เกมการเมืองขณะนี้ไม่ใช่เกมธรรมดา นายพิชิต ชื่นบาน แถลงว่า การที่ 40 สว.ร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้นายเศรษฐา ทวีสิน พ้นจากนายกรัฐมนตรี และให้นายพิชิตพ้นจากรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ฐานขาดความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ เป็นวงจรอุบาทว์ทางการเมือง มุ่งโค่นล้มรัฐบาลนายพิชิตเล่าว่า ตนเคยคัดค้าน ต่อคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ 2560 ที่กำหนดให้หลายตำแหน่งต้อง “มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์” เพราะจะทำให้เกิดการกลั่นแกล้งกันทางการเมือง เพราะคิดว่าเป็นเรื่อง “นามธรรม” นายก รัฐมนตรีบริหารประเทศอยู่ดีๆ อาจถูกทำให้พ้นตำแหน่งได้ เป็นวงจรอุบาทว์ในอดีต คำว่า “วงจรอุบาทว์ทางการเมือง” หมายถึงวัฏจักรทางการเมืองของไทย ที่มักจะเริ่มต้นด้วยรัฐประหาร การฉีกรัฐธรรมนูญ การเขียนรัฐธรรมนูญใหม่ การเลือกตั้ง แล้ววกกลับสู่การยึดอำนาจวนเวียนอยู่แบบนี้ ประชาธิปไตยไทยจึงล้มลุกคลุกคลาน ไม่รู้จักโต ลืมตาขึ้นเมื่อไหร่จะโดนวงจรอุบาทว์การกำหนดให้นักการเมืองมี “ความซื่อสัตย์สุจริต” เป็นเรื่องที่น่าจะปฏิบัติได้ ไม่มีปัญหา เพราะความซื่อสัตย์สุจริตอยู่ตรงข้ามกับ “การทุจริต” เป็นรูปธรรม แตะต้องได้ เช่น การทุจริตต่อหน้าที่ หรือทุจริตโกงเงินแผ่นดิน การทุจริตมองเห็นได้ แตะต้องได้ เช่น ความผิดทางอาญา แต่จริยธรรมมองด้วยตาเปล่าไม่เห็นแต่ในระยะหลังๆมีความผิดของนักการเมืองเพิ่มขึ้นมาอีกมาก โดยเฉพาะความผิดที่เกี่ยวกับเรื่อง “จริยธรรม” ซึ่งเป็นนามธรรม ไม่สามารถจับต้องได้ การกระทำอย่างไรผิดจริยธรรม รัฐธรรมนูญ 2560 ฉบับปัจจุบัน ใช้บังคับองค์กรอิสระ และตุลาการศาลรัฐธรรมนูญด้วย ผู้ทำผิดอาจโดน “ใบดำ”การกระทำที่นำไปสู่ใบดำ ได้แก่ การ “ไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง” โดยร้องต่อ ป.ป.ช.ให้ไต่สวน จนถึงศาลฎีกา ถ้าศาลรับฟ้อง อาจให้ผู้ถูกฟ้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ (แม้แต่นายกรัฐมนตรี) ถ้าศาลเห็นว่าผิดจริง จะสั่งให้พ้นจากตำแหน่ง รวมทั้งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งการถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งนี่แหละ ที่ชาวบ้านเรียกว่า “โดนใบดำ” เพราะถ้าโดนใบแดง จะห้ามสมัครเพียงครั้งเดียว แต่ถ้าโดนใบดำ จะห้าม สมัครรับเลือกตั้งในทุกตำแหน่ง และห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมืองตลอดชีพ คำถามก็คือ จะกลั่นแกล้งทางการเมืองได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับผู้ตัดสินชี้ขาด.คลิกอ่านคอลัมน์ “บทบรรณาธิการ” เพิ่มเติม