“นายกฯได้สั่งการแนวทางแก้ปัญหารถบรรทุกน้ำหนักเกินอย่างจริงจัง ต้องปราบเรื่องนี้ให้หมดไป สั่งหารือร่วมกันระหว่างตำรวจสอบสวนกลาง ตำรวจทางหลวง ตำรวจนครบาล และกรมทางหลวง กระทรวงคมนาคม ปลัดกระทรวงคมนาคม โดยผลการหารือทุกภาคส่วนจะดำเนินการตรวจจับอย่างจริงจัง” พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ย้ำแนวทางแก้ไขปัญหาหลังหารือกับ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และหน่วยงานเกี่ยวข้องหามาตรการปราบปรามรถบรรทุกน้ำหนักเกินที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิมี พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. พล.ต.ต.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย รอง ผบช.ก. พ.ต.อ.คงกฤช เลิศสิทธิกุล รรท.ผบก.ทล. ตัวแทนตำรวจ กรมทางหลวง กระทรวงคมนาคม กรุงเทพมหานคร หารือร่วมกับนายกฯ ปัญหารถหนักเกินเป็นเรื่องใหญ่กระทบรัฐบาลมาหลายยุคนานกว่า 30 ปี เขย่าวงการสีกากีทุกครั้งกับเรื่องราวของ “ส่วยสติกเกอร์” ใบเบิกทางพิเศษให้ผู้ประกอบการรถบรรทุกที่มีน้ำหนักเกินวิ่งได้บนถนนหลวงเสรี รัฐบาลที่ผ่านมามี ส.ส. เปิดโปงขบวนการ “ส่วยสติกเกอร์” จนมาเกิดเหตุรถบรรทุกสิบล้อตกท่อพื้นที่รับผิดชอบ สน.พระโขนง สังคมเรียกร้อง กดดัน เร่งปราบปรามอย่างจริงจัง ขยายผลสติกเกอร์หน้ารถบรรทุกเป็นเหตุให้นายกรัฐมนตรีเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องชี้แจงและหาแนวทางปราบปรามตำรวจสอบสวนกลางในยุค พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ให้ความสำคัญปราบปรามรถหนักมาต่อเนื่อง มีตำรวจทางหลวงตรวจจับบนถนนหลวงทั่วประเทศ ยกเว้นพื้นที่ บช.น. มีผลงานที่จับต้องได้ตั้งแต่ยุค พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. อดีต รรท.ผบก.ทล.ที่ส่งไม้ต่อให้ พล.ต.ต.คงกฤช เลิศสิทธิกุล ผบก.ทล. จับกุมรถบรรทุกน้ำหนักเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ตั้งแต่ ม.ค.-ต.ค. 1,419 ราย เปรียบเทียบกับปี 2565 ช่วงเดียวกันจับกุม 1,255 ราย เพิ่มขึ้น 164 ราย คิดเป็นร้อยละ 11.55 เปอร์เซ็นต์กำหนดนโยบายเร่งด่วน ทำทันที ต่อเนื่องและจริงจัง บูรณาการกับสหพันธ์การขนส่ง สมาคมการขนส่งแห่งประเทศไทย กรมทางหลวง กรมการขนส่ง ตำรวจภูธรและภาคประชาชน รับข้อมูลเบาะแสรถหนักทุกช่องทาง เข้าตรวจสอบดำเนินการอย่างจริงจัง จับกุมได้ให้สืบสวนขยายผลไปยังเจ้าของผู้ว่าจ้างเพื่อทำให้เข็ดหลาบใช้มาตรการจากเบาไปหาหนัก เรียกผู้ประกอบการมาทำความเข้าใจ ยื่นคำขาด ให้เลิกวิธีการผิดๆ หันมาปฏิบัติตามกฎหมาย ใครทำผิดถูกลงโทษ ถูกจับกุม ไม่มีข้อยกเว้น ไม่มีการขอ ไม่มีการช่วยเหลือกันนำเทคโนโลยีมาบังคับใช้ กล้องตรวจจับรถหนักของด่านชั่ง ติดตั้งกล้อง CCTV มุมสูงพื้นที่เสี่ยง เพื่อดูรถที่แอบลักลอบทำผิด ประสานกรมขนส่งขอ GPS รถบรรทุกนำมาเป็นข้อมูลวางแผน ป้องกัน สืบสวนดำเนินคดีกำชับรถสายตรวจตำรวจทางหลวงตรวจตรา กดดัน ตามเส้นทางถนนหลวงเพื่อไม่ให้มีการกระทำความผิด หากตรวจพบจับกุมได้ ขอดำเนินคดี เด็ดขาดทุกฐานความผิด“ออกกฎเหล็ก” ไม่ให้ตำรวจทางหลวงเข้าไปเกี่ยวข้องมีผลประโยชน์เด็ดขาด หากตรวจพบถูกดำเนินคดีอาญา วินัย และปกครอง มีเรื่องร้องเรียนหรือหน่วยนอกจับกุม มีมูลถูกคำสั่งช่วยราชการทันที มีตำรวจทางหลวงหลายนายถูกย้าย บางรายถูกดำเนินคดีอาญา ส่งสำนวนให้ ป.ป.ช.ดำเนินการมาตรการที่เด็ดขาดจริงจังของตำรวจสอบสวนกลางบูรณาการป้องกันปราบปราม สืบสวนขยายผล และมาตรการทางปกครอง ทำให้ปัญหาส่วยรถหนักลดน้อยลงชัดเจน เป็นที่ยอมรับของสมาคมการขนส่งและประชาชน แม้ว่าจะยังไม่หมดไป แต่ดีกว่าแต่ก่อนมากผบช.ก.มองการณ์ไกลออกมาตรการระยะยาว เสนอแก้ไขกฎหมายรถหนักให้สอดคล้องกับปัจจุบันที่มองว่าโทษเบาเกินไป ปรับแก้บทลงโทษค่าปรับให้สูงขึ้นและให้มีสินบนรางวัลนำจับให้เจ้าหน้าที่จับกุมรถหนัก มีแรงจูงใจทำงาน เมื่อจับกุมมีสินบนจำนวนมากจะไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับผลประโยชน์มิชอบอีก เป็นการแก้ไขปัญหาให้ยั่งยืนท่าทีของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. กับปัญหารถบรรทุกหนักและข่าวปล่อย “ส่วยสติกเกอร์” กับคดีรถบรรทุกพื้นที่ สน.พระโขนง สั่ง พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. ดำเนินคดี พ.ร.บ.จราจรฯ และ พล.ต.ท.ไกรบุญ ทรวดทรง จตช.ตรวจสอบว่าเจ้าหน้าที่รู้เห็นรับผลประโยชน์หรือไม่ สั่งสอบลึกเส้นทางการเงินหากพบว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐคนใดกระทำความผิดก็จะต้องดำเนินการทั้งทางอาญาและวินัย เป็นความชัดเจนผู้นำหน่วยให้ความสำคัญปัญหารถหนัก และ “ส่วย” ที่มาบั่นทอนตำรวจพล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. กล่าวว่า “หากประชาชนเห็นรถน้ำหนักเกินให้แจ้งเบาะแสมาที่กรมทางหลวงหรือตำรวจทางหลวง จะได้ดำเนินการจับกุม ขณะนี้คิดว่ารถบรรทุกน้ำหนักเกินลดลงไปแล้ว 80 เปอร์เซ็นต์ เหลือ 20 เปอร์เซ็นต์ที่ต้องมาไล่จับกัน และเรายังหารือเรื่องการแก้กฎหมายลงโทษปรับให้หนักขึ้นให้เกรงกลัวการกระทำผิด และมีรางวัลสินบนนำจับให้เจ้าหน้าที่มีแรงจูงใจ เป็นแนวทางที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายก รัฐมนตรีได้สั่งการลงมา ส่วนตัวเชื่อว่าจะได้ผลดีขึ้นเรื่อยๆ อาจไม่ 100 เปอร์เซ็นต์” “วันนี้เหมือน “แมวไล่จับหนู” แต่ยืนยันอธิบดีกรมทางหลวง และตำรวจทางหลวงดำเนินการ กันอย่างเต็มที่ จากนี้จะมีการพัฒนาระบบเทคโนโลยีมาช่วย จากที่มีการติดตามจีพีเอสอยู่แล้วจะใช้ระบบเอไอมาช่วยตรวจสอบภาพถ่ายว่ารถคันไหนน้ำหนักเกินหรือไม่ ยืนยันเรื่องนี้จะดำเนินการต่อเนื่อง ไม่ใช่เรื่องเงียบแล้วหยุด แต่จะทำตลอดไปให้จบที่รุ่นเรา”การทำงานตำรวจทางหลวงใช้ทุกมาตรการปราบรถหนัก ส่วยสติกเกอร์ จับตามหมาย ป้ายปลอม รถหนัก ยาเสพติด รถหาย รถสวมทะเบียน คนต่างด้าว รายวัน เป็นผลงานตำรวจทางหลวงยุคเปลี่ยนแปลง พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. และ พล.ต.ต.คงกฤช เลิศสิทธิกุล ผบก.ทล. แสดงให้เห็นความจริงจังมีเสียงชื่นชมย้อนภาพเก่าในอดีตยุครุ่งเรืองของตำรวจทางหลวงกับฉายา “ฉลามบกทางหลวง” พอการันตีว่า “ปัญหารถหนัก ทำให้จบได้ที่รุ่นเรา”.ทีมข่าวอาชญากรรมคลิกอ่านคอลัมน์ "แกะรอยสัปดาห์" เพิ่มเติม