การแพร่ระบาด “ไข้หวัดใหญ่”... ในช่วงเวลานี้สถานการณ์ยังน่าเป็นห่วง ข้อมูลจนถึง 18 ตุลาคม 2566 ยังแสดงให้เห็นว่าจำนวนผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ยังคงสูง เมื่อเทียบกับเดือนต่อเดือน...ปี 2566 นี้แต่ละเดือนมีจำนวนเคสสูงกว่าปี 2565 หลายเท่าตั้งแต่เดือนมกราคมจนถึงตุลาคมปีนี้พบว่า ทุกเดือนล้วนมีจำนวนเคสมากกว่าปีก่อน 3.5-7.2 เท่า โดยเดือนกันยายนที่ผ่านมาถือว่ามีจำนวนเคสทั่วประเทศมากกว่า 120,000 รายสูงกว่าปีก่อน...ราว 6.4 เท่าทั้งนี้หากวิเคราะห์ดูจำนวนผู้ป่วยในกรุงเทพมหานคร จะพบว่าเดือนกันยายนปีนี้มีสูงเกือบ 21,000 ราย สูงกว่าปีก่อนเกือบ 8 เท่า... “การป้องกันตัวระหว่างใช้ชีวิตประจำวันจึงมีความสำคัญ” รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ โพสต์ในเฟซบุ๊กส่วนตัว “Thira Wora tanarat (ป๊ามี้คีน)” ย้ำว่า หากมีอาการป่วย ควรแยกตัว ไม่ไปเสี่ยงแพร่ให้คนอื่น ไม่ว่าจะที่โรงเรียน สถานศึกษา ที่ทำงานและที่บ้าน...ไปตรวจรักษาให้หายดีเสียก่อน“ประชาชนควรไปฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ปีละครั้ง เพื่อลดเสี่ยงป่วยรุนแรงและเสียชีวิต”อีกทั้ง “โควิด-19” ก็ยังคงอยู่กับ “เรา” และ “โลก”“รัฐเซาท์ออสเตรเลีย”...สายพันธุ์ “EG.5.1” แม้จะครองการระบาดอยู่ แต่ BA.2.86.x กลับพุ่งขึ้นต่อเนื่องเป็น 10% แล้ว...ส่วนในฝรั่งเศสก็ได้รับการประเมินว่า BA.2.86.x จะครองสัดส่วนหลักในอีกไม่กี่สัปดาห์นี้ ส่วนภาพรวมทั่วโลกประเมินว่าน่าจะราวปลายปีข้อมูลล่าสุดจาก Cao YL มหาวิทยาลัยปักกิ่ง ชี้ให้เห็นว่า “BA.2.86” และลูก (JN.1) ยังคงมีแนวโน้มที่จะระบาดต่อจาก EG.5.x และ FLips โดย JN.1 พัฒนาต่อยอดจาก BA.2.86โดย “ดื้อ” ต่อ “ภูมิคุ้มกัน” มากไปกว่าเดิมอีก สอดคล้องกับช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมามีรายงานพบ BA.2.86.x เพิ่มขึ้น 10 เท่าในเวลา 6 สัปดาห์ปลายปีถึงต้นปีหน้าจึงเป็น “เหตุการณ์สำคัญ” ที่ต้องจับตาดูทั้งยังคาดกันว่าสายพันธุ์ “EG.5.1” จะมีสัดส่วนการตรวจพบเกิน 50% ทั่วโลก...จะเป็นตัวที่ 14 ของไวรัสโรคโควิด-19 ที่มีสัดส่วนตรวจพบเกินครึ่ง ตลอดช่วงเวลาหลายปีที่มีการระบาดมาประเด็นถัดมา...ปัจจัยด้านราคาของ “ยา” และ “วัคซีน” กำลังเป็นปัญหาหนักในการเข้าถึงบริการของประชาชนในบางประเทศแล้ว และหากเป็นเช่นเดียวกันทั่วโลกในอนาคตย่อมจะส่งผลต่อผลลัพธ์ทางสุขภาพของประชาชน รวมถึงคนที่ติดเชื้อซึ่งยังมีจำนวนมากในแต่ละวันที่สำคัญ...จะสะท้อนให้เห็นเป็นหนึ่งในตัวชี้วัดเรื่อง “ความเหลื่อมล้ำ” ทางสังคมสถานการณ์ข้างต้นจะเห็นชัดในกลุ่มประเทศที่มีการรายงานข้อมูลอย่างโปร่งใสและทันต่อเวลา แต่จะคลุมเครือมากในที่ที่ไม่มีการรายงานหรือไม่สามารถตรวจสอบได้ หรือที่ที่มีกลไกคอขวดในการเข้าถึงบริการย้อนไปก่อนหน้านี้ วิเคราะห์การระบาดของ “ประเทศไทย” ตัวเลขรายงานรายสัปดาห์ระหว่างวันที่ 15-21 ตุลาคม 2566 จำนวนป่วยนอนโรงพยาบาล 191 ราย เพิ่มขึ้นกว่าสัปดาห์ก่อน 54%เสียชีวิต 3 ราย...ปอดอักเสบ 59 ราย เพิ่มขึ้นกว่าสัปดาห์ก่อน 55.3% ใส่ท่อช่วยหายใจ 41 ราย สูงกว่าสัปดาห์ก่อน 51.9%...คาดประมาณการ “ติดเชื้อใหม่” ในแต่ละวันอย่างน้อย 1,365-1,895 รายอย่างไรก็ตาม ข้อมูลทางการแพทย์ปัจจุบัน พบว่า การตรวจด้วย ATK ในช่วงวันแรกๆหลังมีอาการนั้นมีความไวลดลงเหลือ 30-60% เท่านั้น จึงมีโอกาสที่จะทำให้ตรวจได้ผลลบปลอม ทั้งๆที่ติดเชื้ออยู่มีสูงขึ้นกว่าเดิม “ไวรัสจะพีกช่วงวันที่ 4-5 หลังมีอาการ ดังนั้นหากมีอาการป่วยและตรวจในช่วง 3 วันแรกแล้วได้ผลลบ...อย่าชะล่าใจ ควรตรวจซ้ำในช่วงวันที่ 4-5 ด้วย”ในสถานการณ์เช่นนี้ จำนวนติดเชื้อจริงในแต่ละวันจึงมีแนวโน้มที่จะสูงกว่าเดิมที่เคยคาดประมาณ และมักตรวจจับได้ช้าในระบบรายงาน จนกว่าจะป่วยจนต้องรักษาตัวในโรงพยาบาลหรือรุนแรงดูจากสถานการณ์ทั่วโลก ประเมินกันว่า “การติดเชื้อและการติดเชื้อซ้ำ” มีมากขึ้นชัดเจนในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีรศ.นพ.ธีระ เล่าให้ฟังอีกว่า เช้านี้ตรวจคนไข้หลายคน...มีคำถามน่าสนใจที่หลายคนถามมาโดยไม่ได้นัดหมาย....“คุณหมอคะ หนูติดโควิดมาหลายครั้งแล้ว กลัวจะเกิดปัญหาสุขภาพระยะยาว ควรทำอย่างไรดีแต่ละครั้งที่ติดก็มีอาการป่วยอยู่หลายวัน ปีที่แล้วติดไปแทบจะ 4 เดือนครั้ง จะทำยังไงไม่ให้ติดอีก?” คำตอบ...หนึ่ง การป้องกันตัวระหว่างใช้ชีวิตประจำวันเป็นหัวใจสำคัญ ยิ่งหากไปในที่ชุมชน มีคนมาก ก็คงต้องระมัดระวังตามหลักการที่เรารู้กันดี หน้ากาก ล้างมือ รักษาระยะห่างไม่คลุกคลี“วันนี้เห็นคนไข้บางคนมาโรงพยาบาล แต่ไม่ป้องกันตัว เปิดหน้าสู้ไม่ยั่น โอกาสสัมผัสและติดเชื้อ ย่อมมีสูงกว่าคนที่ป้องกันตัว นี่คือสัจธรรมที่ปฏิเสธได้ยาก”สอง...หากติดเชื้อ ควรถือคติ แยกตัว ป้องกันการแพร่สู่คนรอบข้าง รักษาตัวให้หายดี การเตรียมหยูกยาไว้ประจำบ้านให้พร้อมรับเหตุการณ์เสมอจะช่วยให้จัดการปัญหาได้อย่างทันท่วงทีที่สำคัญที่ต้องเน้นย้ำกันอีกครั้งคือ ข้อมูลทางการแพทย์ปัจจุบัน พบว่า การตรวจด้วย ATK ในช่วงวันแรกๆหลังมีอาการนั้นมีความไว ลดลงเหลือ 30-60% เท่านั้น จึงมีโอกาสที่จะทำให้ตรวจได้ผลลบปลอม ทั้งๆที่ติดเชื้ออยู่มีสูงขึ้นกว่าเดิมสาม...หลังจากที่ติดแล้ว ความรู้ที่เรามีคือ คนไข้บางส่วนจะเสี่ยงเป็น “ลองโควิด” ซึ่งรวมถึงการเกิดโรคเรื้อรังได้มากกว่าคนทั่วไป เช่น เบาหวาน โรคหัวใจและหลอดเลือด...รวมถึงความดันโลหิตสูงแม้โอกาสจะไม่มากก็ตาม เพราะสามารถลดความเสี่ยงโดยการได้รับวัคซีน รวมถึงการรักษาด้วยยาต้านไวรัสที่ได้มาตรฐาน แต่...สุดท้ายแล้วการติดเชื้อแต่ละครั้งนั้น ก็ยังมีความเสี่ยงเสมอดังนั้น หลังจากหายจากติดเชื้อ ควรประเมินสมรรถนะร่างกายตนเอง และตรวจสุขภาพเป็นระยะ เพื่อคัดกรองโรคหรือปัญหาต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ เมื่อหลายวันที่ผ่านมามีโอกาสได้ตอบคำถามสื่อมวลชนมาเลเซียเกี่ยวกับ “Disease X” เกี่ยวกับข่าวลวงในเรื่องนี้ที่แพร่อยู่ในโซเชียล...ให้ข้อมูลไปสอดคล้องกับทางองค์การอนามัยโลกและผู้เชี่ยวชาญไวรัสจากสหราชอาณาจักร...ในอนาคตยังมีเชื้อโรคต่างๆอีกมากที่มีโอกาสทำให้เกิดการแพร่ระบาดทั่วโลก“การเรียนรู้บทเรียนจากโรคระบาดในช่วงที่ผ่านมาจึงมีความสำคัญยิ่ง ขอให้มีสติ ไม่ประมาทในการดำรงชีวิตประจำวันรู้เท่าทันสถานการณ์และพัฒนาทักษะในการจัดการปัญหาเฉพาะหน้าที่เราเผชิญ ก็จะทำให้เรามีสมรรถนะในการปรับตัว รับมือกับวิกฤติในอนาคตได้”ใช้ความรู้ที่ถูกต้องเป็นเข็มทิศนำทางการตัดสินใจ เชื่อในสิ่งที่ควรเชื่อ ทำในสิ่งที่ควรทำ.คลิกอ่านคอลัมน์ "สกู๊ปหน้า 1" เพิ่มเติม