิกวีซ่าฟรีแก่นักท่องเที่ยวจีน เพราะไม่ใช่คำตอบสุดท้าย มาตรการยกเว้นวีซ่ายังจำเป็นในแง่สนับสนุนเปิดท่องเที่ยวจากเมืองรองในจีนมากขึ้น เพื่อจูงใจนักท่องเที่ยวจีน มาไทยปีนี้ให้ถึงเป้าที่ตั้งไว้ 8 ล้านคน เพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 10 เมื่อเทียบกับ 6.73 ล้านคน เมื่อปี 2567ยากแต่ต้องเลือกระหว่างมุมเศรษฐกิจท่องเที่ยวกับความเชื่อมั่นมุมความมั่นคง นี่คือโจทย์ที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ มีกำหนดไปเยือนและเข้าพบหารือผู้นำจีนแผ่นดินใหญ่ ในวันที่ 5-8 กุมภาพันธ์นี้ แน่นอนว่าหนึ่งในหัวข้อเจรจาสำคัญ คือ ปัญหาจีนเทาที่ใช้ไทยและเพื่อนบ้านแถบอินโดจีน เป็นฐานก่ออาชญากรรมข้ามชาติทั้งหมดทั้งปวงบนพื้นฐานที่ประเทศไทยได้เปรียบอยู่แล้วในสถานะของหมุดหมายปลายทางการท่องเที่ยว แบบที่วิกฤติโควิดผ่านพ้นไปนักท่องเที่ยวก็กลับมาสูงกว่าเดิม กรณีแก๊งจีนเทาจึงควรมุ่งสร้างมาตรฐานความมั่นคง การันตีความปลอดภัยนักท่องเที่ยวมาก่อนการเน้นปริมาณแต่ไร้คุณภาพ ที่อาจกลายเป็นปัญหาทำลายเครดิตประเทศ.คลิกอ่านคอลัมน์ “บทบรรณาธิการ” เพิ่มเติม