ตำรวจไทยโชว์วันเดียวจับ 2 นักฆ่าหนุ่มไต้หวันหมกโรงแรม ย่านบางนาแฉเป็นชาวพม่าและชาวแคเมอรูน ร่วมกับชาวยุโรปอีก 1 คนที่ยังจับกุมไม่ได้ เผยชุดสืบสวนแกะรอยจากวงจรปิดในโรงแรม พบกลุ่มผู้ต้องหาเดินเข้าเดินออกระหว่างห้องผู้ตายชั้น 6 และห้องที่ผู้ต้องหาเปิดอยู่ชั้น 5 ก่อนตามไปตะครุบตัว หนุ่มพม่าเปิดปากเป็นคนช่วยมัดร่างผู้ตาย ส่วนคนทำร้ายเป็นชาวยุโรป หนุ่มแคเมอรูนดูต้นทาง อ้างรับงานจากสาวไทยชาวราชบุรี จ้างให้มาชิงทรัพย์ แต่เอาเข้าจริงไม่พบเงินหรือทรัพย์สิน เลยเอาโน้ตบุ๊กกับมือถือผู้ตายไป ส่วนหนุ่มแคเมอรูนให้การปฏิเสธ ขณะที่ตำรวจยังขยายผลหาความจริงในทุกประเด็น พร้อมออกหมายจับสาวไทยและเร่งล่านักฆ่าชาวยุโรปอีกคนที่ยังหลบหนีกรณีพบศพนายชูเชียง เฉิน อายุ 48 ปี ชาวไต้หวัน ถูกฆ่ามัดมือมัดเท้าไพล่หลังปิดปากด้วยสกอตช์เทปใส เหนือคิ้วขวาถูกตีด้วยของแข็งเป็นแผลฉกรรจ์ เหตุเกิดในห้องพักเลขที่ 618 ชั้น 6 โรงแรมนิรันดร์แกรนด์ ซอยอุดมสุข 17 แขวงและเขตบางนา กทม.เมื่อช่วงสาย วันที่ 16 พ.ย.ที่ผ่านมา พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รองผบ.ตร. และ พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. สั่งการให้ บช.น. เร่งรัดสืบสวนจับกุมคนร้ายโดยเร็ว เนื่องจากเป็นคดีอุกฉกรรจ์และเป็นที่สนใจของประชาชนล่าสุดตำรวจจับคนร้ายได้แล้ว โดยเมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 17 พ.ย. มีรายงานว่า พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. พล.ต.ต.พงศ์อานันต์ คล้ายคลึง รอง ผบช.น. พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. พล.ต.ต. วิทวัฒน์ ชินคำ ผบก.น.5 พล.ต.ต.ประสาธน์ เขมะประสิทธิ์ ผบก.ตม.1 นำกำลังชุดสืบสวนร่วมกันจับกุมนายแซวอ ลิง แปร่ หรือเจนซี่ อายุ 21 ปี ชาวเมียนมา ตามหมายจับศาลอาญาพระโขนง ลง 17 พ.ย.66 ได้ที่อพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่ง ถนนราชปรารภ แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี กทม. และจับกุมนายจอห์น แอบอน อายุ 40 ปี ชาวแคเมอรูน ตามหมายจับของศาลอาญาพระโขนง ลง 17 พ.ย.66 ข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา จับกุมได้บริเวณถนนศรีนครินทร์ แขวงหนองบอน เขตบางนา กทม.การจับกุมทั้งคู่เกิดขึ้นภายหลังตรวจสอบกล้องวงจรปิดในโรงแรมที่เกิดเหตุ ก่อนเกิดเหตุพบว่ามีนายแซวอ ลิง แปร่ หรือเจนซี่ ชาวเมียนมา และมีบุคคลอื่นด้วยเดินเข้า-ออกห้องเลขที่ 618 ชั้น 6 ของนายชูเชียง เฉิน อายุ 48 ปี ชาวไต้หวัน ผู้ตายกับห้องเลขที่ 507 ชั้น 5 เจ้าหน้าที่ได้สืบสวนพบว่านายแซวอ ลิง แปร่ พักอยู่ที่อพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งย่านถนนราชปรารภ เดินทางไปเชิญตัวมาสอบปากคำที่ สน.บางนานายเจนซี่ให้การภาคเสธอ้างว่า ได้สมัครงานผ่านทางออนไลน์ที่โพสต์หาคนสนใจทำงานสอดแนม สะกดรอย ถ่ายรูปจากหญิงไทย ชื่อ น.ส.นภัส ไม่ทราบนามสกุล อายุ 31 ปี ชาวราชบุรี นัดหมายกันที่ร้านกาแฟในห้างดังย่านฝั่งธนบุรี ร่วมก่อเหตุกับนายจอห์น แอบอน ชาวแคเมอรูนและชาวยุโรปผิวขาว รวม 3 คน เป้าหมายเพื่อเอาทรัพย์สิน เนื่องจากหญิงไทยผู้สั่งการแจ้งว่าผู้ตายมีทรัพย์สินจำนวนมาก และมีประวัติอาชญากรรมนายเจนซี่ให้การอีกว่า มาเปิดห้องพักโรงแรมที่เกิดเหตุเพื่อเฝ้าติดตามพฤติกรรมผู้ตายจนกระทั่งวันที่ 16 พ.ย.66 เวลา 01.00 น. นายเจนซี่ นายจอห์น และชายชาวยุโรปผิวขาวเข้าไปในห้องผู้ตาย ชายชาวยุโรปเป็นผู้จับผู้ตาย นายเจนซี่ใช้เทปและเข็มขัดมัดผู้ตาย ส่วนนายจอห์น แอบอน มีหน้าที่ดูต้นทางอยู่หน้าประตู จากนั้นได้รื้อค้นหาทรัพย์สินแต่ไม่พบเงิน นำโน้ตบุ๊กและโทรศัพท์หลบหนีไป ก่อนออกจากห้องผู้ตายยังไม่เสียชีวิต ขณะที่นายจอห์น แอบอนให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ให้การว่าเป็นครูสอนภาษา ส่วนผู้ต้องหาอีกคนเป็นชายชาวยุโรปผิวขาว ไม่ทราบสัญชาติ ปรากฏตามภาพวงจรปิด ได้มีประกาศสืบจับหรือหมายจับไว้แล้วมีรายงานว่า ชุดสืบสวนได้ขยายผลไทม์ไลน์ก่อนหน้ากว่า 10 ชม. เริ่มจากผู้ตายเดินทางเข้าประเทศไทย วันที่ 14 พ.ย. เวลาประมาณตี 1 และเข้าพักที่โรงแรมเกิดเหตุเวลา 12.43 น. ระยะเวลาที่หายไปกว่า 10 ชม. ทราบว่าผู้ตายไปพบกับเพื่อน และพักอยู่ด้วยกันในพื้นที่ จ.นนทบุรี จากการสอบปากคำทราบว่าก่อนหน้านี้ ผู้ตายเคยเดินทางเข้ามาในไทย และได้ฝากตู้เซฟ 2 ตู้ ไว้กับเพื่อนรายนี้ และมาหาเพื่อไปเอาตู้เซฟกลับมาที่โรงแรมต่อมาเวลา 14.00 น. ที่ สน.บางนา พล.ต.ต.พงศ์อานันต์ คล้ายคลึง รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. พล.ต.ต.วิทวัฒน์ ชินคำ ผบก.น.5 เดินทางมาประชุมติดตามความคืบหน้าคดี พล.ต.ต.พงศ์อนันต์ คล้ายคลึง รอง ผบช.น. กล่าวภายหลังการประชุมนานเกือบ 1 ชม.ว่า ชุดจับกุมแกะรอยจากพยานหลักฐานและกล้องวงจรปิดจนทราบตัวผู้กระทำผิดทั้งหมด ตอนนี้ออกหมายจับ 3 คน เป็นชาวเมียนมา 1 คน ชายชาวแคเมอรูน1คน ที่ควบคุมตัวได้แล้ว และชายชาวต่างชาติ ไม่ทราบสัญชาติอีก 1 คน อยู่ระหว่างติดตามตัว มีพยานหลักฐานยืนยันทั้งหมดเข้าไปรุมทำร้ายชาวไต้หวันเสียชีวิต สาเหตุเบื้องต้นคาดว่าเกี่ยวกับทรัพย์สินผู้ตาย แต่สั่งการให้ชุดสืบสวนดูเรื่องสาเหตุอื่นๆประกอบด้วยเพื่อให้ข้อมูลปรากฏชัดเจนพล.ต.ต.พงศ์อนันต์กล่าวอีกว่า ส่วนที่ผู้ต้องหาชาวเมียนมาอ้างได้รับการว่าจ้างจากเฟซบุ๊ก เป็นสิทธิผู้ต้องหา แต่เมื่อควบคุมตัวได้แล้วก็ต้องสอบปากคำรวบรวมพยานหลักฐานจากคำให้การจากข้อมูลอื่นมาประกอบกัน ส่วนที่จะซัดทอดไปถึงบุคคลอื่นนั้น ต้องนำข้อมูลดังกล่าวไปสืบสวนขยายผลเพิ่มเติม แต่เชื่อมั่นว่าจะสามารถรวมพยานหลักฐานเอาผิดได้ ส่วนไทม์ไลน์ผู้เสียชีวิตพบว่าเข้ามาเมืองไทยหลายครั้งและครบ 15 วันจะกลับไต้หวัน จะประสานไปยังทางการไต้หวัน ตรวจสอบเรื่องของการประกอบธุรกิจของผู้ตาย แต่เบื้องต้นยังไม่พบมีธุรกิจในประเทศไทยอาจเข้ามาค้าขายมาแบบนักท่องเที่ยวรอง ผบช.น.กล่าวอีกด้วยว่า เช่นเดียวกับเรื่องประวัติอาชญากรรมผู้เสียชีวิตต้องรอยืนยันอย่างเป็นทางการ ได้ให้ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง 1 ประสานประเทศไต้หวันแล้ว ส่วนที่มีข้อมูลว่าผู้ต้องหาซัดทอดสาวไทย จ.ราชบุรี เป็นผู้สั่งการนั้น ประเด็นนี้ยังไม่อยากให้เชื่อมโยงไปถึง ต้องรอสืบสวนจนพบข้อมูลหลักฐานก่อน ขอสงวนข้อมูลเรื่องนี้ไว้ก่อน ส่วนเรื่องตู้เซฟผู้ตายได้ให้ผู้เชี่ยวชาญพร้อมเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน เข้าร่วมตรวจสอบและเปิดดูว่ามีทรัพย์สินหรือเอกสารใดเกี่ยวข้องกับสาเหตุการตายส่วนข้อมูลที่ผู้เสียชีวิตฝากตู้เซฟไว้กับเพื่อนอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานและยังต้องตรวจสอบทรัพย์สินรายการอื่นเพิ่มเติม รวมถึงเรื่องของสภาพศพผู้เสียชีวิต และร่องรอยบาดแผลต่างๆอยู่ระหว่างรอให้แพทย์นิติเวชตรวจชันสูตรเพื่อระบุสาเหตุและร่องรอยบาดแผลที่ชัดเจนมีรายงานเพิ่มเติมว่า พนักงานสอบสวน สน.บางนา รวบรวมพยานหลักฐานยื่นขอศาลอาญา พระโขนง ออกหมายจับ น.ส.นภัทรดา เอกภัทรหิรัญ อายุ 34 ปี ชาว จ.ราชบุรี ที่ถูกซัดทอดว่าเป็นผู้ว่าจ้างแล้วอ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่