“ผู้ช่วยหวาน” แถลงผลปฏิบัติการ “มาตรการระเบิดสะพานโจร” 2 คดี คดีแรกจับแก๊งจีนเทาเช่าเบอร์โทร. 02-xxxxxxx กว่าหมื่นเลขหมาย ลวงเหยื่อคนไทยให้หลงเชื่อเป็นโทรศัพท์จากภายในประเทศ แต่แท้จริงแล้วโทร.มาจากต่างประเทศตามชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน อึ้งพบข้อมูลใช้โทร.หลอกคนไทยมากกว่า 700 ล้านครั้ง คดีที่ 2 รวบคนร้ายจีนเทาขับรถโมบายตระเวนใจกลางกรุง จากนั้นใช้เครื่องส่ง SMS ปลอม ส่งข้อความหลอกประชาชนอ้างว่า “คะแนนของคุณใกล้หมดอายุแล้ว รีบแลกของขวัญเลย” เหยื่อหลงเชื่อกดลิงก์เป็นเสร็จ ถูกล้วงบัญชีเกลี้ยง ตรวจสอบของกลางแค่ 3 วันส่งไปเกือบ 1 ล้านครั้งผู้ช่วย ผบ.ตร.แถลงผลจับกุม 2 ปฏิบัติการระเบิดสะพานโจร ตัดช่องทางแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยเมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 18 พ.ย. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วยผบ.ตร.ในฐานะรองผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (รอง ผอ.ศปอส.ตร.) แถลงผล 2 ปฏิบัติการ “มาตรการระเบิดสะพานโจร” มี พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ สุดสงวน รอง ผบช.สอท. มล.ภู่ทอง ทอง ใหญ่ รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รักษาการแทนเลขาธิการ กสทช. นายวิสิฐศักดิ์ เจริญไชย ผู้จัดการฝ่ายองค์กรสัมพันธ์ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) ร่วมแถลงพล.ต.ท.ธัชชัยกล่าวว่า ตามนโยบายรัฐบาลจะเร่งแก้ปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ มิจฉาชีพ และอาชญากรรมข้ามชาติ เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน ผนึกกำลังกับประเทศเพื่อนบ้านเพื่อรับมืออาชญากรรมออนไลน์อย่างรวดเร็ว เพื่อให้ความช่วยเหลือและเยียวยาเหยื่อได้อย่างทันท่วงที โดยพล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ. ตร. ในฐานะ ผอ.ศปอส.ตร. สั่งการให้ บช.สอท.นำ “มาตรการระเบิดสะพานโจร” มาใช้ลดความรุนแรงปัญหาอาชญา กรรมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ มุ่งเน้นการตัดช่องติดต่อหลอกลวงประชาชนผ่านช่องทางสื่อสารต่างๆผู้ช่วย ผบ.ตร.กล่าวว่า ผลปฏิบัติการที่ 1 พบความผิดปกติการใช้หมายเลขโทรศัพท์ที่ใช้หลอกประชาชนจำนวนมากเป็นหมายเลขโทรศัพท์ขึ้นต้นด้วย 02-xxxxxxxx โดยกลุ่มหมายเลขดังกล่าวเป็นหมายเลขที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ใช้โทร.หลอกลวงประชาชนให้ร่วมทำกิจกรรมและลงทุนรูปแบบต่างๆจากการตรวจสอบทราบว่า หมายเลข 02 ได้จัดสรรให้แก่ผู้ให้บริการเครือข่ายสัญญาณโทรศัพท์มือถือ มีนิติบุคคล 3 บริษัทขอจดทะเบียนเลขหมายเพื่อประกอบธุรกิจอุปกรณ์ตู้สาขาแบบ SIP Server ด้วยระบบ SIP Trunk Solution รูปแบบวิธีทำงานของระบบ SIP Trunk Solution เป็นเทคโนโลยีให้บริการรูปแบบโครงข่ายโทรศัพท์ประจำที่ที่ใช้งานผ่านโครงข่ายอินเตอร์เน็ตสามารถใช้งานเลขหมายผ่านระบบคอมพิวเตอร์โดยไม่ติดข้อจำกัดสถานที่และข้อจำกัดการวางระบบโครงข่ายสายสัญญาณต่างๆพล.ต.ท.ธัชชัยกล่าวต่อว่า จากการสืบสวนทำให้ทราบว่า มีนิติบุคคล 3 ราย ได้จดทะเบียนหมายเลขโทรศัพท์ที่ขึ้นต้นด้วย 02 ดังกล่าว รวม 11,201 เลขหมาย ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบบริษัททั้ง 3 แห่งคือ 1. บริษัท หรวนหยุน อินฟอร์เมชั่น เทคโนโลยี จำกัด จดทะเบียน 3,000 เลขหมาย พบสถิติใช้งาน (call attempt) รวม 256,219,676 ครั้ง มีกรรมการบริษัท 3 ราย เป็นชาวจีน (ผู้ถือหุ้นใหญ่) 1 ราย และเป็นชาวไทยอีก 2 ราย 2.บริษัท ยูน เตี้ยน เค่อ เทคโนโลยี (ไทยแลนด์) จำกัด จดทะเบียน 6,000 เลขหมาย พบสถิตใช้งาน (call attempt) รวม 345,339,574 ครั้ง มีกรรมการบริษัท 3 ราย เป็นชาวจีน 2 ราย ชาวไทย 1 ราย และ 3.บริษัท พรีมา เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด จดทะเบียน 2,201 เลข พบสถิติการใช้งาน (call attempt) รวม 128,626,642 ครั้ง มีกรรมการบริษัท 3 ราย เป็นชาวจีนทั้งหมดจากการตรวจสอบย้อนหลังพบว่า ทั้ง 3 บริษัท ใช้เบอร์ 02 โทร.ไปหาเหยื่อแล้ว 730,185,892 ครั้ง เมื่อตรวจสอบการเดินทางของกรรมการบริษัทชาวจีนทั้ง 3 แห่ง กับสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ไม่พบการเดินทางเข้าออกประเทศไทย มีเพียงชาวจีน 1 รายที่ได้ออกนอกประเทศไทยไปตั้งแต่วันที่ 7 ส.ค.66 และไม่กลับเข้าประเทศไทยอีก ได้รวบรวมข้อมูลพยานหลักฐานทั้งหมดเพื่อขออำนาจศาลออกหมายจับบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งขบวนการ จนศาลอนุมัติหมายจับทั้งหมด 24 ราย เป็นต่างชาติ 9 ราย มีทั้งผู้ทำหน้าที่กรรมการบริษัทและเป็นผู้จัดการค่าใช้จ่ายของบริษัท ได้แก่ ชาวจีน 3 ราย ชาวิงคโปร์ 1 ราย ชาวมาเลเซีย 1 ราย ชาวเมียนมา 1 ราย และชาวลาว 3 รายนอกจากนี้ ยังออกหมายจับคนไทย 15 ราย มีทั้งผู้ทำหน้าที่เป็นกรรมการบริษัท ผู้จัดการค่าใช้จ่าย และบัญชีม้า ล่าสุดจับกุมผู้ต้องหาได้ 10 ราย เป็นคนไทย 9 ราย ชาวเมียนมา 1 ราย ดำเนินคดีฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันนำข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์, ร่วมกันเป็นสมาชิกของคณะบุคคลที่ปกปิดวิธีการและมีมุ่งหมายเพื่อการมิชอบด้วยกฎหมาย (สมคบกันเป็นอั้งยี่ หรือซ่องโจร), สมคบกันกระทำความผิดฟอกเงิน, ร่วมกันฟอกเงิน และความผิดฐานบัญชีม้า พร้อมประสานตำรวจสากล (Interpol) ออกหมายแดงจับกุมผู้ร่วมขบวนการชาวต่างชาติที่หลบหนีอยู่ต่างประเทศ กลับมาดำเนินคดีตามกฎหมายที่ประเทศไทยต่อไปพล.ต.ท.ธัชชัยกล่าวเพิ่มเติมว่า การดำเนินคดีในครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่กลุ่มคนร้ายต่างชาติร่วมกับคนไทย ใช้กลไกการจดทะเบียนบริษัทมาเช่าโทรศัพท์หมาย 02-xxxxxxx เพื่อให้ประชาชนหลงเชื่อว่าเป็นโทรศัพท์พื้นฐานทั่วไปในประเทศไทย แต่แท้จริงแล้วโทร.มาจากต่างประเทศตามชายแดนของประเทศเพื่อนบ้าน ในขณะนี้ “มาตรการระเบิดสะพานโจร” มุ่งเน้นตัดช่องทางสื่อสารของคนร้ายของประชาชน ทำให้คดีอาชญากรรมของแก๊งคอลเซ็นเตอร์เริ่มลดลงอย่างเห็นได้ชัดในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาพล.ต.ท.ธัชชัยกล่าวถึงผลปฏิบัติการที่ 2 ต่อว่า นอกจากนี้ยังจับแก๊งจีนเทาใช้เครื่องส่ง SMS ปลอม (False Base Station) ส่งข้อความถึงประชาชนภายใน 3 วัน เกือบล้านครั้ง สืบเนื่องจาก “มาตรการระเบิดสะพานโจร” ทำให้ตรวจสอบพบความผิดปกติของการส่ง SMS ผ่านเครื่องส่ง SMS ปลอม (False Base Station) เกิดจากการร่วมปฏิบัติการของกองบัญชาการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) และ AIS สืบสวนพบว่ามีคนร้ายขับรถที่ติดตั้งเครื่องส่งสัญญาณ SMS ปลอมข้อความ “คะแนน 9,268 ของคุณใกล้หมดอายุแล้ว รีบแลกของขวัญเลย” บริเวณย่านถนนสุขุมวิทที่มีคนพลุกพล่านกระทั่งพบคนร้ายเป็นชายจีน ทราบชื่อคือ นายหยาง มู่ยี่ อายุ 35 ปี ภายในรถพบเครื่องจำลองสถานีฐานกำลังทำงานอยู่ และเชื่อมต่อกับเครื่องจ่ายไฟเคลื่อนที่ Power Station กำลังไฟ 8,000 W 1 ตู้ เราเตอร์ไวไฟ 1 ตัว โทรศัพท์มือถืออีก 4 เครื่อง เมื่อตรวจสอบร่วมกับเจ้าหน้าที่บริษัทแอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส พบว่าเป็นเครื่องส่งข้อความ (SMS) ลักษณะจำลองเสา (False Base Station) ส่งสัญญาณปลอมของเครือข่าย AIS โดยอุปกรณ์นี้เป็นเครื่องวิทยุโทรคมนาคม ลักษณะการดัดแปลงการส่งสัญญาณในคลื่นความถี่ต่างๆ จากการตรวจสอบไม่พบการได้รับอนุญาตจาก กสทช. อีกทั้งเมื่อตรวจสอบแอปพลิเคชันที่ผู้ต้องหาใช้ส่งข้อความผ่านเครื่อง False Base Station พบว่า ภายในเวลา 3 วัน ตั้งแต่ 11-13 พ.ย.67 ส่งข้อความไปแล้วเกือบ 1 ล้านครั้งเบื้องต้นแจ้ง 3 ข้อกล่าวหา ได้แก่ “ทำ มี ใช้ นำเข้า นำออก หรือค้า ซึ่งเครื่องวิทยุคมนาคม โดยไม่ได้รับใบอนุญาต”, “ตั้งสถานีวิทยุคมนาคม โดยไม่ได้รับใบอนุญาต” และ “ใช้คลื่นความถี่ในการประกอบกิจการโทรคมนาคม โดยไม่ได้รับอนุญาตอันมีลักษณะที่เป็นการประกอบกิจการโทรคมนาคม” คุมตัวส่ง กก.4 บก.สอท.1 ดำเนินคดี และสืบสวนขยายผลไปถึงผู้จ้างวาน และเครือข่ายของขบวนการนี้เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไปอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่