วันศุกร์ที่ 19 ก.ค. นายกฯเศรษฐา ทวีสิน เป็นประธานแถลงข่าวเปิดตัว “โครงการศูนย์กลางการเงิน (Financial Hub)” ภายใต้หัวข้อ “Ignite Financial : Thailand’s Vision for a Global Financial Hub เปิดทางนำไทยสู่ศูนย์กลางการเงินโลก” แถลงข่าวเสร็จ นายกฯเศรษฐา ก็ร่วมกับ คุณพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และรัฐมนตรีคลัง สองรัฐมนตรีช่วยคลัง และปลัดคลัง ยกเหรียญสัญลักษณ์ Ignite Financial คนละเหรียญ หย่อนลงไปในตู้ที่ด้านหน้ามีแผนที่ประเทศไทย ก็เป็นอันจบพิธี บัดนี้ประเทศไทยได้กลายเป็น “ศูนย์กลางการเงินของโลก” แล้วอย่างง่ายดาย เหมือนอีกไม่รู้กี่ Hub ที่ได้ประกาศไปแล้ว แต่งานนี้ถือว่าใหญ่มาก เราจะเป็น “ศูนย์กลางการเงินของโลก” ไม่ใช่เรื่องประกาศเล่นๆแขกที่ได้รับเชิญไปในงานเปิดตัว “ศูนย์กลางการเงินของโลก” เท่าที่เห็นจากภาพข่าวกระทรวงการคลัง ก็มีแต่คนในกระทรวงการคลัง แบงก์ชาติ ก.ล.ต. สถาบันการเงินต่างๆของรัฐและเอกชน ไม่เห็นมีชื่อบิ๊กเนมการเงินระดับโลก หรือ นายธนาคารระดับโลก หรือ ผู้จัดการกองทุนระดับโลก มาร่วมในพิธีอันยิ่งใหญ่นี้ มีแต่คนกันเองทั้งนั้นนายกฯเศรษฐา กล่าวว่า จะสร้างประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางสำคัญด้านการเงินการลงทุน และการธนาคาร ด้วยการใช้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐานระดับโลกของประเทศไทย และการพัฒนากฎหมายกำกับดูแลที่เกี่ยวข้อง โครงการนี้จะดึงดูดเงินทุนต่างชาติและผู้เชี่ยวชาญทักษะสูงมายังประเทศไทย และทำให้ประเทศไทยก้าวขึ้นมาเป็น “ศูนย์กลางการเงินระดับโลก” ภายใต้โครงการ Ignite Finance รัฐบาลไม่เพียงมุ่งหวังที่จะพัฒนาภูมิทัศน์ทางเศรษฐกิจของประเทศแต่ยังมุ่งหวังที่จะยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนชาวไทยทุกคนนายกฯเศรษฐา กล่าวอีกว่า โครงการ Ignite Finance ถือเป็นก้าวสำคัญในการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางการเงินระดับโลก ด้วยวิสัยทัศน์และความมุ่งมั่นร่วมกันของภาครัฐและผู้นำในอุตสาหกรรมการเงิน โครงการนี้มุ่งหวังที่จะสร้างระบบนิเวศที่ผู้ประกอบการระดับโลกและวิสาหกิจเริ่มต้นและคนที่มีแนวคิดมารวมตัวกัน เพื่อสร้างนวัตกรรมทางการเงินและเทคโนโลยี ภายใต้กรอบการกำกับดูแลที่พร้อมรองรับการเปลี่ยนแปลงแห่งอนาคต โดยยังคำนึงถึงเสถียรภาพระบบการเงินของประเทศ เพื่อนำไทยให้เป็นศูนย์กลางการเงินโลกแต่ คนที่แสดงวิสัยทัศน์ การสร้างประเทศไทยให้เป็น ศูนย์กลางการเงินระดับโลก กลับเป็น คุณเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง โดยกล่าวว่า จะเน้นการประกอบธุรกิจหลัก 5 ประเภท ได้แก่ ธุรกิจธนาคาร ธุรกิจหลักทรัพย์ ธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล และธุรกิจประกันภัย ผ่าน 3 กุญแจสำคัญคือ1.กฎหมายที่พร้อมรับอนาคต มีความยืดหยุ่น โปร่งใส เอื้อต่อการประกอบธุรกิจตั้งแต่การขอใบอนุญาตจนถึงการกำกับดูแลที่มีประสิทธิภาพ เพื่อขยายบทบาทภาคการเงินของประเทศไทยในเวทีโลก 2.สิทธิประโยชน์ในรูปแบบใหม่ การให้วีซ่าทำงานแก่บุคลากรและครอบครัว การจัดเก็บภาษีที่เทียบเท่าศูนย์กลางการเงินอื่น โครงการเงินสนับสนุน (Grant) เพื่อเพิ่มแรงจูงใจ 3.ระบบนิเวศแห่งอนาคต จะพัฒนากฎหมายที่เข้มแข็งและโปร่งใส รวมถึงการให้ความสำคัญกับโครงสร้างพื้นฐานที่ทันสมัย เพื่อสนับสนุนธุรกิจและคุณภาพชีวิตของบุคลากรทั้งหมดนี้เป็นเพียง “วิสัยทัศน์” ยังไม่ได้ลงมือทำอะไรเลยจะทำจริงได้เมื่อไหร่ก็ยังไม่รู้ เพราะยังไม่มีไทม์ไลน์ ที่ประกาศไปเป็นแค่ “จุดไฟ” ignite เพื่อเป็นข่าวเท่านั้นผมถามผู้ที่ถูกเชิญไปร่วมงาน ก็ไปกันแบบงงๆ เพราะได้รับเชิญแบบ “ด่วนที่สุด” ในวันพุธ งานมีบ่ายวันศุกร์ แม้แต่ แบงก์ชาติ ก็ได้รับเชิญแบบด่วนที่สุด ไม่รู้เรื่อง Global Financial Hub มาก่อน ทั้งที่แบงก์ชาติเป็นผู้กำกับดูแลสถาบันการเงินและกฎเกณฑ์ต่างๆได้ฟังอย่างนี้แล้วก็ไม่แปลกใจ ทำไมหมู่นี้ “ผู้มีบารมีเหนือพรรคเพื่อไทย” บ่นให้คนในพรรคได้ยิน เอาแต่ประกาศเป็นฮับโน่นฮับนี่ แต่ไม่ติดตามงาน ก็ไม่รู้ว่าฮับที่ประกาศไปแล้วยังจำได้หรือไม่ มีฮับอะไรบ้าง?“ลม เปลี่ยนทิศ”คลิกอ่านคอลัมน์ “หมายเหตุประเทศไทย” เพิ่มเติม