มีคนฝากให้อาจารย์นิติภูมิธณัฐ มิ่งรุจิราลัย ช่วยดูตลาดกาแฟในราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย คนฝากบอกว่า ตนต้องการขยายตลาดของกาแฟสวนจันท์เข้าไปยังตะวันออกกลาง ความเข้าใจดั้งเดิมของพวกเราก็คือ ซาอุดีอาระเบียไม่น่าจะปลูกกาแฟได้ แต่เมื่อไปถึงก็ต้องประหลาดใจ เมื่อทราบว่ารัฐบาลซาอุดีอาระเบียที่บริหารโดยเจ้าชายมุฮัมมัด บิน ซัลมาน บิน อับดุลอาซิซ อัล ซาอูด ซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรีและประธานสภากิจการเศรษฐกิจและการพัฒนา ได้ประกาศให้ ค.ศ.2022 เป็น Year of Saudi Coffeeรัฐบาลซาอุฯสนับสนุนด้านการเงินและเทคโนโลยีให้เกษตรกรปลูกกาแฟกันอย่างจริงจังในภูมิภาคจาซาน ซึ่งอยู่ติดกับชายฝั่งทะเลแดงใกล้กับเยเมน เกษตรกรซาอุฯในเมืองอัลดาเยอร์ ปลูกกาแฟตามนโยบาย Vision 2030 ของนายกฯ โดยรัฐบาลซาอุฯมุ่งมั่นให้ราชอาณาจักรของตนผลิตเฉพาะกาแฟพรีเมียมสายพันธุ์อาราบิกา โดยเฉพาะอย่างยิ่งกาแฟเคาหลานี (บางคนออกเสียงว่าเคาว์ลานี) ที่มีรสชาติเข้มข้นและมีกลิ่นหอมเฉพาะตัวการเดินทางไปซาอุฯระหว่าง 13-20 พฤศจิกายน 2024 อาจารย์นิติภูมิธณัฐและคณะมีโอกาสร่วมประชุมและฟังบรรยายสรุปของข้าราชการกระทรวงการลงทุนซาอุฯ ซึ่งในที่ประชุมมีที่ปรึกษาชาวเนเธอร์แลนด์มาร่วมนั่งประชุมอยู่ด้วยการสนทนากับที่ปรึกษาชาวดัตช์ ทำให้ทราบว่ารัฐบาลซาอุฯ จ้างที่ปรึกษาเข้ามาดูแลเรื่องการเกษตร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในนีโอม (NEOM) โครงการเมืองแห่งอนาคตหลายท่านอาจจะงุนงงสงสัยว่าซาอุฯมีแต่ทะเลทราย จะเอาน้ำที่ไหนมาใช้ในการเกษตร สิ่งหนึ่งซึ่งซาอุฯเริ่มที่จะประสบความสำเร็จก็คือ Desalination หรือการใช้เทคโนโลยีกรองน้ำทะเลเพื่อผลิตเป็นน้ำสะอาดสำหรับการเกษตร และนอกจากนั้นยังประสบความสำเร็จขั้นสูงในการรีไซเคิลน้ำที่ใช้แล้วมาเป็นน้ำที่ใช้สำหรับการชลประทานมนุษย์เรานะครับ ถ้ามุ่งมั่นทำอะไรจริงจัง ความมุ่งมั่นจะนำไปสู่ความสำเร็จเสมอ อย่างในจังหวัดตาบูก รัฐบาลซาอุฯ ใช้ Agri–tech Innovation และ Internet of Things เข้าไปบริหารจัดการเพื่อเพิ่มผลผลิตทางการเกษตรและลดการใช้ทรัพยากร (เช่น น้ำ) ได้อย่างมีประสิทธิภาพค.ศ.2005-2015 อาจารย์นิติภูมิธณัฐเป็นประธานที่ปรึกษาของบริษัทที่ปรึกษาด้านการลงทุนในประเทศตลาดใหม่ของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนของไทย (BOI) และมีโอกาสไปเก็บข้อมูลที่เอธิโอเปีย 2 ครั้ง และพบว่าซาอุฯเข้าไปลงทุนปลูกข้าวในเอธิโอเปียด้วยจำนวนเงินหลายพันล้านบาทสมัยก่อนตอนโน้น ซาอุฯใช้เงิน 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 3.5 หมื่นล้านบาทไปลงทุนด้านการเกษตรใน 5 ประเทศ คือปลูกข้าวในเอธิโอเปีย ปลูกพืชอาหารในซูดาน ซื้อที่ดินเพื่อปลูกธัญพืชและพืชน้ำมันในอูเครน ปลูกพืชอาหารสัตว์และผลิตภัณฑ์เกษตรในออสเตรเลีย รวมทั้งลงทุนทางด้านการเกษตรหลากหลายในบราซิลทั้งหมดทั้งปวงที่ซาอุฯทุ่มเททางด้านการเกษตรในสมัยนั้น ก็เพื่อความมั่นคงด้านอาหารของประชาชนคนซาอุฯ 36.68 ล้าน แต่ใน Vision 2030 ซาอุฯต้องการผลิตอาหารในแผ่นดินของตัวเอง ถ้าผู้อ่านท่านที่เป็นเพื่อนไลน์ไอดี @ntp59 เข้าไปในหน้าไลน์วูม (Line Voom) ก็จะเห็นภาพที่อาจารย์นิติภูมิธณัฐถ่ายจากซุปเปอร์มาร์เกตในซาอุฯBanana flower หรือหัวปลีที่ปลูกในซาอุฯ ขายในราคากิโลกรัมละ 9.95 ริยัล (99.50 บาท) Banana pindi (แกนต้นกล้วย) ขายในราคาเดียวกัน เดินไปดูที่แผนกใบตอง พบว่าใบตองที่ผลิตในซาอุฯมีไม่พอ ต้องนำเข้ามาจากอินเดีย30 กว่าปีที่แล้ว พี่น้องแรงงานไทยหลายแสนไปซาอุฯ เพื่อทำงานด้านก่อสร้าง สมัยนั้นซาอุฯต้องการพัฒนาระบบคมนาคม ถนนหนทาง วางท่อน้ำมันและโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ จนปัจจุบันทุกวันนี้ โครงสร้างพื้นฐานของซาอุฯอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน สามารถเชื่อมระโนงโยงเยงไปได้ทั้งประเทศ รัฐบาลจึงหันมาสนใจในเรื่องความมั่นคงด้านอาหาร ไทยเป็นประเทศที่มีผู้ชำนาญด้านการผลิตอาหารเยอะรัฐบาลไทยน่าจะไปจับมือกับซาอุฯทางด้านนี้นะครับ.นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัยsonglok1997@gmail.com คลิกอ่านคอลัมน์ “เปิดฟ้าส่องโลก” เพิ่มเติม