เดือดกลางกรุงอีกคดี 3 มือปืน ขี่ จยย.บุกตะลุมบอน จ่อยิงกลางอกนักเรียนเทคนิคดุสิตดับคาที่ ทิ้งปืนปากกาให้ดูต่างหน้า หลังจากนั้นขี่รถ จยย. 2 คันหลบหนีลอยนวล ครู อาจารย์ และเพื่อนร่วมสถาบันกำลังเคารพธงชาติ รู้ข่าวแห่มาดูที่เกิดเหตุเพราะห่างจากวิทยาลัยแค่ 500 เมตร ผอ.ยันลูกศิษย์ไม่มีปัญหาตีกับใครมาเป็นปีแล้ว “ผู้การจ๋อ” ผบก.สส.บช.น. เรียกประชุมชุดสืบสวนตั้ง 3 ประเด็น ทั้งความขัดแย้งส่วนตัว ความขัดแย้งของเพื่อนผู้ตาย และเรื่องต่างสถาบัน เชื่อกลุ่มผู้ก่อเหตุถูกฝ่ายผู้เสียหายแทงบาดเจ็บด้วย ส่งชุดตรวจสอบตามโรงพยาบาลและคลินิกทั้งในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล “บิ๊กต่อ” สั่งกำชับเข้ม รอพิจารณา “ผบก.-ผกก.” ปล่อยปละละเลยให้เกิดเหตุหรือไม่ ส่วนคดี นศ.อุเทนถูกยิงบาดเจ็บ แต่ “ครูเจี๊ยบ” เสียชีวิต ขณะนี้เสียชีวิตแล้ว สาเหตุติดเชื้อในกระแสเลือด ครอบครัวและเพื่อนแห่รับศพไปบำเพ็ญกุศล แม่รอตำรวจจับคนร้ายให้ความเป็นธรรมลูกวัยรุ่นเหี้ยมไล่ยิงนักเรียนเทคนิคดุสิตดับรายนี้ เปิดเผยขึ้นเมื่อเวลา 07.45 น. วันที่ 20 พ.ย. ร.ต.ท.ธีระกิตติ์ ธีระบัญชร รอง สว. (สอบสวน) สน.ดุสิต รับแจ้งเหตุนักเรียนถูกยิงเสียชีวิตหน้าบ้านเลขที่ 64/4 ถนนระนอง 2 แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต กทม. ฝั่งตรงข้ามโรงเรียนอนุบาลกรแก้ว รายงานผู้บังคับบัญชาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบที่เกิดเหตุประกอบด้วย พ.ต.อ.กมล นุ่มหอม รอง ผบก.น.1 พ.ต.อ.ไตรเทพ แพทย์รัตน์ ผกก.สน.ดุสิต ชุดสืบสวน บก.สส.บช.น. ชุดสืบสวน กก.สส.บก.น.1 ฝ่ายสืบสวน สน.ดุสิต เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) แพทย์นิติเวช รพ.พระมงกุฎเกล้า และอาสา สมัครมูลนิธิร่วมกตัญญูที่เกิดเหตุบนทางเท้าริมถนนระนอง 2 พบศพนายพงศ์ภีระ สุขโคตร อายุ 16 ปี นักเรียนชั้น ปวช. ปี 2 แผนกก่อสร้าง วิทยาลัยเทคนิคดุสิต สถาบันการอาชีวศึกษากรุงเทพมหานคร สภาพนอนหงายจมกองเลือด สวมเสื้อช็อปช่างทับเสื้อยืดคอวีแขนสั้นสีน้ำเงิน กางเกงขายาวสีน้ำเงิน รองเท้าผ้าใบสีดำ มีบาดแผลถูกยิงด้วยปืนไม่ทราบขนาดที่กลางอก 1 นัด ในที่เกิดเหตุพบปืนปากกา 1 กระบอก เครื่องกระสุนขนาด .38 คารังเพลิง และมีด 1 เล่มยังไม่ทราบเป็นของใครเก็บไว้เป็นหลักฐานต่อมาอาจารย์วิทยาลัยเทคนิคดุสิต และเพื่อนนักเรียนนักศึกษาพากันเดินมายังจุดเกิดเหตุ เพราะห่างจากวิทยาลัยแค่ 500 เมตร นอกจากนี้ ยังมีนายชาญณรงค์ สุขโคตร อายุ 42 ปี และ น.ส.นวลนภา เกตุสุวรรณ อายุ 40 ปี พ่อแม่ของผู้เสียชีวิตทราบข่าวร้ายรีบเดินทางมายังจุดเกิดเหตุ เมื่อเห็นสภาพศพลูกถึงกับร้องไห้โฮโผเข้ากอดศพลูกร่ำไห้ปริ่มว่าจะขาดใจ ท่ามกลางบรรยากาศโศกสลด เจ้าหน้าที่รีบพยุงทั้งคู่ออกจากร่างลูก เนื่องจากต้องตรวจหลักฐาน น.ส.นวลนภาพร่ำอำลาลูกชายว่าขอให้น้องภูมิไปสู่สุคติ ชาติหน้าขอให้เกิดมาเป็นแม่ลูกอีกนายชาญณรงค์ สุขโคตร พ่อผู้เสียชีวิตเผยว่า เมื่อช่วงเช้าลูกยกมือไหว้ก่อนออกจากบ้านย่านดินแดง ปกติจะขึ้นรถเมล์มาเพียงลำพัง แต่จะใส่ชุดปกติธรรมดา แต่ก่อนจะเข้าวิทยาลัยถึงเปลี่ยนชุดนักเรียน เนื่องจากเกรงว่าจะถูกทำร้าย ไม่คาดคิดว่าจะเกิดเหตุร้ายแรงและโหดร้ายขนาดนี้ ลูกตั้งใจมาเรียนที่นี่ เคยจะให้ลาออกเพราะห่วงลูก เนื่องจากวิทยาลัยมีเรื่องทะเลาะวิวาทกันบ่อยครั้ง แต่ลูกไปขอร้องแม่ขอเรียนต่อตนจึงตามใจ รู้สึกเสียใจอย่างมากที่ลูกต้องมาจากไปแบบนี้ ตนมีลูกเพียงคนเดียวด้วยเบื้องต้นสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุมีเพื่อนผู้ตายที่เรียนด้วยกันชื่อกัสขี่รถ จยย.ยามาฮ่า แกรนด์ฟีลาโน สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน 9 กล 9685 กรุงเทพมหานคร ออกจากหน้าวิทยาลัยมารับบริเวณจุดเกิดเหตุ หลังนายกัสรับผู้ตายซ้อนท้ายแล้วจะขี่ไปรับเพื่อนอีกคนบริเวณปากทางถนนระนอง 2 ระหว่างซ้อน 3 กันมาผู้ตายบอกนายกัสว่า มีรถ จยย. 2 คัน วัยรุ่นชาย 3 คนสวมชุดดำ หมวกกันน็อกปิดบังใบหน้าขี่รถตามมา นายกัสจึงจอดรถตรงจุดเกิดเหตุทั้ง 3 คนลงรถพร้อมมีด เกิดการตะลุมบอนกัน ก่อนได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 1 นัด นายพงศ์ภีระทรุดตัวนอนฟุบไป คนร้ายทั้ง 3 คนรีบขี่รถ จยย. 2 คันหลบหนี ไปทางปากซอยถนนระนอง 2 ฝั่งถนนพระราม 5 ด้านนายจักรินทร์ ดำรักษ์ ผอ.วิทยาลัยเทคนิคดุสิต เผยว่า วิทยาลัยเทคนิคดุสิตฯไม่มีเหตุทะเลาะวิวาทมาเกือบ 1 ปี ตั้งแต่ ส.ค.ปีที่แล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ในถนนระนอง 2 เวลาที่เกิดเหตุประมาณ 07.40 น. เป็นช่วงนักเรียนกำลังเคารพธงชาติและตนให้ข้อมูลข่าวสารหน้าเสาธง ระหว่างนั้นมีผู้ใช้รถใช้ถนนเข้ามาแจ้งข่าวที่วิทยาลัยว่า มีนักเรียนถูกยิงเสียชีวิต ตนพร้อมคณะครูเลยออกไปดูพบว่า นักเรียนที่ถูกยิงอยู่ในสภาพหายใจรวยริน รีบแจ้งให้หน่วยกู้ภัยมาช่วยปั๊มหัวใจประมาณ 1 ชม.ถึงเสียชีวิตผอ.วิทยาลัยเทคนิคดุสิตกล่าวต่อว่า เบื้องต้นวันนี้ให้นักเรียนกลับบ้านตอนเที่ยง และงดการเรียนการสอนชั่วคราว ปรับเปลี่ยนเป็นการเรียนการสอนทางออนไลน์แทน 2 สัปดาห์ หลังจากนี้จะหารือตำรวจ สน.ดุสิต ในการเฝ้าระวังรักษาความปลอดภัยให้เข้มงวดมากขึ้น ยอมรับว่า 1 ปีที่ผ่านมามีการตั้งด่านตรวจสกัดของตำรวจหน้าวิทยาลัย หลังเหตุทะเลาะวิวาทเมื่อเดือน ส.ค.ปีที่แล้ว แต่พอสถานการณ์สงบไม่มีการตั้งด่านกลายเป็นช่องโหว่ ตลอด 5-6 ปี ที่ตนมารับราชการที่วิทยาลัยยังไม่พบว่านักเรียนไปมีปัญหาทะเลาะวิวาทกับต่างสถาบัน ฝากสื่อมวลชนว่า เหตุการณ์ครั้งนี้นักเรียนของวิทยาลัยเทคนิคดุสิตเป็น ผู้ได้รับผลกระทบและเสียชีวิต ไม่ใช่เป็นผู้ก่อเหตุด้าน พ.ต.อ.ไตรเทพ แพทย์รัตน์ ผกก.สน.ดุสิต กล่าวว่า ผู้ตายซ้อนรถ จยย.มากับเพื่อนจากถนนเทอด ดำริ ตรงมายังจุดเกิดเหตุรอรับเพื่อนอีกคน เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุมีรถ จยย.ของผู้ก่อเหตุ 2 คันขี่ตามมาประกบและยิงใส่ผู้เสียชีวิต ก่อนกลุ่มผู้ก่อเหตุจะขี่รถ จยย.มุ่งหน้าออกไปทางถนนพระราม 5 พบว่าที่เกิดเหตุมีปืนปากกา 1 กระบอกตกอยู่ เจ้าหน้าที่ พฐ.เก็บไปตรวจสอบหาความเชื่อมโยงว่าเป็นปืนที่ใช้ก่อเหตุหรือไม่ ส่วนเพื่อนผู้เสียชีวิตทั้ง 2 คน เบื้องต้นนำไปสอบปากคำที่ สน.ดุสิตแล้ว และให้ฝ่ายสืบสวนตรวจสอบกล้องวงจรปิดเพื่อติดตามคนร้ายมาดำเนินคดีที่ห้องประชุมชั้น 3 สน.ดุสิต เวลา 11.30 น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. เรียกประชุมชุดสืบสวน บก.สส.บช.น. กก.สส.บก.น.1 และฝ่ายสืบสวน สน.ดุสิต ใช้เวลาประมาณ 30 นาที พล.ต.ต.ธีรเดชกล่าวว่า คดีนี้ ผบช.น.สั่งการให้ทีมสืบสวนนครบาลลงมาร่วมสืบสวนสอบสวน ตั้งประเด็นการสืบสวนเอาไว้ 3 ข้อคือ เรื่องความขัดแย้งส่วนตัวของผู้เสียชีวิต เรื่องความขัดแย้งของเพื่อนผู้เสียชีวิต และเรื่องต่างสถาบัน หลังแบ่งหน้าที่กันชัดเจน ขอเวลาสืบสวนสอบสวนอย่างละเอียดก่อน ยังไม่สามารถสรุปได้แน่ชัดว่าเป็นฝีมือต่างสถาบันหรือไม่ เชื่อว่ามีการวางแผนแต่ไม่ได้ซับซ้อน“ภาพวงจรปิดพบว่าคนร้าย 3 คนมาด้วยรถ จยย. 2 คัน รถ จยย.ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ยังไม่ สามารถตอบได้ว่าเป็นนักเรียนหรือเยาวชน เพราะสวมหมวกกันน็อกทั้ง 3 คน ส่วนปืนที่พบในที่เกิดเหตุยังไม่ชี้ชัดว่าเป็นปืนที่ใช้ยิงผู้เสียชีวิตหรือไม่ ต้องรอการตรวจทางนิติเวช ส่วนมีดที่พบแน่ชัดแล้วว่าเป็นมีดของผู้เสียชีวิตที่พกไว้ป้องกันตัว จากภาพวงจรปิดพบว่าผู้เสียชีวิตใช้มีดป้องกันตัวด้วยการแทงไปที่ผู้ก่อเหตุหลายครั้ง วิเคราะห์ว่าคนร้ายน่าจะบาดเจ็บต้องไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลหรือคลินิกในพื้นที่ กทม. หรือปริมณฑล ส่งชุดสืบสวนตรวจสอบแล้ว ขอแสดงความเสียใจไปยังครอบครัวผู้เสียชีวิตที่เป็นนักเรียน เบื้องต้นไม่พบว่าเคยมีประวัติขัดแย้งกับใคร” ผบก.สส.บช.น.กล่าวมีรายงานด้วยว่า ตำหนิรูปพรรณผู้ก่อเหตุ รถ จยย.คันแรกยี่ห้อยามาฮ่า แอร็อกซ์ 155 สีขาวแดง ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน คนขี่สวมหมวกกันน็อกแบบครึ่งใบสีเทาคาดขาว สวมเสื้อแจ็กเกตแขนยาวสีเข้ม กางเกงยีนส์สีน้ำเงิน รองเท้าผ้าใบยี่ห้อแวนส์สีดำคาดขาว ส่วนคนซ้อนท้ายใส่หมวกกันน็อกแบบครึ่งใบสีน้ำเงินคาดขาว สวมเสื้อแจ็กเกตสีดำคาดขาวยี่ห้อแคปป้า กางเกงขายาวสีเข้ม รองเท้าผ้าใบสีดำ พื้นสีขาว เชือกรองเท้าสีขาว ส่วนรถ จยย.อีกคันยี่ห้อยามาฮ่า เอ็นแม็กซ์ 155 สีเทา ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน คนขี่ใส่หมวกกันน็อกแบบเต็มใบสีดำ เสื้อคลุมแขนยาวสีดำแบบมีฮูด กางเกงขายาวสีน้ำตาล รองเท้าผ้าใบยี่ห้อแวนส์ สีดำคาดขาว กระจกมองข้างฝั่งขวาหักตกอยู่ในที่เกิดเหตุที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. กล่าวว่า สั่งให้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร.ปป. กำชับให้เร่งติดตามจับกุมผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ว หากการสืบสวนติดตามตัวล่าช้าไม่คืบหน้าต้องมีการพิจารณาตามมา เพราะสั่งกำชับนโยบายไปแล้วในเรื่องวางมาตรการป้องกันเหตุนักเรียนก่อเหตุยิงและทำร้ายร่างกาย เน้นย้ำให้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กำชับ ผบก.และ ผกก.ในพื้นที่รับผิดชอบต้องคิดหามาตรการป้องกันปัญหาไม่ให้มีเหตุรุนแรงเกิดขึ้น จะปล่อยให้มาก่อเหตุสร้างความเดือดร้อนให้ผู้บริสุทธิ์ไม่ได้ พื้นที่ต้องทำอย่างจริงจัง จัดกำลังวางสายตรวจป้องกันเหตุทะเลาะวิวาท ระดมตรวจค้นปืนและกลุ่มเสี่ยงเป้าหมายเพื่อลดโอกาสก่อเหตุถามว่าจะมีคำสั่งย้าย ผบก. และ ผกก.ที่ปล่อยให้มีเหตุหรือไม่ ผบ.ตร.กล่าวว่า ต้องพิจารณาเป็นเรื่องๆไป ต้องพิจารณาสาเหตุที่เกิดขึ้นเป็นหลักว่า เกี่ยวข้องกับปัญหาเด็กนักเรียนต่างสถาบันยกพวกตีกันหรือไม่ หรือเป็นเหตุขัดแย้งส่วนตัว อยู่ที่การสืบสวนและต้องตรวจสอบว่า ผบก. และ ผกก.เจ้าของพื้นที่วางมาตรการป้องกันเหตุตามที่ได้สั่งการลงไปหรือไม่ หากไม่ได้กวดขันปล่อยปละละเลยต้องดำเนินการลงโทษผู้รับผิดชอบด้าน พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง โฆษก ตร.กล่าวว่า พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร.สั่งการให้ ตำรวจนครบาลเร่งติดตามจับกุมผู้ก่อเหตุ พร้อมกำชับให้ตำรวจพื้นที่วางมาตรการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำ จัดทำแผนเผชิญเหตุก่อนและหลัง ส่วนกรณี ผบ.ตร.มีคำสั่งคาดโทษผู้บังคับการในพื้นที่เกิดเหตุ ขณะนี้อยู่ระหว่างการแต่งตั้งโยกย้าย คาดว่าภายในสิ้นเดือน พ.ย.จะแล้วเสร็จ ช่วงนี้ให้แต่ละหน่วยทำความเข้าใจกับนโยบาย ออกแผนตรวจสอบข้อมูล ก่อนที่ ตร.จะเรียกประชุมกำชับอีกครั้ง ยืนยันไม่ปล่อยผ่านแน่ ส่วนกรณีเหตุยิง นศ.อุเทนถวาย กระสุนพลาดถูก “ครูเจี๊ยบ” เสียชีวิต โฆษก ตร.กล่าวว่า ผบ.ตร.สั่งเร่งรัดและติดตามตัวคนร้ายให้เร็วที่สุด ขณะนี้คดีคืบหน้าไปมากส่วนคดีกลุ่มคนร้ายบุกยิงนายธนสรณ์ หรือหยอด ห้องสวัสดิ์ อายุ 19 ปี นศ.มหาวิทยาลัยราชมงคล ตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวายบาดเจ็บสาหัสหน้าธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) สาขาคลองเตย ถนนสุนทรโกษา แขวงและเขตคลองเตย แต่ลูกหลงไปถูก น.ส.ศิรดา หรือครูเจี๊ยบ สินประเสริฐ อายุ 45 ปี ครูสอนวิชาคอมพิวเตอร์ระดับชั้น ม.ต้น โรงเรียนพระหฤทัยคอนแวนต์ เสียชีวิต ชุดสืบสวนนครบาลอยู่ระหว่างล่าตัวมือปืนมาดำเนินคดี ความคืบหน้าเมื่อเวลา 13.27 น. ที่แผนกนิติเวช รพ.จุฬาลงกรณ์ น.ส.พรพิมล ห้องสวัสดิ์ แม่นายธนสรณ์ ห้องสวัสดิ์ พร้อมครอบครัวมารับร่างลูกชาย โดยมีเพื่อนและรุ่นพี่สถาบันเดียวกันมารับศพนายธนสรณ์ หลังถูกยิงอาการสาหัสและเพิ่งเสียชีวิต เมื่อเวลา 20.39 น. คืนวันที่ 19 พ.ย. เนื่องจากมีอาการ ติดเชื้อในกระแสเลือดบรรยากาศบริเวณอาคารพยาธิวิทยาจุดรับศพ มีกำลังตำรวจ สน.ปทุมวัน 7 นายมาประจำพื้นที่เฝ้าระวังเหตุ สอบถามเจ้าหน้าที่ตำรวจระบุว่า มาเพื่อคอยเฝ้าระวังเหตุดูแลความปลอดภัย และป้องกันฝ่ายตรงข้ามเข้ามาสร้างความวุ่นวายในพื้นที่ด้วย น.ส.พรพิมลกล่าวว่า ที่ผ่านมาลูกชายของแม่สู้มาตลอด เพราะเขาเป็นคนยืนหยัดต่อสู้เพื่ออยากดูแลครอบครัว แต่ต่อมาลูกชายเสียชีวิต แพทย์แจ้งว่า ติดเชื้อในกระแสเลือด ตนและครอบครัวจะนำร่างไปบำเพ็ญกุศลที่วัดใน จ.สมุทรสาคร ส่วนคดีตำรวจแจ้งมาว่า เจ้าหน้าที่พยายามอย่างเต็มที่เพื่อเร่งล่าตัวคนร้ายมาดำเนินคดี ในใจแม่อยากให้จับคนร้ายได้เดี๋ยวนี้เลย แต่ต้องให้เวลาตำรวจทำงาน“ส่วนประเด็นที่ครอบครัวคุยกันเอาไว้ว่า จะไม่เผาร่างลูกชายจนกว่าจะจับคนร้ายได้ ยอมรับว่าครอบครัวคุยเรื่องนี้จริง แต่ว่าอยากจะขอปรึกษากันภายในอีกครั้งก่อน แต่แม่จะเรียกร้องความยุติธรรมให้ลูกให้ได้มากที่สุด ทั้งนี้ ครอบครัวยังไม่อโหสิกรรมให้คนก่อเหตุ เพราะยังเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ พร้อมกับฝากบอกถึงดวงวิญญาณของลูกชายว่า ขอให้ลูกไปสู่สุคติ” น.ส.พรพิมลกล่าวถึงเวลาเคลื่อนศพมีเพื่อนและรุ่นพี่สถาบันเดียวกันถือรูปผู้เสียชีวิตเดินนำหน้า ตามด้วยร่างของนายธนสรณ์ที่ถูกคลุมด้วยถุงซิปล็อก มีแม่ผู้ตายเดินเคียงข้างมาตลอด ทุกคนอยู่ในอาการโศกสลด น.ส.พรพิมลกล่าวสั้นๆว่า “กลับบ้านเรากันนะลูก” จากนั้นนำร่างขึ้นรถตู้สำหรับรับส่งผู้วายชนม์ โดยมีแม่นั่งเคียงข้างไม่ห่าง ก่อนจะนำร่างของนายธนสรณ์ไปบำเพ็ญกุศลทางศาสนาที่วัดใน จ.สมุทรสาครอ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่