ฝ่ายปกครองโชว์จับต่างด้าวชาวอินเดีย 3 ราย หลังพ่อค้า-แม่ค้าลูกหนี้แจ้งเบาะแส ชี้เป้าปล่อยเงินกู้นอกระบบ ปลัด มท. สั่ง ผวจ.-นอภ.กำชับกำนัน-ผญบ.กวดขัน โว 1 เดือน ปราบ ผู้มีอิทธิพล 2,409 ราย “พีระพันธุ์” ระดมทีมยกร่างกฎหมายรื้อโครงสร้างพลังงานใหม่ แจงประกาศ กกพ.แค่ทำตาม ก.ม. ให้ประชาชนเลิกกังวลค่าไฟไม่พุ่งตามที่เป็นข่าว “วันชัย” จับยามสามตา ยก รบ. “เศรษฐา” มากับดวงเทพอุ้มสม หลัง 27 ก.พ.67 ปักหลักมั่นคง ดาวอริอ่อนแรง ให้จับตาหลัง สว.พ้นวาระ การเมืองปรับใหญ่ “เดียร์” ชวนคน ปชป. ร่วมฟื้นฟูพรรค ลั่น 9 ธ.ค. บทพิสูจน์อุดมการณ์ของจริง มท.เร่งปลูกจิตสำนึกเทิดทูนสถาบันหลักหลังการเปิดลงทะเบียนให้ผู้ได้รับความเดือดร้อน จากปัญหาหนี้นอกระบบ สามารถรับการช่วยเหลือจากภาครัฐ ตามโครงการรัฐบาลเป็นวันแรก ฝ่าย ปกครองโดยกระทรวงมหาดไทย รีบโชว์ผลงานจับชาวต่างด้าวเป็นชาวอินเดีย 3 คน พบมีพฤติการณ์ปล่อยเงินกู้นอกระบบให้พ่อค้าแม่ค้าในตลาดร่มโพธิ์ อ.เสาไห้ จ.สระบุรี ปกครองโชว์จับต่างด้าวปล่อยกู้เมื่อวันที่ 2 ธ.ค. นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัด กระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์กรณีฝ่ายปกครอง อ.เสาไห้ จ.สระบุรี บุกจับชาวต่างชาติ 3 ราย ปล่อยเงินกู้นอกระบบ หลังได้รับแจ้งเบาะแสจากประชาชนที่มาลงทะเบียนผู้ได้รับความเดือดร้อนจากหนี้นอกระบบเมื่อวันที่ 1 ธ.ค. ซึ่งเป็นวันแรกการเปิดให้ลงทะเบียน มีพฤติการณ์ปล่อยเงินกู้นอกระบบให้พ่อค้าแม่ค้าภายในตลาดร่มโพธิ์ อ.เสาไห้ ว่า กระทรวงมหาดไทยดำเนินการตามนโยบายรัฐบาล ในวาระเร่งด่วนแก้ไขปัญหาขจัดความยากจน และปราบปรามผู้มีอิทธิพล โดยเฉพาะปัญหาหนี้นอกระบบ ปัญหาหนี้สินรายย่อย และจากการเปิดรับลงทะเบียนทั้งในระบบออนไลน์ การวอล์กอินเข้าไปขอรับบริการ ณ ศูนย์อำนวยการแก้ไขหนี้นอกระบบทั่วประเทศวันแรกมีผู้ลงทะเบียนรวม 22,090 ราย มูลหนี้กว่า 935 ล้านบาท นายสุทธิพงษ์กล่าวต่อว่า หลังเปิดรับลงทะเบียนเพียงวันเดียว กระทรวงมหาดไทยได้รับรายงานการดำเนินการแก้ปัญหาจากที่ทำการปกครอง อ.เสาไห้ มีประชาชนมาลงทะเบียนจำนวน 2 ราย และลงทะเบียน ผ่านระบบออนไลน์ 4 ราย จากเบาะแสที่ได้รับแจ้งว่ามีคนต่างด้าวมีพฤติการณ์ปล่อยเงินกู้นอกระบบให้แก่แม่ค้าภายในตลาดร่มโพธิ์ นายชินนาอาชว์ รสิอัครศักดิ์ นายอำเภอเสาไห้ จึงสั่งการให้ปลัดอำเภอ พร้อมสมาชิก อส. ร้อย อส.อ.เสาไห้ ที่ 9 ลงพื้นที่ตรวจสอบ พบบุคคลลักษณะคล้ายคนต่างด้าวสัญชาติอินเดีย 3 คน มีพฤติการณ์เดินไปพูดคุยกับแม่ค้าตามแผงค้า จึงเข้าไปสอบถามและขอให้แสดงหนังสือ เดินทาง แต่ทั้ง 3 รายไม่แสดงหนังสือเดินทางให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ จึงควบคุมตัวมาสอบสวน ณ ที่ว่าการอำเภอเสาไห้ พร้อมแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เสาไห้ เพื่อดำเนินการต่อไปสั่ง ผวจ.-นอภ.กำชับกำนัน-ผญบ.ปลัดกระทรวงมหาดไทยกล่าวอีกว่า ขอเน้นย้ำไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ให้กำชับกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และคณะกรรมการหมู่บ้าน (กม.) ร่วมกันเฝ้าระวังสอดส่องบุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่มีพฤติการณ์เป็นผู้กระทำความผิด เพื่อดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ในส่วนที่เกี่ยวข้องโวย 1 ด. ปราบผู้มีอิทธิพล 2,409 รายนายสุทธิพงษ์ยังกล่าวถึงผลการดำเนินตามนโยบายจัดระเบียบสังคมและปราบปรามผู้มีอิทธิพล ในรอบ 1 เดือน ที่เริ่มวันที่ 1 พ.ย. ภาพรวมของผลการ ปฏิบัติตามนโยบายสามารถจับกุมผู้กระทำความผิดไปแล้ว 2,409 ราย ชุดปฏิบัติการฯมีการตั้งจุดตรวจ/ จุดสกัด 17,425 ครั้ง เข้าตรวจสถานที่ 19,675 ครั้ง และหาข่าว 31,965 ครั้ง การจับกุมผู้กระทำความผิด 2,409 ราย แบ่งเป็นประเภทความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด 966 คดี การค้ามนุษย์ 3 คดี อาวุธปืน 115 คดี การพนัน 33 คดี ผู้มีอิทธิพล 1 คดี สถานบริการ 120 คดี และการกระทำความผิดอื่นที่เข้าข่ายเป็นการสร้างความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชนอีก 130 คดีสารภาพขูดดอกร้อยละ 20 ต่อเดือนนายชินนาอาชว์ รสิอัครศักดิ์ นายอำเภอเสาไห้ กล่าวว่า หลังได้รับแจ้งเบาะแสจากประชาชนผู้ได้รับความเดือดร้อนจากหนี้นอกระบบ ว่า มีคนต่างด้าวมีพฤติการณ์ปล่อยเงินกู้นอกระบบให้แก่แม่ค้าภายในตลาดร่มโพธิ์ จึงนำปลัดอำเภอ และอส. ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง จากการสอบถามแม่ค้าภายในตลาด ให้ข้อมูลว่ามีคนต่างด้าวลักษณะคล้ายชาวอินเดียปล่อยเงินกู้จริง โดยจะขี่รถจักรยานยนต์มาจอดที่ตลาด และเดินเก็บเงินค่างวดตามแผงต่างๆ หากลูกหนี้ไม่จ่ายเงิน จะยืนกีดขวางบริเวณหน้าร้าน สร้างความเดือดร้อนให้กับลูกหนี้ จึงสั่งการให้วางกำลังโดยรอบทางเข้าออกตลาด และแบ่งกำลังแฝงตัว กระทั่งพบบุคคลที่มีลักษณะตามเบาะแสจำนวน 3 คน แสดงตัวเข้าไปสอบถาม และขอตรวจสอบหลักฐานหนังสือเดินทาง บุคคลทั้งหมดแจ้งว่าไม่ได้พกเอกสารติดตัว จึงเชิญตัวมาสอบสวนที่ที่ว่าการ อ.เสาไห้ และแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เสาไห้ ดำเนินการตามกฎหมาย เบื้องต้นบุคคลดังกล่าวยอมรับว่าปล่อยเงินกู้จริง คิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 20 ต่อเดือน จะเก็บเงินกับลูกหนี้เป็นประจำทุกวัน ตรวจสอบหลักฐานหนังสือเดินทางพบว่าเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรเกินระยะเวลาที่กำหนดรทสช.มั่นใจรัฐบาลทำสำเร็จแน่นายธนกร วังบุญคงชนะ สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวว่าเชื่อมั่นมาตรการแก้หนี้ทั้งในและนอกระบบของรัฐบาล จะแก้ปัญหาหนี้สินให้กับประชาชนได้อย่างเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะหนี้นอกระบบทั้งการคิดอัตรา ดอกเบี้ยเกินกว่ากฎหมายกำหนด การข่มขู่คุกคามทวงหนี้โหด มีการทำร้ายร่างกายถึงขั้นเสียชีวิต หากมีการประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ให้ประชาชนมากขึ้น จะทำให้ผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนได้รับความช่วยเหลือได้รวดเร็วขึ้น ทันต่อความต้องการของประชาชนที่กำลังเดือดร้อน “พีระพันธุ์” แจง กกพ.ทำตาม ก.ม.นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พลังงาน โพสต์เฟซบุ๊กถึงประชาชนที่มีข้อกังวลใจราคาค่าไฟฟ้าว่า ขอให้มั่นใจค่าไฟจะไม่สูงตามที่เป็นข่าว เข้าใจถึงความกังวลใจของพี่น้อง ประชาชนที่ถามกันมามาก หลังสิ้นสุดมาตรการลดค่าไฟฟ้าในเดือน ธ.ค.นี้ ราคาอาจกระโดดสูงขึ้นถึงหน่วยละ 4.68 บาท หรือ 17% จากราคาปัจจุบันอยู่ที่หน่วยละ 3.99 บาท ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เปิดให้มีการสอบถามและมีมติไป ตนก็รับไม่ได้ถ้าราคาค่าไฟจะเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดดเช่นนั้น เพราะถึง กกพ.จะมีมติแบบนั้น แต่เราต้องบริหารจัดการเอาราคาค่าไฟลงมาให้ได้ ได้สั่งการให้หน่วยงานต่างๆ เร่งประสานทุกจุดล่วงหน้าด้วยวิธีการใหม่ๆหลายรูปแบบแล้ว ไม่ให้ประชาชนแบกรับค่าไฟฟ้าที่มากเกินไป จะพยายามทำให้ใกล้เคียงกับที่จ่ายอยู่ในปัจจุบันให้มากที่สุดเร่งร่าง ก.ม.รื้อโครงสร้างพลังงานใหม่นายพีระพันธุ์ระบุว่า ขอให้มั่นใจว่าเราไม่ได้นิ่ง นอนใจ การที่ กกพ.ประกาศให้ประชาชนเห็นชอบแนวทางการปรับอัตราค่าไฟฟ้าก่อนหน้านี้เป็นเงื่อนไขตามกฎหมาย แต่ยังไม่เป็นที่สุด พูดเสมอว่านี่คือการแก้ไขปัญหาระยะสั้นเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนภายใต้โครงสร้างปัจจุบัน แต่ที่ กำลังดำเนินการแบบเข้มข้นที่สุดคือเร่งรวบรวมข้อมูลให้ครบทุกมิติเกี่ยวกับพลังงาน ไม่ว่าจะเป็นน้ำมัน ก๊าซ ไฟฟ้า พลังงานทดแทน และพลังงานสะอาด เพื่อนำไปสู่การรื้อ ลด ปลด สร้าง พลังงานให้มั่นคง เป็นธรรม และยั่งยืนทั้งระบบ ตนและคณะจะร่างกฎหมายเองครอบคลุมทั้งหมด ตอบได้ทุกคำถาม ขอให้มั่นใจเอาจริงแน่ ทำมากกว่าพูดลอยๆว่าปรับโครงสร้างฝ่ายค้านอย่าเอาแต่พาลโจมตีนายพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ รองโฆษกพรรค รทสช. โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า ตามที่มีตัวแทนพรรคฝ่ายค้านออกมาค้านรายวันเรื่องการปรับลดค่าไฟให้พี่น้องประชาชนจาก 4.68 บาท/หน่วย ให้เหลือ 4.20 บาท/หน่วยนั้น ทั้งที่เป็นเรื่องดีช่วยลดภาระประชาชนสมควรจัดการก่อน การแก้ค่าไฟแพงต้องทำทั้งลดระยะสั้นและหั่นโครงสร้างระยะยาว กระทรวง พลังงานภายใต้การนำของนายพีระพันธุ์ เราทำอยู่ทั้งคู่ หยุดเอาแต่ค้านเชิงทฤษฎีกลวงๆ ทางที่ดีต้องทำคู่ขนาน เฉพาะหน้าต้องเยียวยาประชาชน ขณะเดียวกันต้องรื้อปรับโครงสร้างไฟฟ้า แก้ไขรายละเอียดการผลิตก๊าซธรรมชาติ แก้กฎหมายควบคุมหลายฉบับ รวมถึงเพิ่มพลังงานไฟฟ้าสะอาด เราเน้นทั้งคู่ให้ราคาไฟฟ้าต่อหน่วยถูกลงในระยะยาว 3 บาทกว่าโดยรัฐไม่ต้องใส่เงินอุดหนุน ขอให้เชื่อมือการบริหาร อย่าพาล ใช้ข้อมูลเก่าๆมาโจมตีรัฐบาลเลย หวังว่าวันหนึ่งท่านจะมองภาพให้กว้าง มองเห็นทุกข์ร้อนประชาชนผู้ใช้ไฟระยะสั้น “อนุชา” ภูมิใจ “บิ๊กตู่” องคมนตรีนายอนุชา นาคาศัย รมช.เกษตรและสหกรณ์ รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวว่า ขอแสดงความยินดีกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกฯที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นองคมนตรี ตนมีความภาคภูมิใจเป็นอย่างมากในฐานะเคยทำงานร่วมกับ พล.อ.ประยุทธ์มานาน ได้ทำประโยชน์ให้กับประเทศ ชาติบ้านเมืองเป็นอย่างมาก มีการพัฒนาประเทศอย่างต่อเนื่อง มีผลงานมากมาย เช่น โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ช่วยบรรเทาความเดือดร้อนได้ รวมทั้งวางอนาคตประเทศไว้ ทั้งการพัฒนาสนามบินทั่วประเทศ บริหารจัดการแหล่งน้ำขนาดใหญ่อีอีซี รวมถึงรถไฟฟ้า 9 สาย มอเตอร์เวย์ 3 สาย และไฮสปีดเทรน กรุงเทพฯ-โคราช สิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ได้ทำมาถือเป็นแบบอย่างในการทำงานให้กับตนมาโดยตลอด ท่านเป็นผู้ที่ทำงานอย่างทุ่มเท ไม่เหน็ดเหนื่อย และตั้งใจ ที่อยากจะทำให้ประเทศชาติเดินหน้า ประชาชนอยู่ดีกินดี“วันชัย” ยก “รบ.เศรษฐา” มากับดวงด้านนายวันชัย สอนศิริ สว.โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า “ดวงดาวปีหน้ากับรัฐบาลเศรษฐา” ใครจะมองหรือวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลเศรษฐาอย่างไร แต่วิเคราะห์จากดวงดาวตามหลักโหราพยากรณ์ ตั้งแต่บัดนี้จนถึง 31 ธ.ค. ดาวเกตุจะเข้ามาทับดวงเมือง และ 20 ม.ค.2567 ดาวศุกร์จะย้ายเข้าสู่ราศีธนู ทั้งดาวพุธและดาวอังคารเข้ามาอยู่ในตำแหน่งศุภะของดวงเมือง อาจมีการกล่าวหาโจมตีใส่ร้ายป้ายสีมีความขัดแย้งอยู่บ้าง แต่รัฐบาลจะประคองตัวไปได้ ไม่มีปัญหาทำให้เพลี่ยงพล้ำ เมื่อถึง 27 ก.พ.67 รัฐบาลเศรษฐาจะยืนปักหลักได้อย่างมั่นคงลงตัว ฝ่ายตรงข้ามไม่มีกำลังเพียงพอจะต่อกร ดาวอริอ่อนแรงไม่สามารถทะลุทะลวงรัฐบาลได้ รัฐบาลเศรษฐามากับดวงจริงๆ ทั้งดวงดาวที่ยิ่งใหญ่ เป็นดาวสำคัญมาชุมนุมเกื้อหนุนกันโดยมิได้นัดหมาย ดาวอาทิตย์ พุธ พฤหัส ศุกร์ และมฤตยู มาชุมนุมกันที่ราศีพฤษภ เป็นเรือนกดุมภะของดวงเมือง เป็นปฐมบทให้บ้านเมืองเข้าสู่ยุคศิวิไลซ์ จะมีมือที่มองไม่เห็นประดุจเทพอุ้มสม ทำให้เศรษฐกิจสังคมและการเมืองเดินไปได้ด้วยดี อุปสรรคต่างๆจะถูกพังทลายไปจับตาหลัง สว.พ้นวาระมีปรับใหญ่นายวันชัยระบุอีกว่า 26 พ.ค.67 เป็นต้นไป อาจมีการกระชับอำนาจพรรคเพื่อไทย ทั้งการควบรวมพันธมิตรทางการเมืองให้เข้มแข็งมีพลังแรงยิ่งกว่าเดิม ระหว่างนั้น สว.ชุดเก่าหมดวาระ อำนาจโหวตนายกฯเป็นของ สส.เพียวๆ ตามดวงดาวบ่งชี้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง ปรับ ครม. ปรับคน ปรับพรรค การเมืองให้เข้าที่เข้าทาง ศูนย์รวมอำนาจจะอยู่กับเพื่อไทยเต็มๆ การชุมนุมประท้วง การรัฐประหารหรือเหตุความรุนแรงทางการเมืองไม่ปรากฏให้เห็น แม้จะมีก็เป็นเรื่องกลุ่มอาชีพผู้เดือดร้อน มิใช่ชุมนุมทางการเมือง สรุปว่าปีหน้ารัฐบาลเศรษฐาโล่งโปร่งสบายไปได้ด้วยดี ส่วนปีท้ายๆของรัฐบาลก็มีดวงดาวบางอย่างที่ลึกลับซับซ้อนจะมาแทนนายกฯหรือไม่ ค่อยว่ากันอีกทีดีอีเอสคุมเข้มข้อมูลส่วนบุคคลนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กล่าวว่า จากการประชุม ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส. หรือ PDPC) สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) และสมาชิกเครือข่ายธุรกิจประกันภัย เพื่อกำหนดแนวทางการป้องกันการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล ที่ประชุมกำหนดมาตรการหลัก 3 ด้าน เพื่อยกระดับมาตรฐานการป้องกันและคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล โดย PDPC และ คปภ. จะร่วมกันจัดตั้งศูนย์เฝ้าระวังติดตามการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลสำหรับธุรกิจ ประกันภัย ชื่อ “ศูนย์ คปภ.PDPC Eagle Eye” เพื่อยกระดับการตรวจสอบกำกับดูแลการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในภาคธุรกิจประกันภัยอย่างเคร่งครัด จัดทำและประกาศแนวปฏิบัติ (Guideline) เป็นมาตรฐานสำหรับธุรกิจประกันภัยในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลอย่างเหมาะสม ในที่ประชุมยังสอบถามความคืบหน้าสอบสวนกรณีผู้ปกครองในพื้นที่ จ.ขอนแก่น ถูกใช้ข้อมูลส่วนตัวในใบงานของบุตรมาใช้ในการเสนอขายประกัน คปภ.แจ้งว่าตรวจสอบเรียบร้อย และได้เพิกถอนใบอนุญาตนายหน้าประกันภัยจากผู้กระทำผิดแล้ว “เดียร์” ชวนคน ปชป.ร่วมฟื้นฟูวันเดียวกัน น.ส.วทันยา บุนนาค ประธานคณะทำงานนวัตกรรมการเมืองกรุงเทพมหานคร ผู้เสนอตัวลงชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์คลิปวิดีโอลงเพจเฟซบุ๊กถึงสมาชิกพรรคและประชาชนทั่วประเทศว่า กว่า 77 ปีที่พรรคผ่านร้อนหนาววิกฤติมากมาย มีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นตลอดเวลา แต่จุดหัวใจความเป็นประชาธิปไตยไม่เคยเปลี่ยน แม้พรรคจะก้าวมาไกลแล้วจนถึงในวันที่เราต้องตั้งคำถามใหม่กับตัวเองว่าอนาคตของลูกหลานที่ต้องอยู่ไปถึงศตวรรษหน้า อยากเห็นความเปลี่ยนแปลง ในของพรรคไปในลักษณะใด วันนี้คือห้วงเวลาสำคัญที่สุด เป็นโอกาสในการเปลี่ยนแปลงให้พรรคเดินก้าวต่อไป จึงขออาสาเสนอตัวลงสมัครหัวหน้าพรรคและอยากเชิญชวนทุกคนกลับเข้ามาร่วมฟื้นฟูพรรคให้แข็งแรง ร่วมสร้างวัฒนธรรมการเมืองใหม่ เป็นธรรม รักษาคำพูด ไม่ใช่การเมืองแสวงหาอำนาจและประโยชน์ ของตัวเอง9 ธ.ค.พิสูจน์อุดมการณ์ของจริงน.ส.วทันยาระบุอีกว่า พร้อมจะยืนเคียงข้างทุกคนในทุกความท้าทาย จะรับฟังทุกเรื่องโดยเฉพาะอย่างยิ่งในยามที่เราไม่เห็นพ้องต้องกัน เพราะต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลง ทำให้เป็นพรรคของประชาชนทุกคน ตอบสนองความต้องการของผู้คนในสังคมได้ตรงจุด เข้ามาช่วยกันนำประเทศชาติ สถาบันการเมืองต่างๆ และสถาบันสำคัญของชาติ ไปสู่ความยั่งยืนในอนาคต ครั้งนี้ไม่ว่าจะแพ้หรือชนะไม่สำคัญ แต่ควรเป็นชัยชนะของทุกคนในพรรคประชาธิปัตย์ นำพาให้พรรคเติบโตงอกงามท่ามกลางใจ ประชาชนอีกครั้ง วันที่ 9 ธ.ค.นี้จะได้พิสูจน์ว่าความเข้มแข็งที่แท้จริงของพรรคที่มาจากความคงมั่นของอุดมการณ์ประชาธิปไตย เสรีภาพ ความหวังอันแข็งแกร่ง โอกาส จะยังมีหลงเหลืออยู่ในหัวใจของเราหรือไม่ เป็นเหตุผลที่เราต้องร่วมกันฟื้นศรัทธาประชาชนกลับมาเหมือนวันก่อตั้งพรรค เราจะไม่ใช่แค่พรรค แต่เราจะเป็นความหวัง และความศรัทธาของประชาชน“ราเมศ” มั่นใจได้หัวหน้าคนใหม่นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การประชุมใหญ่วิสามัญ ประจำปี 2566 พรรคได้มีการจัดเตรียมสถานที่และกำหนดองค์ประชุมตามข้อบังคับพรรค ข้อที่ 81 มีการเตรียมองค์ประชุมไว้เบื้องต้น 346 คน และมีมติของรักษาการคณะกรรมการบริหารพรรค ให้กำหนดองค์ประชุมสำรองไว้อีก 150 คน มั่นใจว่าวันที่ 9 ธ.ค.จะได้หัวหน้าพรรคคนใหม่ เพื่อนำพาพรรคก้าวเดินต่อไปในอนาคต พร้อมกับยังทำหน้าที่ฝ่ายค้านให้เกิดประโยชน์กับพี่น้องประชาชนและประเทศ ควบคู่การจัดการบริหารพรรคตั้งแต่เรื่องการปรับปรุงฟื้นฟูพัฒนาพรรคในเรื่องต่างๆ เพื่อนำไปสู่ความสำเร็จในวันข้างหน้าต่อไปกระทุ้ง รบ.อย่ายื้อเวลาแก้ รธน.นายราเมศยังกล่าวถึงการติดตามการทำงานของคณะกรรมการเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางในการทำประชามติเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า มีความเคลื่อนไหวน้อยมาก ขอตั้งข้อสังเกตว่าอาจเป็นการยื้อเวลาเพื่อไม่ให้มีการเริ่มต้นแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทั้งที่รัฐบาลเคยให้คำมั่นสัญญาไว้ ขอเรียกร้องให้คณะกรรมการชุดนี้นำผลการศึกษาที่เคยมีการศึกษาในเรื่องของรัฐธรรมนูญแล้วหลายครั้ง มาใช้ประกอบการพิจารณาเพื่อความรวดเร็ว รอบคอบ และจำเป็นต้องรับฟังความเห็นในวงกว้าง อาทิ ที่มาของสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ที่กำลังทำกันอย่างเงียบๆ รัฐบาลควรวางกรอบในการศึกษาเรื่องนี้ให้ชัดเจน ไม่ใช่ยื้อเวลาไปวันๆ ไม่มีการดำเนินการจริงจังมท.เร่งปลูกจิตเทิดทูนสถาบันหลักอีกเรื่อง น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขานุการ รมว.มหาดไทยและโฆษกกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า กระทรวงมหาดไทยได้เริ่มนำข้อตกลงตาม MOU ที่ลงนามร่วมกันระหว่างกระทรวงมหาดไทย กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงแรงงาน และสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ มาขับเคลื่อนแปลงไปสู่นโยบายรื้อฟื้นวิชาประวัติศาสตร์ หน้าที่พลเมืองและจริยธรรมศึกษา สำหรับสถาบันการศึกษาในสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พร้อมมอบหมายให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ แจ้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้สถานศึกษาในสังกัดจัดการเรียนการสอนในระดับการศึกษา ขั้นพื้นฐาน นำวิชาประวัติศาสตร์ หน้าที่พลเมืองและจริยธรรมศึกษาเป็นวิชาหลักในการเรียน ตั้งแต่ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2567 เป็นต้นไป มุ่งเน้นนำไปสู่ความรักและภูมิในสถาบันหลัก เกิดความเป็นหนึ่งเดียวกัน“สุระ” จี้รัฐเอาจริงปราบเนื้อเถื่อนนายสุระ เตชะทัต เลขาธิการพรรคพลังบูรพา กล่าวถึงกรณีภาครัฐเร่งจับกุมผู้กระทำความผิดลักลอบนำเข้าหมูเถื่อนจากต่างประเทศว่า เชื่อว่าคงไม่ได้มีแค่การลักลอบนำเข้าเนื้อหมูอย่างเดียว ยังมีปัญหานำเข้าเนื้อวัว เนื้อแพะ อาหารทะเล สินค้าทางการเกษตรอื่นอย่างผิดกฎหมายด้วยหรือไม่ เรื่องนี้ทำให้เกิดความเสียหายมหาศาลทางเศรษฐกิจ กระทบไปถึงผู้ประกอบการเกษตรกรไทยจำนวนมาก ในแวดวงมีการพูดกันว่าปัญหานี้เกิดมานานแล้วไม่ใช่เพิ่งเกิด ขอให้กำลังใจรัฐบาลชุดนี้แม้เพิ่งเข้ามาบริหารประเทศได้ 2-3 เดือน แต่ห้ามปล่อยปละ ละเลย ต้องเอาจริงเอาจังเร่งรีบแก้ไข ไปจัดการไปดูว่าเรื่องเกิดจากอะไร เป็นเพราะหน่วยงานรัฐปล่อยปละละเลยมานาน ทำเป็นขบวนการเพราะมีเจ้าหน้าที่เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องไปเอื้อประโยชน์ให้ใครหรือไม่ พร้อมทั้งบังคับใช้กฎหมายอย่างเด็ดขาดต่อผู้ที่เกี่ยวข้อง ไปให้ถึงตัวการใหญ่ เพื่อสร้างความมั่นใจแก่ประชาชน “ธนาธร” ชวนคิดกับกลุ่มทุนไทย นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า วันนี้ได้รับเชิญไปบรรยายพิเศษ หัวข้อกลุ่มทุนกับการเมืองไทย วิชาการเมืองการปกครองไทยสมัยใหม่ ให้กับนักศึกษาปี 2 หลักสูตรปรัชญาการเมืองและเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์ โดยสไลด์ 3 ชิ้น กับคำถาม 3 คำถาม สไลด์แรกเป็นรายงานข่าวเกี่ยวกับรายชื่อกลุ่มทุนชั้นนำของไทยที่ให้การสนับสนุนกลุ่ม กปปส.สร้างสถานการณ์จนนำไปสู่การรัฐประหารในปี 2557 พร้อมคำถามชวนคิดว่าทำไมกลุ่มทุนในไทยถึงพากันไปสนับสนุน กปปส. แต่ไม่สนับสนุนการเปลี่ยนแปลงที่เป็นประชาธิปไตย สไลด์สอง กราฟจีดีพีต่อหัว คำถามชวนคิดว่าเหตุใดไทยที่เราเคยคิดฝันอยู่ช่วงหนึ่งว่าจะสามารถเป็นส่วนหนึ่งของ “เอเชียมิราเคิล” ไปเป็นเสือตัวที่ 5 ได้ กลับไม่สามารถเดินทางไปสู่ความฝันนั้น สไลด์ที่สาม รายงานธนาคารเครดิตสวิส จัดลำดับความเหลื่อมล้ำระหว่างคน 1% กับ 99% ในปี 2022 ไทยติดอันดับ 4 ประเทศที่มีช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจนมากที่สุดในโลก คำถามว่าทำไมประเทศเราถึงเหลื่อมล้ำได้มากขนาดนี้อัดไม่ต้องมี “โนว์ฮาว” รู้แค่ “โนว์ฮู”นายธนาธรระบุอีกว่า ไม่ว่าจะไล่ดูรายละเอียดลงไปในอุตสาหกรรมไหน ธุรกิจประเภทใด พลังงาน คลื่นความถี่ โทรคมนาคม แอลกอฮอล์ สิ่งทอ ดิวตี้ฟรี โรงแรม ค้าปลีก จะมีโครงสร้างร่องรอยความสัมพันธ์กับชนชั้นนำอยู่ในแทบทุกอุตสาหกรรม ประเทศไทยจะเจริญได้อย่างไรถ้านายทุนใหญ่ไม่คิดสร้างเทคโนโลยี สร้างนวัตกรรมของตัวเอง หากินแต่กับการเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากค่าเช่าทางเศรษฐกิจเพียงอย่างเดียว ไม่ต้องมี “โนว์ฮาว” รู้แค่ “โนว์ฮู” เมื่อไล่ดูที่ไปที่มาของแต่ละคนจะไม่แปลกใจเลยว่าทำไมที่ผ่านมากลุ่มทุนใหญ่ของไทยจึงสนับสนุนกลุ่มต่อต้านประชา ธิปไตยและการรัฐประหาร ทำไมไทยถึงไม่สามารถเทกออฟได้แบบหลายประเทศที่เริ่มต้นพร้อมกับเราในช่วง 60 ปีที่ผ่านมา และทำไมความเหลื่อมล้ำระหว่างคนในประเทศเรามันถึงสูงขนาดนี้อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่