เป็นเรื่องใหญ่ในข่าวเล็กๆ สำหรับการ ประกาศให้จังหวัดสุพรรณบุรีเป็น “เมืองสร้างสรรค์โลกด้านดนตรี” (The City of Music) ขององค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือยูเนสโกเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2566เป็นการประกาศในห้วงเวลาที่ประเทศไทยกำลังมองหาทิศทางการพัฒนาอุตสาหกรรมสร้างสรรค์เพื่อสร้างรายได้ให้กับประเทศ จากสิ่งที่เป็นอัตลักษณ์และวัฒนธรรมที่สามารถเชื่อมโยงผู้คนจากทั่วโลกให้รู้จักและหลงรักประเทศไทย ผ่านอำนาจละมุน ที่เรียกว่า Soft Power ปัจจุบันมีเมือง 295 แห่ง จากทั่วทุกมุมโลกได้รับการประกาศเป็นเครือข่าย เมืองสร้างสรรค์ของยูเนสโก (UNESCO Creative Cities Network : UCCN) ในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นอาหาร ศิลปะ และดนตรีสำหรับสุพรรณบุรี เป็นจังหวัดที่มีรากฐานและสินทรัพย์ทางวัฒนธรรมด้านดนตรีที่แข็งแรงผสมกลมกลืนกับวิถีชีวิตของคนในท้องถิ่นมาอย่างยาวนาน ไม่ว่าจะเป็นดนตรีพื้นบ้าน ภาษาท้องถิ่นที่มีเอกลักษณ์ และยังเป็นจังหวัดที่ผลิตบุคลากรด้านดนตรีที่มีความสำคัญของประเทศมาอย่างช้านาน มีปูชนียบุคคลด้านดนตรี และศิลปินแห่งชาติของประเทศ หรือศิลปินนักดนตรีรุ่นใหม่ทั้งเพลงลูกทุ่ง และเพลงไทยสากลที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน สมัยก่อนไม่ว่าจะพูดถึงเพลงอีแซว เพลงฉ่อย ลำตัด สุพรรณบุรีก็คือจังหวัดแถวหน้าที่เป็นต้นรากทางวัฒนธรรมของเพลงพื้นบ้านเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นแม่ครูบัวผัน จันทร์ศรี, พ่อไสว วงษ์งาม มาถึงแม่ขวัญจิต ศรีประจันต์ เรื่อยมาจนถึงยุคครูเพลงลูกทุ่งอย่าง ก้าน แก้วสุพรรณ, ไวพจน์ เพชรสุพรรณ, ศรเพชร ศรสุพรรณ, สุรพล สมบัติเจริญ, พุ่มพวง ดวงจันทร์, สายัณห์ สัญญา, สลักจิต ดวงจันทร์ มาจนถึงยุคปัจจุบันที่หลายคนอาจไม่รู้ว่าทั้งน้าแอ๊ด คาราบาว, ตูน บอดี้สแลม, กัน-นภัทร, แดน-วรเวช หรือเปาวลี พรพิมล ล้วนเป็นศิลปินที่มีสายเลือดคนสุพรรณบุรีแทบทั้งสิ้น ด้านดนตรีไทย จังหวัดสุพรรณบุรีมีศิลปินแห่งชาติสาขานี้ถึง 2 ท่าน ได้แก่ ครูมนตรี ตราโมท ที่ได้รับฉายาว่าคีตกวี 5 แผ่นดิน มีความรู้ ความสามารถด้านดุริยางคศาสตร์ สร้างสรรค์ผลงานเพลงไทยกว่า 200 เพลง รวมทั้งการเขียนตำราดนตรีฉบับแรกของไทยด้วย และครูแจ้ง คล้ายสีทอง เป็นช่างขับคำหอม ขับเสภา ด้วยเนื้อเสียงที่เป็นเอกลักษณ์และทักษะการตีกรับจึงถือได้ว่าองค์ความรู้ด้านดนตรีของเมืองสุพรรณบุรี มีคุณค่าควรแก่การอนุรักษ์ ส่งเสริม พัฒนา ต่อยอด สืบสานและส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น ให้เป็นที่รู้จักแก่คนทั่วไป การได้รับการยกย่องให้เป็นเมืองสร้างสรรค์ด้านดนตรี ของสุพรรณบุรี จึงไม่ได้เป็นเรื่องเกินหรือเหนือความคาดหมาย ที่สำคัญ The City of Music ของสุพรรณบุรีนี่ล่ะ คือซอฟต์พาวเวอร์ที่ระเบิดจากภายในด้วยอัตลักษณ์ที่โดดเด่นในวิถีชีวิตของคนลุ่มน้ำท่าจีนที่เมื่อไหลผ่านเมืองสุพรรณก็จะมีชื่อเรียกว่าลุ่มน้ำสุพรรณ ที่มีเพลงและดนตรีเข้ามาเกี่ยวข้องตั้งแต่เกิดจนตายไม่เพียงแต่เป็นต้นทางด้านศิลปะการดนตรีเท่านั้น ปัจจุบันสุพรรณบุรีมีสถาบันการศึกษาที่บ่มเพาะเมล็ดพันธุ์ด้านดนตรีแขนงต่างๆ มีพื้นที่สร้างสรรค์สาธารณะ มีโรงละครแห่งชาติที่มีมาตรฐานในระดับสากล สุพรรณบุรีจึงมีความพร้อมที่โดดเด่นและเหมาะสม ที่จะนำเสนอสู่สายตาคนทั้งประเทศและทั่วโลกให้เกิดการยอมรับ ด้วยฐานทุนทางวัฒนธรรมดนตรีเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาเมือง ทำให้เห็นคุณค่าของวัฒนธรรมและอุตสาหกรรมเชิงสร้างสรรค์ที่มีต่อการพัฒนานโยบายในระดับท้องถิ่นผ่านกิจกรรมดนตรี ยกระดับทรัพยากรที่โดดเด่นของเมืองและชุมชนสู่ความยั่งยืนตามมาตรฐานระดับสากล สามารถต่อยอดใช้เป็นเครื่องมือให้เกิดพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนได้ และนี่คือ Soft Power ที่ไม่จำเป็นต้องแสวงหา หากแต่คือการต่อยอดสิ่งที่เป็น “คุณค่า” ทางวัฒนธรรมเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจอย่างแท้จริง.คลิกอ่านคอลัมน์ “THE NEW NORMAL” เพิ่มเติม