สัปเหร่อศักดิ์บอกกับบักเจิดลูกชาย ในวันที่เขาลากายหยาบ เดินทางไกลไปสู่ภพภูมิใหม่ว่า“ชีวิตคนเราทุกคน ยังไงก็ต้องมีวันจากกัน ไม่วันใดก็วันหนึ่ง จะเดินทางมาถึงเร็วหรือช้า ถึงอย่างไรก็ต้องจากกันเป็นเรื่องธรรมดา...ไม่ว่าจะจากลาหรือจากลับ...มีความสุขกับปัจจุบัน มีความสุขกับสิ่งที่เจ้าเลือก มีความสุข กับชีวิตที่เหลืออยู่...”สำคัญที่สุด เราไม่สามารถ “ยื้อ” ใครหรืออะไรสิ่งใดไว้ได้เลย...“ยื้อ” งานเขียนเพลงสัจจะชีวิตของนักร้อง–นักเขียนเพลง “ไฟปากกาแรง–ปรีชา ปัดภัย” แห่งค่าย “เซิ้ง มิวสิก” เพลงประกอบหลักของภาพยนตร์แห่งทศวรรษ “สัปเหร่อ”เป็นเพลงลึกซึ้งมหันต์มหัศจรรย์ตรงที่ “ความลึกล้ำของเนื้อชีวิตในเนื้อเพลง” เป็น “พุทธภาษา” ที่เรียงร้อยรจนาทุก “พุทธนัย” เป็น “พุทธเพลง” ได้ประหลาดล้ำเพลงนี้มี 2 เวอร์ชัน คือเวอร์ชันที่ผู้เขียนเพลงกรีดชีวิตร้องเอง แต่ไม่มหัศจรรย์เท่าเวอร์ชันที่ “บักเจิด–เน็ค นฤพล” ร้องเองได้กร้าวก่ำด่ำดื่ม กรีดทุกรอยอารมณ์ในดวงชีวิตได้รุนแรงร้าวรานที่สุดเป็นเพลงประกอบที่สุดประเสริฐเลิศดี เท่าที่เคยมีเพลงประกอบเกิดขึ้นในภาพยนตร์ไทย (ขออนุญาตนับรวมภาพยนตร์ “แผลเก่า” เอาไว้ด้วยอีกหนึ่งเรื่อง)เพราะ “ยื้อ” ได้รวมเอา “สัจธรรม” การมีชีวิตของทุกหัวใจดวงจิตมนุษย์เอาไว้อย่างเหลือเชื่อเกินครบถ้วนจริงๆเป็นความสำเร็จปาฏิหาริย์ของจักรวาล ไทบ้าน เดอะซีรีส์ พุทธศักราช 2566 ที่สอดคล้องสามัคคีฉันท์กับคำพูดของ “สัปเหร่อศักดิ์” ในตอนต้นขอน้อมกราบคารวะกับทุกสิ่งที่ได้เกิดขึ้นแล้วอย่างเหลือเชื่อจริงๆ ทั้งกับ “หนังเรื่องหนึ่ง” และ “ชีวิตหนึ่ง” ของเด็กหนุ่มแห่งศีขรภูมิเมืองสุรินทร์วัย 27 ปีราศีเมษ “บักเจิด–เน็ค นฤพล” เบิ๊ดคำสิเว้าจริงๆตราบ “ไปจนนิรันดร์” ครับ.“ดร.ศาสตร์ธนิก จุลมณี”‘‘แจ๋วริมจอ’’jaewrimjor@gmail.comคลิกอ่านคอลัมน์ “ทีวีบันเทิง” เพิ่มเติม