“ทวี สอดส่อง” รายงานด่วน “นายกฯเศรษฐา” ตำรวจเกาะบาหลีล็อก “แป้ง นาโหนด” แล้ว ปิดฉากแหกคุก 222 วัน วิดีโอคอลสอบถามเบื้องต้นยืนยันตัวตนทันที มั่นใจถูกตัวแน่ แฉถูกจับเพราะชะล่าใจว่าปลอดภัย ออกจากแหล่งกบดานเมืองเมดานไปเที่ยวเกาะบาหลี ก่อคดีทำร้ายร่างกายผู้หญิงตามนิสัยเดิม ตำรวจมาสอบสวนเอาหนังสือเดินทางอาเจะห์ให้ดูอ้างเป็นใบ้ ถูกตรวจสอบจนพบว่าเป็นคนไทย มีหมายจับตำรวจสากล หลายหน่วยงานตีปี๊บลากคอได้เสียที เบื้องต้นรอประสานว่าต้องถูกดำเนินคดีที่อินโดนีเซียก่อนส่งกลับหรือไม่ “บิ๊กต่าย” สั่งการตำรวจ ตท.ประสานใกล้ชิด เตรียมข้อมูลสอบเชิงลึกทุกประเด็น ทั้งขบวนการช่วยเหลือแหกโรงพยาบาลหลบหนีออกนอกประเทศ รวมทั้งขบวนการค้ายา เสพติดข้ามชาติ “ผู้การเมืองคอน” ลับมีดรอ เตรียมกำลังคุมตัวดำเนินคดีเข้มข้น รับรองครั้งนี้ไม่พลาดให้หนีไปอีกแน่กรณีนักโทษเด็ดขาดนายเชาวลิต ทองด้วง หรือแป้ง นาโหนด อายุ 37 ปี ผู้มีอิทธิพลเมืองนครศรีธรรมราชและพัทลุง อ้างป่วยขอให้ส่งตัวจากที่คุมขังเรีือนจำจังหวัดนครศรีธรรมราช ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช หลังจากนั้นร่วมกับพวกวางแผนหลบหนีออกจากโรงพยาบาลไปได้ช่วงกลางดึกวันที่ 22 ต.ค.66 หลังจากนั้นถูกหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายตามล่าตัวจ้าละหวั่นนานนับเดือนแต่คว้าน้ำเหลว จึงเชื่อว่าหลบหนีออกนอกประเทศไปแล้วโดยทางเรือ ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้นความคืบหน้าจากตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 30 พ.ค. พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม เข้าพบนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เพื่อรายงานผลการติดตามจับกุมนายเชาวลิต ทองด้วง หรือแป้ง นาโหนด อายุ 37 ปี ผู้ต้องขังหลบหนีการควบคุมตัวจากโรงพยาบาล ตั้งแต่เดือน ต.ค.66 ใช้เวลาประมาณ 1 ชม. หลังจากนั้น นายเศรษฐาทวีต ผ่าน X ว่า “แป้ง นาโหนด” นักโทษหนีคดีถูกจับกุมตัวแล้ว โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) กระทรวงยุติธรรม (ยธ.) และกระทรวงการต่างประเทศ (กต.) ประสานความร่วมมือกับทางการอินโดนีเซียต่อมาเวลา 13.13 น. พ.ต.อ.ทวีให้สัมภาษณ์หลังเข้าพบนายกฯว่า วันนี้รัฐบาลอินโดนีเซียจับกุม นายเชาวลิตได้ที่เกาะบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย วันที่ 31 พ.ค.จะประสานรับตัวกลับมาดำเนินคดีที่ไทย นายกฯสั่งการกระทรวงยุติธรรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกระทรวงการต่างประเทศ ให้ติดตามกรณีนายเชาวลิตอย่างใกล้ชิด เมื่อวันที่ 25 พ.ค.ตนพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ กรมราชทัณฑ์ ป.ป.ส. อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และ พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก ที่ปรึกษานายกฯ บินไปที่อินโดนีเซีย เพื่อประสานเรื่องดังกล่าว หลังจากนายเชาวลิตหนีออกจากประเทศไทย แล้วปลอมพาสปอร์ตเป็นคนอาเจะห์อาศัยอยู่ที่อินโดนีเซียอย่างระมัดระวัง ส่วนใหญ่อยู่ที่เมืองเมดานและบาหลี ตำรวจอินโดนีเซียให้ความร่วมมือกับเราอย่างดียิ่ง จนสามารถจับตัวได้ที่บาหลีเมื่อช่วงเช้าวันที่ 30 พ.ค.“เมื่อสักครู่ได้วิดีโอคอลมาให้ผมสอบปากคำนายเชาวลิต เพื่อยืนยันว่าเป็นตัวจริง เขายอมรับว่าจนมุมแล้ว จึงบอกให้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมจะรับรองความปลอดภัย เขาไม่เคยเตรียมตัวว่าจะถูกจับ เพราะคิดว่าเป็นยุคที่เขาปลอดภัยที่สุด เขาเลยไปเที่ยว ถ้าคิดว่าไม่ปลอดภัยเขาคงอยู่แต่ในห้อง การไปเที่ยวครั้งนี้พบว่า ทะเลาะกับผู้หญิงอินโดนีเซียและทำร้ายร่างกาย จึงเป็นที่มา อย่างไรก็ตาม ต้องขอบคุณตำรวจภูธรภาค 9 อธิบดีดีเอสไอ ป.ป.ส. กรมราชทัณฑ์ และกระทรวงการต่างประเทศที่เกาะติดเรื่องนี้มาตลอด เมื่อได้ตัวนายเชาวลิตเราจะได้เครือข่ายองค์กรอาชญากรรมที่เกี่ยวพันกับยาเสพติด ส่วนรายละเอียดต่างๆจากนี้ขอให้เป็นเรื่องของการสืบสวนสอบสวนผู้สื่อข่าวถามว่า จะไปรับตัวนายเชาวลิต นำตัวมาสอบสวนในวันที่ 31 พ.ค.เลยหรือไม่ พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ต้องดูว่าอินโดนีเซียเขามีขั้นตอนกฎหมายอย่างไร เพราะนายเชาวลิตใช้หนังสือเดินทางปลอม เขาอาจถูกจับกุมก่อนหน้านี้หลายครั้งแล้ว แต่แสดงเป็นคนใบ้ เนื่องจากพูดภาษาอินโดนีเซียไม่ได้ อย่างไร ก็ตาม ต้องยอมรับความสามารถของตำรวจอินโดนีเซีย ที่ตนได้ไปดูการทำงาน 2-3 วัน เห็นเทคนิคการสืบสวนสอบสวน เขาเป็นมืออาชีพ ทำเรื่องนี้ให้เราอย่างเต็มที่ ระยะหลังเรากับอินโดนีเซียประสานงานเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างต่อเนื่องถามว่า มีการช่วยเหลือนายเชาวลิตออกนอกประเทศหรือไม่ พ.ต.อ.ทวีกล่าวว่า ขอให้ตำรวจ สอบสวนก่อน ส่วนกระแสข่าวว่ามีคนเดินทางไปพบนายเชาวลิตนั้น คนที่เดินทางไปหาส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงหลายคน แต่เท่าที่ดูไม่ได้เป็นคนในครอบครัว เพราะมันโยงมาจากการจับคนอินโดนีเซียไปเรียกค่าไถ่ รายละเอียดขอให้รอการสอบสวน เรื่องนี้ ผบช.ภ.9 รวมถึงรักษาการ ผบ.ตร.เขาทำงานกันอย่างเต็มที่ หลังจากคว้าน้ำเหลวในการปิดล้อมก็ติดตาม เพราะเขาเป็นมืออาชีพ ขนาดตำรวจอินโดนีเซียยังระบุว่า นี่เป็นมืออาชีพที่แท้จริง เมื่อเรารู้ว่าเขาออกจากประเทศทางเรือ มีการจัดทีมขึ้นมาโดยเฉพาะ กัดไม่ปล่อย ฝังตัวอยู่ตลอด ดูจากเรื่องเล็กๆน้อยๆนำไปสู่โปรเจกต์การเดินทางว่า ทำไมต้องไปเมืองเมดาน ประกอบกับข้อมูลที่เรามีอยู่ถามว่า สถานที่จับกุมนายเชาวลิตเป็นอยู่อย่างไร อยู่ในเซฟเฮาส์หรือไม่ พ.ต.อ.ทวีกล่าวว่า การจับกุมเกิดที่บาหลี เขาเพิ่งบินไปเที่ยว ปกติเขาพำนักอยู่เมืองเมดาน ต่อข้อถามที่ว่า นายเชาวลิตทำอะไรอยู่ที่เมดาน พ.ต.อ.ทวีกล่าวว่า เขามีคอนโดมิเนียมใหญ่ เบื้องต้นขอสอบสวนก่อน ถามอีกว่า มีเส้นทางการเงินส่งไปตลอดใช่หรือไม่ พ.ต.อ.ทวีตอบว่า ต้องรอให้ขยายผลก่อน ถามว่า กรณีนายเชาวลิตออกไลฟ์สดกลางสวนปาล์มระหว่างหลบหนี จุดนั้นเป็นประเทศไทยหรือไม่ พ.ต.อ.ทวีกล่าวว่า ตอนนั้นสงสัยว่าเป็นประเทศเพื่อนบ้านแต่ไม่รู้ว่าเป็นที่ไหน โดยให้ผู้เชี่ยวชาญวิเคราะห์พบว่า ไม่ใช่พื้นที่ภาคใต้ของไทยที่กรมราชทัณฑ์ นายสหการณ์ เพ็ชร์นรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวถึงขั้นตอนการดำเนินการกับนายเชาวลิต ทองด้วง หรือแป้ง นาโหนด หลังถูกจับกุมที่เกาะบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย ว่า ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการดำเนินการของกระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังต้องประสานก่อนว่า ผู้ต้องหากระทำความผิดอะไรบ้างในประเทศอินโดนีเซีย และประเทศต้นทางจะดำเนินการแจ้งข้อหาหรือดำเนินคดีอย่างไร สำหรับขั้นตอนการรับตัวผู้ร้ายข้ามแดนจะเป็นไปตามกระบวนการปกติ เมื่อกลับมายังประเทศไทยเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องสอบสวน ตามกระบวนการ และแจ้งข้อหาเพิ่มกรณีหลบหนีที่คุมขัง โทษกรณีนี้ต้องรวมกับโทษเดิมที่ถูกตัดสินมาตั้งแต่ต้น กรมราชทัณฑ์เป็นกระบวนการปลายทาง ต้องรอให้ขั้นต้อนการสอบสวน ขั้นตอนพิจารณาคดีเสร็จสิ้น จึงจะเข้าสู่ขั้นตอนของกรมราชทัณฑ์ แต่เบื้องต้นการควบคุมตัว เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จะดูแลร่วมกับตำรวจที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร.รรท.ผบ.ตร.เผยว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจอินโดนีเซียควบคุมตัวนายเชาวลิต ทองด้วง หรือเสี่ยแป้ง นาโหนด เรียบร้อยแล้ว อยู่ระหว่างยืนยันการจับกุมอย่างเป็นทางการจากทางอินโดนีเซีย จากนั้นตำรวจไทยจะประสานเรื่องการส่งตัวเสี่ยแป้งกลับมาดำเนินคดีในประเทศไทย ยืนยันว่าการจับกุมตัวเสี่ยแป้งครั้งนี้เป็นไปตามหมายจับตำรวจสากล (หมายแดง) หรืออินเตอร์โพลของประเทศไทย ข้อหาต่อสู้ขัดขวางและหลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ จำเป็นต้องนำตัวกลับมาดำเนินคดีในราชอาณาจักรไทย ส่วนข้อหาการปลอม แปลงพาสปอร์ต หรือการกระทำความผิดอื่นที่เกิดขึ้นในประเทศอินโดนีเซีย ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน แต่ให้กองการต่างประเทศประสานงานตำรวจอินโด นีเซียแล้ว เนื่องจากประเทศอินโดนีเซียมีสนธิสัญญาส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนกับประเทศไทย แต่จะมีขั้นตอนประสานกันอย่างไร ขอหารือในรายละเอียดก่อน“เจ้าหน้าที่ตำรวจมีข้อมูลและแกะรอยเสี่ยแป้งตั้งแต่หลบหนีไปอยู่ในป่า และข้ามทะเลไปยังอินโด นีเซีย โดยเร่งติดตามตัวมาอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งได้เบาะแส ทำให้ทางการอินโดนีเซียสามารถจับกุมตัวได้ แต่จะใช้เส้นทางใดหลบหนี รวมทั้งมีบุคคลใดให้ความช่วยเหลือบ้าง อยู่ระหว่างสืบสวนขยายผล ส่วนจะมีความเกี่ยวข้องกับขบวนการค้ายาเสพติดและมีตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้อง 1 นายหรือไม่นั้น ยังไม่ได้รับรายงาน แต่จะรับไว้ตรวจสอบและขยายผล กรณีมีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้องจะดำเนินการโดยไม่มีละเว้น” พล.ต.อ.กิตติ์รัฐกล่าวที่จังหวัดนครศรีธรรมราช พล.ต.ต.สมชาย ซื่อต่อตระกูล ผบก.ภ.จ.นครศรีธรรมราช เผยว่า สั่งการชุดพนักงานสืบสวนสอบสวนให้เตรียมพร้อม หลังแป้งนาโหนดมาถึงจังหวัดนครศรีธรรมราช จะควบคุม 48 ชม.จากนั้นส่งดำเนินคดีต่อศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช รอบนี้คงไม่ให้พลาดอีก ตั้งใจอย่างเต็มที่จะดำเนินคดีตามกฎหมายให้แล้วเสร็จ ต้องรอให้พนักงานสอบสวนสรุปสำนวนคดีอีกครั้ง ตอนนี้ต้องรอคำสั่งก่อนว่าจะส่งตัวไปยังส่วนกลางก่อนหรือส่งตัวมาที่ จ.นครศรีธรรมราชโดยตรง ตนสั่งเตรียมกำลังตำรวจควบคุมตัวสุดเข้ม และระดมพนักงานสอบสวนสอบปากคำ ก่อนส่งฝากขังต่อศาลตามขั้นตอน“เสี่ยแป้งถูกศาลจังหวัดพัทลุงสั่งจำคุก 20 ปี 6 เดือน ร่วมกับพวกปล้นผู้ต้องหาจากเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวน บก.สส.บช.ภ.8 ขณะจับกุมคดียาเสพติด นอกจากนี้ ยังมีคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาอีกหลายคดี อาทิ คดีสมคบค้ายาเสพติด คดีฟอกเงิน คดีร่วมกันฆ่า เป็นต้น ทั้งนี้ ยังพบว่าเจ้าหน้าที่ ปปง.อายัดทรัพย์สินของนายเชาวลิตที่ จ.สงขลา ที่นำเอาไปฝากไว้กับคนใกล้ชิดมูลค่าสูงถึง 150 ล้านบาท เมื่อวันที่ 20 ต.ค.66 เสี่ยแป้งถูกส่งไปรักษาทางทันตกรรมที่โรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช แต่มีอาการวูบหมดสติและขาอ่อนแรงจึงแอดมิตที่โรงพยาบาล หลังจากนั้นหลบหนีไปจนกระทั่งมาถูกจับกุมที่ประเทศอินโดนีเซียรวมเวลาที่หลบหนี 222 วัน” พล.ต.ต.สมชายกล่าวอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่