แนวคิดส่วนใหญ่เกี่ยวกับวิวัฒนาการในช่วงแรกของสัตว์ 4 ขา มักมาจากซากดึกดำบรรพ์หรือฟอสซิลที่ค้นพบในพื้นที่ชุ่มน้ำบริเวณเส้นศูนย์สูตรโบราณที่มีถ่านหินจำนวนมาก พื้นที่นั้นในปัจจุบันคือทวีปยุโรปและอเมริกาเหนือ ทว่าเมื่อเร็วๆนี้ ทีมนักบรรพชีวินวิทยาจากมหาวิทยาลัยบัวโนสไอเรส ในอาร์เจนตินาและพิพิธภัณฑ์ฟีลด์ ในสหรัฐอเมริกา เผยการศึกษาซากของสัตว์ 4 ขาชื่อ Gaiasia jennyae ใหม่อีกครั้ง ซึ่งถูกค้นพบจากชั้นหิน Gai-As ทางตะวันตกเฉียงเหนือของนามิเบีย ในทวีปแอฟริกา นักบรรพชีวินวิทยาเผยว่า Gaiasia jennyae มีชีวิตอยู่ในยุคเพอร์เมียนเมื่อประมาณ 280 ล้านปีก่อน เป็นเครือญาติกับสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบกที่สูญพันธุ์ไปแล้วที่เรียกว่าโคโลสเตอิด (colosteids) อยู่ในวงศ์ Colosteidae มันมาจากทางใต้ไกลออกไปมาก โดยอาศัยอยู่ในบริเวณมหาทวีปโบราณคือ มหาทวีปกอนด์วานาทางตอนใต้ที่ละติจูดประมาณ 55 องศาใต้ ความยาวตัวอย่างน้อย 2.5 เมตรและอาจยาวถึง 4 เมตร กะโหลกศีรษะขนาดใหญ่ กลม แบน มีความยาวมากกว่า 60 เซ็นติเมตร และมีเขี้ยวที่ประสานกันที่ด้านหน้าของปากนักบรรพชีวินวิทยาอธิบายว่าโครงสร้างกะโหลกศีรษะและกรามบ่งชี้ว่า Gaiasia jennyae มีแรงกัดที่ทรงพลังทำให้จับเหยื่อขนาดใหญ่ได้ แถมการกัดก็ไม่เหมือนกับสัตว์ 4 ขาในยุคแรก นอกจากนี้ ร่างกายยังใหญ่โตกว่ามนุษย์มาก คล้ายซาลาแมนเดอร์ เชื่อว่ามันน่าจะชอบนอนเล่นอยู่ใกล้พื้นหนองบึงและทะเลสาบ ส่วนศีรษะแบนใหญ่คล้ายโถส้วม ทำให้อ้าปากและดูดเหยื่อได้ดี แต่ถึงจะเป็นนักล่าตัวใหญ่ ก็คาดว่ามันจะโจมตีเหยื่อได้ช้า.อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่