“เมื่อถามต่อไปว่ากรณีคน จีนที่เข้ามาแม่สอดจำนวนมาก หากใช้วิธีการนี้โดยรัฐบาลไทยแจ้งกับรัฐบาลจีนว่าไม่ควรให้คนจีนเข้ามาจะดีหรือไม่ ผู้บังคับการหน่วยเฉพาะกิจราชมนู กล่าวว่า หากระดับบริหารมีนโยบายเช่นนั้น ระดับปฏิบัติก็พร้อมอยู่แล้ว และน่าจะดีด้วยเพราะเป็นงานนโยบายที่ผู้บริหารระดับประเทศหารือกันว่าเป็นพื้นที่สงวน ไม่ให้เข้ามากำหนดเขตอันตรายไม่ควรเข้า”มุมมองข้างต้นนี้ตัดตอนมาจากบทสัมภาษณ์ พ.อ.ณัฐกร เรือนติ๊บ ผู้บังคับการหน่วยเฉพาะกิจราชมนู กองกำลังนเรศวร กองทัพภาคที่ 3 (https://transbordernews.in.th/home/?p=39095)และในอีกมุมมองในประเด็นเดียวกันนี้ มาจาก รังสิมันต์ โรม ประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวไว้ว่า... “ผมคิดว่าเราต้องทบทวนเหมือนกันว่า คนจีนเดินทางมาโดยฟรีวีซ่า ซึ่งแน่นอนจำเป็นต่อภาคการท่องเที่ยว แต่เขาเดินทางไปจังหวัดไหนก็ได้โดยเสรี เป็นมาตรการที่เราต้องทบทวนพื้นที่เป้าหมายของแหล่งสแกมเมอร์ เราอาจทบทวนว่าต้องมีการขออนุมัติเป็นรายกรณีหรือเป็นกรณีเฉพาะ...เพื่อทำการควบคุมป้องกันไม่ให้เป็นการใช้ในการข้ามไปยังธุรกิจที่ผิดกฎหมายส่วนตัวผมเองยังอยากเห็นจังหวัดตาก เป็นพื้นที่สำคัญทางเศรษฐกิจ แต่ถ้าถูกใช้โดยแหล่งสแกมเมอร์ต่างๆจะทำลายบรรยากาศของการสร้างเศรษฐกิจที่อยากจะเห็น การค้าชายแดนไม่จำเป็นต้องเป็นสีเทา สามารถที่จะขาวสะอาดได้โดยไม่ต้องเอื้อให้ธุรกิจสีเทาเติบโตได้เลย”นี่คือความเห็นที่น่าสนใจ เป็นไปในทิศทางเดียวกันสำหรับการแก้ปัญหา “แหล่งอาชญากรรมริมแม่น้ำเมย” เมืองเมียวดี ตรงข้ามกับอำเภอแม่สอดและพบพระ จังหวัดตาก ของนายทหารปฏิบัติหน้าที่อยู่หน้างานคือ พ.อ.ณัฐกร เรือนติ๊บ ผู้บังคับการหน่วยเฉพาะกิจราชมนูและนักการเมืองที่เกาะติดปัญหานี้อย่างต่อเนื่องคือ นายรังสิมันต์ โรม ประธาน กมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐฯ ภาสกร จำลองราช “สำนักข่าวชายขอบ” www.transbordernews.in.th ย้ำว่า เมืองแม่สอดและพบพระ โอบล้อมด้วยขุนเขาอยู่ติดชายแดนไทยด้านตะวันตกโดยมี “แม่น้ำเมย” ไหลกั้นเขตแดน การเดินทางเข้าพื้นที่มี 2 ช่องทางคือทางบกและทางเครื่องบินถนนสายหลักคือเส้นทางจาก อ.เมือง จ.ตาก–แม่สอด และ อ.แม่สะเรียง–แม่สอด โดยทั้ง 2 เส้นทางมีด่านกั้นเข้มงวดอย่างน้อย 3 จุด ส่วนทางเครื่องบินต้องมาลงที่สนามบินแม่สอดขณะที่ด่านชายแดนแม่สอด-เมียวดี เปิดให้เฉพาะ “คนไทย” และคนจากฝั่งพม่าข้ามเท่านั้นแต่...ที่ผ่านมาขบวนการมาเฟียของเหล่าจีนเทา ไทยเทา พม่าเทา กะเหรี่ยงเทา สามารถนำพาเหยื่อต่างชาติอย่างน้อย 20 ชาติมาถึงแม่สอดและข้ามไปยังแหล่งอาชญากรรมในเมียวดีได้อย่างครึกโครมประมาณการว่า...มีคนที่ตกเป็นเหยื่อถูกหลอกเข้าไปทำงาน รวมทั้งผู้ที่สมัครใจเข้าเป็นเครื่องมือให้มิจฉาชีพเหล่านี้หลายแสนคนพื้นที่ประเทศไทยถูกใช้เป็น “gateway” เข้าไปสู่ประตูนรกริมแม่น้ำเมย แหล่งอาชญากรรมริมแม่น้ำเมยมีหลายโซน ทั้งใหญ่น้อยกระจายตัวกันอยู่ในพื้นที่ แต่เป็นที่น่าสังเกตคือมักตั้งติดอยู่กับชายแดนไทยโดยมีกองกำลังกะเหรี่ยง BGF (Karen Border Guard Force) และกองกำลังกะเหรี่ยง DKBA (Democratic Karen Buddhist Army) ดูแลพื้นที่และควบคุมไม่ให้เหยื่อหลบหนีทุกวันนี้ “กลุ่มคนจีน” ยังสามารถเข้า-ออก ระหว่างเมืองเมียวดีและ อ.แม่สอด ได้ตามอำเภอใจ ทั้งๆที่ชายแดนไทยบริเวณนี้ปิดสำหรับชาวต่างชาติ รูปธรรมที่เห็นชัด 2 ประการคือหนึ่ง...ทุกเที่ยวบินของสายการบินนกแอร์ซึ่งเป็นสายการบินเดียวที่บินมายัง อ.แม่สอด เป็นชาวจีนครึ่งค่อนลำ สอง...เมื่อคราวที่สงครามระหว่างรัฐบาลทหารพม่ากับกองกำลัง KNU เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา เมื่อมีกระแสข่าวว่าจะมีการทิ้งระเบิดในชเวก๊กโก่ และเคเคปาร์คซึ่งเป็นฐานใหญ่ของเหล่ามาเฟียจีนเทาปรากฏว่า...มีคนจีนและต่างชาติหลบเข้ามาพักตามโรงแรมต่างๆในแม่สอดจนล้นทะลักในชั่วข้ามคืน ที่ผ่านมา...แหล่งอาชญากรรมริมแม่น้ำเมยฝั่งเมียวดีตรงข้าม อ.แม่สอด จ.ตาก ทั้งชเวก๊กโก่ และเคเคปาร์ค ทราบกันดีว่าอยู่ภายใต้ควบคุมดูแลของกลุ่มกองกำลัง BGF (Karen Border Guard Force) หรือ...กองกำลังพิทักษ์ชายแดนกะเหรี่ยง ที่มี “ชิตู” เป็นผู้นำขณะที่ฐานสแกมเมอร์ออนไลน์แห่งใหม่ ตั้งอยู่ตรงข้าม ต.ช่องแคบ อ.พบพระ ที่มาแรงในแง่ของความ “โหดโฉด” อยู่ภายใต้การดูแลของกลุ่มกองกำลัง DKBA (กะเหรี่ยงพุทธประชาธิปไตย) ที่มีนายซาย จอ หล่า หรือ “โกซาย” ผู้นำอันดับ 3 เป็นผู้ควบคุมขณะที่เหยื่อซึ่งเป็นชาวต่างชาติอีกจำนวนมากยังถูกคุมขังและทรมานอยู่ในแหล่งอาชญากรรมริมแม่น้ำเมย แต่ที่น่าฉงนมากที่สุดคือท่าทีอันไม่กระตือรือร้นของรัฐบาลไทยที่มีต่อแหล่งอาชญากรรมเหล่านี้โดยเฉพาะการช่วยเหลือเหยื่อนานาชาติที่ต้องการหลุดพ้นจากแดนสนธยาแห่งนี้ ยิ่งเป็นการเพิ่มน้ำหนักความน่าเชื่อถือที่ว่า...บิ๊กๆในวงการราชการไทยรวมถึงนักการเมืองใหญ่จำนวนหนึ่ง ต่างได้รับผลประโยชน์จากกลุ่มจีนเทาและกะเหรี่ยงเทา รวมทั้งการรองรับนโยบายเปิดกาสิโนในประเทศไทยหรือเปล่า? ในวันวานจึงมีข่าวสะท้อนภาพความจริงที่เล่าลือกันเป็นวงในไม่รู้เท็จจริงกี่มากน้อย ทำนองว่าชาวต่างชาติจำนวนหนึ่งที่ออกจากแหล่งอาชญากรรมเหล่านี้มาได้ เพราะต้องยอมเสียเงินเป็นค่าไถ่ตัวโดยการประสานงานแบบ “ใต้ดิน” จากฝั่งไทย ทั้งจาก “คนมีสี” ในระบบราชการไทยและ “เอ็นจีโอ”วันนี้หากมองประเด็นในด้าน “การท่องเที่ยว” ภาสกร บอกว่า ไม่มีแรงจูงใจใดที่ทำให้เชื่อว่าชาวจีนจำนวนมากต้องการเข้าไปเที่ยวชมธรรมชาติหรือวิถีวัฒนธรรมในพื้นที่ชายแดนไทยบริเวณนี้ แต่เป็นที่รับรู้กันว่าเป้าหมายของพวกเขาคือเข้า...ออกแหล่งอาชญากรรม โดยใช้ช่องทางธรรมชาติตามริมแม่น้ำเมยประกอบกับวิธีการ “ยอมหลับตา” ของข้าราชการบางหน่วยงานซึ่งมีสายสัมพันธ์ใกล้ชิดอยู่กับผู้นำกลุ่มกองกำลังกะเหรี่ยงเทา?ข้อเสนอที่ให้ “รัฐบาล” ออกมาตรการควบคุมไม่ให้คนจีนหรือชาวต่างชาติเข้าไปในพื้นที่เปราะบางที่ยังมีการสู้รบและเชื่อมโยงอยู่กับขบวนการมาเฟียทั้งการค้ามนุษย์ ยาเสพติด การต้มตุ๋นออนไลน์ จึงเป็นแนวทางที่เหมาะสมอย่างยิ่ง ซึ่งรัฐบาลสมควรให้น้ำหนักและลงมือแก้ไขปัญหานี้อย่างจริงจัง“เชื่อว่า...การตัดเส้นทางวงจรอุบาทว์ของขบวนการมาเฟียด้วยวิธีการนี้ เป็นมาตรการหนึ่งที่ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อกิจการของแหล่งอาชญากรรมริมแม่น้ำเมยที่ทำร้ายเหยื่อและสร้างความเดือดร้อนกับประชาชนจำนวนนับล้านๆคนทั่วโลกได้ระดับหนึ่ง”.คลิกอ่านคอลัมน์ “สกู๊ปหน้า 1” เพิ่มเติม