ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) นำโดย รศ.ดร.คมสัน มาลีสี อธิการบดี สจล. และ รศ.สุพจน์ ศรีนิล รองอธิการบดีฝ่ายกายภาพสิ่งแวดล้อมและทรัพย์สิน สจล. ได้จัดประชุมหารือผลกระทบต่อชุมชน 5 เขต ในโครงการทางพิเศษสายศรีนครินทร์-ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ พร้อมเสนอข้อคิดเห็นทางวิชาการในการออกแบบ ที่ห้องประชุมแคแสด ตึกสำนักงานอธิการบดี สจล. ถนนฉลองกรุง เมื่อวันที่ 24 พ.ย.66 ที่ผ่านมาโครงการทางพิเศษสายศรีนครินทร์-ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ มูลค่าลงทุน 35,000 ล้านบาท ระยะทาง 18.5 กม. ดำเนินการโดยการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) รับโอนมาจากกรมทางหลวง (ทล.) มีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเดินทางบนทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 7 รวมทั้ง บรรเทาปัญหาจราจรบริเวณทางเชื่อมเข้า-ออกท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ คาดว่าจะเริ่มก่อสร้าง ปี 2570 กำหนดแล้วเสร็จเปิดใช้งานปี 2573 ทั้งนี้ ปัจจุบันอยู่ในระหว่างการศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (EIA) ครั้งที่2รศ.ดร.คมสันกล่าวว่า การสร้างทางยกระดับแบบเสาคู่ขนานทั้งสองฝั่งถนนเป็นแบบที่ไม่เหมาะสม เพราะเสาและโครงสร้างขนาดใหญ่ ควรเป็น “แบบเสาเดี่ยวตรงเกาะกลาง” จะคุ้มค่ากว่า โดยเสากลางจะรองรับการจราจรทั้งขาไปและขากลับ ระหว่างก่อสร้างต้องกั้นพื้นที่เลนกลางไว้ และบริหารจัดการให้เหมาะสม อีกทางเลือกที่ดีและยั่งยืนที่สุด คือ ทำ “อุโมงค์รถวิ่ง” (Road Tunnel) ใต้แนวถนน ระยะความลึกกว่า 20 เมตร ซึ่งจะไม่ติดตอม่อสะพาน แม้จะแพงกว่า แต่แก้ปัญหาได้ยั่งยืน ไม่ต้องเวนคืนด้าน รศ.สุพจน์ ศรีนิล กล่าวว่า ความคุ้มค่าของการสร้างแบบเสาเดี่ยวตรงเกาะกลาง คือช่วยประหยัดงบ เนื่องจากไม่ต้องเวนคืนที่ดิน ลดระยะเวลาของการก่อสร้าง ประหยัดงบประมาณได้มากกว่าการสร้างแบบเสาคู่บนเกาะกลางถนนทั้งสองฝั่ง ซึ่งต้องใช้งบประมาณสูงถึง 3.5 หมื่นล้าน สำหรับขนาด 3 เลน ขณะที่แบบเสาเดี่ยวตรงเกาะกลางจะใช้งบประมาณที่ประหยัดกว่าอยู่ที่ 2-2.5 หมื่นล้านเท่านั้น ผลกระทบจาก “แบบเสาบนเกาะกลางคู่ขนานทั้งสองฝั่ง” ลดมูลค่าอสังหาริมทรัพย์-ทรัพย์สิน โดยเสาของโครงการทางคู่ขนานลอยฟ้าจะบดบัง ทั้งอาคาร ที่ดิน สิ่งปลูกสร้างทั้ง 2 ฝั่งข้างทาง นับเป็นความเสียหายทางโอกาสและเศรษฐกิจอย่างถาวรตลอดสองฝั่งรวมระยะ 37 กิโลเมตรด้วยทั้งนี้ สจล.และที่ประชุมใหญ่รับฟังข้อคิดเห็นจาก 5 ชุมชน สรุปว่า การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ควรพิจารณาแบบการก่อสร้างแบบ “อุโมงค์รถวิ่ง” (Road Tunnel) ใต้แนวถนน ที่เป็นประโยชน์สูงสุดและรองลงมา “แบบเสาเดี่ยวตรงเกาะกลาง” ซึ่งไม่ต้องเวนคืนที่ดินทั้ง 2 ข้างทาง โดย 2 แบบดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อประชาชนและเมืองน้อยที่สุด ทั้งด้านมลพิษฝุ่น เสียง แรงสั่นสะเทือน.อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่