เรื่องที่ดินซึ่งได้มาโดยมิชอบนั้นมักจะทำให้มีอันเป็นไปแทบทุกคน อย่างวันนี้ที่ดินเขากระโดง ที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์ก็กำลังทำให้ผู้ถือครองโดยมิชอบกำลังถูกกรรมตามไล่ล่าอย่างไม่ลดละ แม้เหตุการณ์จะผ่านมาหลายปีแล้วก็ตามที่สุดก็ถูกนำมาเป็นประเด็นจนได้นักการเมืองทั้ง “เพื่อไทย”-“ภูมิใจไทย” จึงอยู่ไม่เป็นสุขก่อนหน้านั้น “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” รัฐมนตรีคมนาคมค่ายเพื่อไทยได้สั่งการให้ผู้ว่าการ รฟท.ทวงคืนที่ดินเขากระโดง เนื่องจากศาลฎีกาชี้ว่าที่ดินผืนดังกล่าวเป็นของ รฟท.ที่ดินผืนนี้มีนักการเมืองค่ายภูมิใจไทยถือครองอยู่ แต่กรมที่ดินในสังกัดมหาดไทยซึ่งพรรคการเมืองนี้ดูแลรับผิดชอบไม่ยอมคืนให้ อ้างว่าผู้ถือครองชอบด้วยกฎหมายแล้วเรื่องนี้ได้สร้างความเคืองขุ่นให้กับพรรคภูมิใจไทยเป็นอย่างมากเพราะทางหนึ่งอาจถูกยึดที่คืนและทำให้พรรคเกิดความเสียหายจนกระทั่งมาถึงวันนี้พรรคภูมิใจไทยจึงเอาคืน!“ชาดา ไทยเศรษฐ์” อดีต รมช.มหาดไทยจากค่ายภูมิใจไทย ได้ลงคำสั่งให้มหาดไทย โดย “ชำนาญวิทย์ เตรัตน์” รองปลัดมหาดไทย ซึ่งรับผิดชอบเรื่องที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์สั่งยกเลิกคำสั่งของ “ยงยุทธ วิชัยดิษฐ” อดีตรองปลัดมหาดไทย ที่ให้ที่ดินผืนนี้ สามารถออกโฉนดได้“อนุทิน ชาญวีรกูล” หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ในฐานะรัฐมนตรีมหาดไทย ยอมรับ “ชาดา” ลงคำสั่งทิ้งทวนจริงก่อนพ้นจากตำแหน่งไม่กี่วันความคืบหน้าในเรื่องนี้ก็คือมหาดไทยกำลังพิจารณาเรื่องนี้ ซึ่งคาดว่าจะต้องปฏิบัติตามข้อชี้แนะ จากนั้นก็จะส่งให้กรมที่ดินไปดำเนินการเพื่อถอนเอกสารสิทธิแก่เจ้าของในปัจจุบันเนื่องจากเป็นที่ดินธรณีสงฆ์ที่ออกเป็นโฉนดไม่ได้คือห้ามซื้อ-ขายเป็นธุรกิจที่ดินผืนนี้เป็นของตระกูล “ชินวัตร” โดยคุณพจมาน ดามาพงศ์ ถือหุ้น 10% “โอ๊ค-เอม-อิ๊งค์” คนละ 30% แต่ปัจจุบัน “แพทองธาร” ได้โอนหุ้นให้มารดาเพราะเกรงว่าจะมีปัญหาในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีที่ดินผืนดังกล่าวนี้แยกเป็น 2 ส่วน โดยเจ้าของเดิมได้โอนให้มูลนิธิส่วนหนึ่งและถวายวัดส่วนหนึ่ง ซึ่งก็คือที่ดินสนามกอล์ฟนี่แหละ...ที่ดินที่มอบให้มูลนิธินั้นสามารถนำไปทำธุรกิจได้ เนื่องจากแล้วแต่มูลนิธิจะพิจารณาแต่ในส่วนที่มอบให้วัดนั้นจะไปทำธุรกิจไม่ได้!ดังนั้น การที่คนในตระกูล “ชินวัตร” ครอบครองจึงไม่ถูก แม้นายยงยุทธจะลงนามแต่ศาลและกฤษฎีกาชี้ว่าทำไม่ได้ จนนายยงยุทธมีความผิดถูกพิพากษาจำคุก 2 ปีมาแล้วหากกระทรวงมหาดไทยชี้ว่าคนในตระกูล “ชินวัตร” ถือครองไม่ได้ก็ต้องคืนให้วัดทันที มิฉะนั้นจะมีความผิดที่สำคัญก็คือจะเกี่ยวข้องกับ “แพทองธาร” นายกรัฐมนตรีที่ถือครองหุ้นด้วยจึงมีคำถามว่าระหว่างคดีเขากระโดงกับที่ดินอัลไพน์นั้นอันไหน มีโทษหนักกว่ากันคำตอบก็คืออัลไพน์หนักกว่าเพราะเป็นที่ดินธรณีสงฆ์ที่นำมา ซื้อขายไม่ได้ ส่วนเขากระโดงนั้นหากผู้ถือครองคืนให้ รฟท.ก็จบ เพราะเป็นการยึดถือจากเอกสารที่เชื่อว่าไม่ใช่ที่การรถไฟฯไม่ต่างไปจากกรณีของ “ปารีณา ไกรคุปต์” ที่บุกรุกที่ ส.ป.ก. เพราะไม่ได้เป็นเกษตรกรจึงถือครองไม่ได้ ถือว่าผิดจริยธรรมร้ายแรงจนต้องห้ามเล่นการเมืองตลอดชีวิตก็จะไม่ต่างไปจาก “แพทองธาร” ที่ถือครองหุ้นอัลไพน์...เมื่อสถานการณ์เป็นไปเช่นนี้จึงมีความเคลื่อนไหวว่าจำเป็นจะต้อง คืนที่ดินให้วัดเพราะจำนนต่อหลักฐานว่าเป็นที่ธรณีสงฆ์ที่ซื้อขายไม่ได้เพราะมิฉะนั้นจะถูกข้อหาผิดจริยธรรมร้ายแรงถูกตัดสิทธิทางการเมืองตลอดชีวิตได้ก่อนที่จะมีการชี้ผิด-ถูกในเรื่องนี้ผลที่จะตามมาก็คือความขัดแย้งระหว่าง “เพื่อไทย-ภูมิใจไทย” คงจะเล่นบทตบจูบต่อไปไม่ได้แล้ว แต่จะต้องไปคนละทางเพราะมันถึงจุดที่ต้องทางใครทางมัน!“สายล่อฟ้า”คลิกอ่านคอลัมน์ “กล้าได้กล้าเสีย” เพิ่มเติม