ชาวบ้านผวาซ้ำ สิงโตตัวใหญ่หลุดจากบ้านเดินเพ่นพ่านกลางชุมชน อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังก่อนหน้านี้มีชายชาวต่างชาติพาสิงโตนั่งรถหรูเปิดประทุนขับตระเวนทั่วเมืองพัทยา ผอ.สบอ.ที่ 2 (ศรีราชา) สนธิกำลังตำรวจเข้าตรวจสอบ 2 เคส เคสแรกสิงโตนั่งรถเปิดประทุน สาวเจ้าของอ้างเพื่อนต่างชาติพาสิงโตไปหาหมอ ตรวจชิปตรงเอกสารถูกต้องแต่ไม่มีใบอนุญาตครอบครอง อีกเคสที่สิงโตหลุดพบเลี้ยงไว้ในบ้าน 2 ตัว สาวเจ้าของอ้างประตูรั้วเปิดอัตโนมัติทำให้สิงโตหลุดออกไป ตรวจชิปตรงเอกสาร 1 ตัว อีกตัวไม่ตรงทั้งเพศทั้งชิป ทั้ง 2ราย โดนแจ้งข้อหาครอบครองสัตว์ควบคุมประเภท ก. (สิงโต) โดยไม่รับอนุญาต เช็กต้นทางสิงโตทั้ง 3 ตัว ซื้อมาจากฟาร์มเดียวกันใน จ.นครปฐมกรณีชายชาวต่างชาติพาสิงโตนั่งรถเบนท์ลีย์หรูเปิดประทุนขับตระเวนในพื้นที่เมืองพัทยา จ.ชลบุรี มีคนถ่ายคลิปไปโพสต์ในโลกโซเชียลจนเป็นเรื่องฮือฮาเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง ความคืบหน้าเมื่อช่วงเย็นวันที่ 24 ม.ค. นายก้องเกียรติ เต็มตำนาน ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 2 (ศรีราชา) กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าตรวจสอบผู้ครอบครองสิงโตตัวดังกล่าวที่บ้านเลขที่ 354/42 ซอยเขาพระตำหนัก 5 หมู่ 12 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี พบ น.ส.สว่างจิตร โกสูงเนิน อายุ 38 ปี เจ้าของบ้านพาเข้าไปดูสิงโตที่ขังอยู่ในกรงภายในบ้านพร้อมเอกสารการครอบครอง เป็นสิงโตเพศเมียชื่อ “ร็อคกี้” อายุ 8 เดือน เจ้าหน้าที่ตรวจสุขภาพสิงโตแข็งแรงสมบูรณ์ และพบไมโครชิปที่หัวไหล่ด้านขวา ใช้เวลาตรวจประมาณ 30 นาทีนายก้องเกียรติกล่าวว่า จากการตรวจสอบไมโครชิปประจำตัวสิงโตเป็นไมโครชิปที่ถูกต้องตรงกับเอกสารของ สบอ.ที่ 4 (บ้านโป่ง) ที่ถูกต้องตามกฎหมาย แต่มีความผิดในข้อหาครอบครองสิงโตซึ่งเป็นสัตว์ป่าควบคุมประเภท ก. (สิงโต) โดยไม่ได้รับอนุญาต ส่วนความผิดการเคลื่อนย้ายต้องขอตรวจสอบอย่างละเอียดว่าจะเข้าข่ายหรือไม่ กรณีชาวต่างชาตินำสิงโตขึ้นรถเปิดประทุนขับไปในเมืองก็ถือว่าเป็นพฤติกรรมไม่เหมาะสมและเข้าข่ายความผิดการเคลื่อนย้ายสัตว์ป่าดุร้ายโดยไม่รายงานให้เจ้าหน้าที่ทราบผอ.สบอ.ที่ 2 (ศรีราชา) เผยด้วยว่า ตามระเบียบแล้วผู้ครอบครองอยู่ที่นี่ยังไม่ได้เป็นเจ้าของสิงโตจริง โดยหลักการควรจะส่งสิงโตกลับไปที่ต้นทางคือฟาร์มสิงโตที่ จ.นครปฐม หากดำเนินการยื่นเรื่องตามขั้นตอนให้ถูกต้องครบถ้วนแล้ว ทาง สบอ.ที่ 2 (ศรีราชา) จะส่งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบบ้านหรือสถานที่เลี้ยงสิงโตว่ามีความเหมาะสมหรือไม่ และไม่สร้างความเดือดร้อนรำคาญให้กับผู้พักอาศัยรอบๆด้าน ถ้าทุกอย่างผ่านระเบียบถูกต้องก็สามารถเลี้ยงสิงโตได้ด้าน น.ส.สว่างจิตรกล่าวว่า ทำงานเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ ส่วนชาวต่างชาติที่ปรากฏในคลิปเป็นเพื่อนสนิทที่ซื้อสิงโตตัวนี้มาให้เป็นของขวัญ ตนเลี้ยงมาตั้งแต่ตัวเล็กๆยังไม่หย่านม วันเกิดเหตุที่เพื่อนนำสิงโตนั่งรถเปิดประทุน เนื่องจากวันนั้นตนงานยุ่งให้เขาพาสิงโตไปหาหมอเพราะไม่ค่อยสบายและตัวเล็กผิดปกติเหมือนขาดสารอาหาร ไม่คิดว่าจะนั่งรถไปแล้วเปิดประทุนแบบนั้น ก็ตำหนิไปว่าตนจะเดือดร้อนเพราะกำลังทำเรื่องขอเอกสารที่ดำเนินการไป 2 รอบแล้ว เจ้าหน้าที่แจ้งว่าเอกสารไม่สมบูรณ์เพราะฟาร์มใส่เพศของสิงโตผิด ต้องส่งเอกสารกลับไปเปลี่ยนใหม่ กระทั่งตกเป็นข่าวที่เพื่อนต่างชาติพาสิงโตนั่งรถเปิดประทุนไปหาหมอ หลังสอบสวนเบื้องต้นเจ้าหน้าที่อายัดสิงโตไว้พร้อมแจ้งข้อหาครอบครองสัตว์ควบคุมประเภท ก. (สิงโต) โดยไม่รับอนุญาต นำส่ง สภ.เมืองพัทยา ดำเนินคดีเกิดเหตุระทึกเกี่ยวกับสิงโตอีกรายสร้างความหวาดผวาให้ชาวบ้านเมื่อช่วงเช้าวันที่ 25 ม.ค. เพจเฟซบุ๊ก pattayawatchdog โพสต์ภาพสิงโตหลุด พร้อมระบุข้อความว่า เพื่อนบ้านผวา สิงโตตัวใหญ่หลุดออกมาเดินบนถนนหลายครั้งแล้ว แจ้งตำรวจเรื่องเงียบ กลัวว่าต่อไปจะอันตรายกับสัตว์เลี้ยงและประชาชน เหตุเกิดในซอยเขามะกอก 13 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปตรวจสอบย่านชุมชนซอยเขามะกอก 13 มีบ้านเรือนประชาชนประมาณ 20 หลัง ภายในบ้านเลขที่ 17/19 หมู่ 4 ต.ห้วยใหญ่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เป็นบ้านเดี่ยวชั้นเดียวมีรั้วรอบขอบชิดเนื้อที่ประมาณ 50 ตร.ว. มีสิงโต 2 ตัว และสุนัขร็อตไวเลอร์ 2 ตัว อยู่ภายในบ้านสอบถาม น.ส.จรินย์ญาภรณ์ แก้วไสย์ อายุ 28 ปี เจ้าของบ้าน เผยว่า ซื้อสิงโต 2 ตัว เพศผู้ชื่ออาสัว กับเพศเมียชื่อหลินหลิน มาเลี้ยงตั้งแต่อายุ 45 วัน ราคาตัวละ 5 แสนบาท ตอนนี้ทั้งคู่อายุประมาณ 10 เดือน เลี้ยงรวมไว้กับสุนัข 2 ตัว ก่อนหน้านี้ที่สิงโตหลุดออกไปเกิดจากประตูรั้วเป็นระบบอัตโนมัติเปิดเองทำให้สิงโตหลุดออกไป ผู้ดูแลรีบนำกลับเข้าบ้านก่อนจะใช้โซ่ล็อกประตูไว้ เพื่อป้องกันประตูอัตโนมัติเปิดเอง ลักษณะนิสัยของสิงโตสำหรับตนที่เป็นผู้เลี้ยงก็ไม่มีท่าทีดุร้ายใส่ ส่วนกับคนอื่นก็สามารถจับตัวได้แต่ต้องเฉพาะตอนที่ตนอยู่ด้วยเท่านั้นชาวบ้านใกล้เคียงทราบว่า วันที่เห็นสิงโตหลุดออกมาเป็นช่วงเทศกาลวันปีใหม่ รู้สึกตกใจกลัวพากันอุ้มเด็กกลับเข้าบ้าน ที่ผ่านมาสังเกตเห็นเจ้าของบ้านมักจะเล่นกับสิงโตเป็นประจำ ก็ไม่ได้ดุร้ายอะไร แต่กับคนอื่นคิดว่าอาจเป็นอันตรายได้เพราะสิงโตอาจจะผิดกลิ่น ขณะที่บริเวณดังกล่าวมีทั้งเด็กและคนแก่อาศัยอยู่จำนวนมากต่อมาในช่วงบ่าย นายก้องเกียรติ เต็มตำนาน ผอ.สบอ.ที่ 2 (ศรีราชา) ร่วมกับตำรวจ สภ.ห้วยใหญ่ ตำรวจท่องเที่ยว และตำรวจ ตม.สนธิกำลังเข้าตรวจสอบบ้านหลังดังกล่าว น.ส.จรินย์ญาภรณ์ เจ้าของบ้านยืนยันว่าซื้อสิงโตมาจากฟาร์มกระป๋องสีไลออนซู จ.นครปฐม ราคาตัวละ 5 แสนบาท ทางฟาร์มนำมาส่งให้ถึงที่บ้านทำสัญญาซื้อขายเมื่อวันที่ 29 ธ.ค.65 มีหนังสือส่งมอบสิงโตระบุเป็นเพศผู้ 2 ตัวพร้อมหมายไมโครชิปที่ฝังอยู่ในตัวสิงโต ก่อนหน้านี้เคยเลี้ยงอยู่ที่ อ.สัตหีบ เพิ่งจะย้ายมาที่บ้านหลังนี้ได้ประมาณ 6 เดือน ปัจจุบันเตรียมขายคืนให้เจ้าของฟาร์มที่ซื้อมา นัดหมายส่งสิงโตคืนในอีก 2 วันข้างหน้าผลการตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นพบว่า สิงโตเป็นเพศผู้ 1 ตัว เพศเมีย 1 ตัว อายุประมาณ 1 ปี ไม่ตรงกับเอกสารที่นำมาแสดงระบุเป็นสิงโตตัวผู้ทั้งคู่ ผลตรวจไมโครชิปตรงแค่ตัวเดียว ส่วนอีกตัวไม่ตรงกับหนังสือส่งมอบ นอกจากนี้ทั้ง 2 ตัว ยังไม่มีการแจ้งครอบครองสัตว์ควบคุมประเภท ก. (สิงโต) ให้ถูกต้องตามระเบียบ เจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯ อายัดสิงโตทั้ง 2 ตัวไว้พร้อมแจ้งดำเนินคดี น.ส.จรินย์ญาภรณ์ ในข้อหาครอบครองสัตว์ควบคุมประเภท ก. (สิงโต) โดยไม่รับอนุญาตและจะขอหมายศาลเข้าตรวจค้นบ้านเพื่อตรวจยึดสิงโตทั้ง 2 ตัวต่อไปสำหรับ จ.ชลบุรี มีการแจ้งครอบครองสิงโต 14 ตัว เป็นเลี้ยงเพื่อนันทนาการ 1 คน (แจ้งเลี้ยง 2 ตัว) เลี้ยงเป็นฟาร์ม 3 แห่ง และสวนสัตว์ 1 แห่ง ส่วนสิงโตที่ตกเป็นข่าว 2 ราย รวม 3 ตัวซื้อมาจากฟาร์มเดียวกันใน จ.นครปฐม ยังไม่มีการแจ้งครอบครองอย่างถูกต้องอ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่