เผยโฉมครั้งแรก!! กับศิลปะความเรืองรองใจกลางกรุงเทพมหานคร “Dior Gold House” คอนเซปต์สโตร์สีทองอร่ามแห่งใหม่ของแบรนด์ดิออร์ บนถนนเพลินจิต เหล่าสาวกดิออร์จะได้เห็นความเป็นดิออร์ตั้งแต่ภายนอกอาคาร ที่จำลองจากร้านสาขาในตำนาน อาคารเลขที่ 30 ถนนมงแตญ กรุงปารีส เสมือนยกบูติกหลังแรกของดิออร์มาอยู่ใจกลางกรุงเทพมหานคร โดยหลอมรวมหลากวัฒนธรรมต่างขั้วเข้าไว้ด้วยกัน พร้อมเป็นเวทีแสดงศิลปะแห่งความเป็นเลิศจากดิออร์ทั่วทุกมุมโลก ซึ่งจะผันเปลี่ยนไปตามคอลเลกชันของแต่ละฤดูกาล ท่ามกลางสวนสวรรค์กลางกรุงอันแสนร่มรื่น พรั่งพร้อมด้วยรุกขชาตินานาพรรณ ประกายทองรองเรืองของ “Dior Gold House” บนพื้นที่กว่า 1,000 ตารางเมตร คือบทสรุปของการถักทอและร้อยเรียงกลิ่นอายแห่งความภูมิฐานทางวัฒนธรรมแฟชั่นชั้นสูงของฝรั่งเศส เข้ากับเสน่ห์แห่งมรดกอารยศิลป์ของประเทศไทย เมื่อผ่านประตูเข้าสู่ภายใน “Dior Gold House” สะกดทุกสายตาด้วยความแตกต่างหลากหลายและครบครันในอาณาจักรแฟชั่นแห่งดิออร์ มีให้เลือกสรรทั้งเสื้อผ้าสำเร็จรูปตามแนวทางการออกแบบของ “มาเรีย กราเซีย คิวริ” ไปจนถึงเครื่องแต่งกายชายโดย “คิม โจนส์” รวมถึงคอลเลกชันเครื่องหนัง อย่างเช่น รองเท้า, เข็มขัด, กระเป๋า, เครื่องประดับ ตลอดจนของตกแต่งบ้าน และภาชนะประจำโต๊ะอาหารจาก “Dior Maison” ล้วนมอบบรรยากาศร่วมสมัย เต็มไปด้วยความวิจิตรบรรจงจากงานตกแต่งประดับ ประดาด้วยวัสดุธรรมชาติ เช่น ไม้ไผ่, งานไม้ และราฟเฟีย ร่วมกับบรรดาสัญลักษณ์ประจำเมซง ตั้งแต่ดวงดาวนำโชค ไปจนถึงผ้าพิมพ์ลายจิตรกรรมสีเดี่ยว “toile de Jouy” (ตวล เดอ ฌูย์)รวมถึงลายพิมพ์แผนที่ปารีส “Plan de Paris” (ปลอง เดอ ปารีส์) เพื่อระลึกถึงความรักที่ “คริสเตียน ดิออร์” มีต่องานศิลปะ น่าภูมิใจอย่างยิ่ง เมื่อดิออร์ให้ความไว้วางใจ จับมือกับ 9 ศิลปินร่วมสมัยและนักออกแบบชาวไทยที่มีฝีมือเฉพาะตัวในการตกแต่งร้านให้เข้ากับวัฒนธรรมท้องถิ่น นับจากก้าวแรกผ่านแมกไม้เขียวขจีของตัวอาคาร ผู้มาเยือนจะพบกับศิลปะจัดวางหลายสไตล์ ไม่ว่าจะเป็น งานสรรค์สร้างจากรอยเท้าช้างโดย “บุญเสริม เปรมธาดา”, ตุ๊กตุ๊กจักสานขนาดเท่ารถสามล้อจริงโดย “ศรัณย์ เย็นปัญญา” แห่ง “สตูดิโอ 56” ส่วนประติมากรรมต่างๆได้ “วิชชุลดา ปัณฑรานุวงศ์” ออกแบบเพื่อใช้สำหรับตกแต่งภายใน โดดเด่นน่าจับตามองยังรวมถึงเก้าอี้เท้าแขนของ “เอกรัตน์ วงษ์จริต” และเฟอร์นิเจอร์ฝีมือสร้างสรรค์ของ “รัฐ เปลี่ยนสุข” กับ “ฟิลิปป์ มัวสัน” น่าประทับใจสุดคือผลงานรังสรรค์คอลเลกชันกระเป๋าถือ “Lady Dior” ด้วยหัตถศิลป์สานตอกไม้ไผ่พื้นบ้านไทย ฝีมือสองศิลปิน “วาสนาและสาวิน” แห่งแบรนด์ “Vassana” (วาสนา) สะท้อนแนวคิดงานฝีมือ “วัฒนธรรมร่วม” ระหว่างสองขั้วอารยธรรมได้อย่างน่าทึ่งพลาดไม่ได้ยังรวมถึงการเสพสุนทรีย์แห่งกลิ่นรสท่ามกลางความงามสง่าน่าตะลึงของ “Café Dior” ผสานความเป็นเลิศทางโภชนศิลป์แบบฉบับฝรั่งเศส ฝีมือเชฟสามดาว “มอโร โกลาเกรโก” ร่วมกับงานออกแบบมิติศิลป์ของศิลปินไทย “กรกต อารมย์ดี” นำงานจักสานตอกไม้ไผ่มารังสรรค์เสน่ห์ธรรมชาติในอาณาจักรพรรณพฤกษาและสิงสาราสัตว์ในแบบสามมิติ ดูราวกับมีชีวิตจริง...งดงามหมดจดและอลังการสมการรอคอยจริงๆ!!อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่