ส้มโอเป็นไม้ผลเศรษฐกิจที่สำคัญ มีแหล่งปลูกที่สำคัญในจังหวัดพิจิตร สมุทรสงคราม เชียงราย นครปฐม นครศรีธรรมราช ปราจีนบุรี ชัยภูมิ กาญจนบุรี ชัยนาท และสุราษฎร์ธานี พันธุ์ที่เกษตรกรนิยมปลูก ได้แก่ ทองดี ขาวใหญ่ ขาวแตงกวา ขาวน้ำผึ้ง ท่าข่อย และทับทิมสยาม จากการสำรวจสายพันธุ์ส้มโอมีการกระจายตัวอย่างหลากหลายในแต่ละแหล่งปลูก ส่งผลต่อคุณภาพและปริมาณผลผลิต ในบางพื้นที่ไม่ได้คุณภาพและผลผลิตต่ำ ผลผลิตไม่สม่ำเสมอช่วงปี 2545-2549 ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรพิจิตร กรมวิชาการเกษตรจึงพัฒนาปรับปรุงพันธุ์ส้มโอ ด้วยการคัดเลือกพันธุ์ส้มโอพันธุ์ทองดีจากการเพาะเมล็ด 200 ต้น คัดเลือกได้สายต้นส้มโอที่มีรสชาติดี ให้ผลผลิตคุณภาพดีเทียบเท่าหรือดีกว่าส้มโอพันธุ์ที่เป็นต้นแม่ 10 สายต้น ที่ศูนย์วิจัยพืชสวนสุโขทัย โดยใช้ชื่อพันธุ์ว่า ท่าชัย 32 ปี 2550-2555 นำสายต้นที่ได้ไปปลูกเปรียบ เทียบร่วมกับพันธุ์การค้า 2 พันธุ์ คือ พันธุ์ทองดี และพันธุ์ขาวน้ำผึ้ง ที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรพิจิตร และศูนย์วิจัยพืชสวนสุโขทัย ปรากฏว่า เจริญเติบโตและให้ผลผลิตดีทั้ง 2 พื้นที่ปี 2556 จึงขยายพันธุ์ส้มโอท่าชัย 32 โดยวิธีการเสียบยอดจำนวน 120 ต้น นำไปทดสอบปลูกที่ศูนย์วิจัยพืชสวนเชียงราย และแปลงเกษตรกรใน จ.พิจิตรและชัยภูมิ ปี 2557–2564 ปลูกทดสอบสายต้นส้มโอสายต้นท่าชัย 32 ที่ได้จากการเพาะเมล็ด ร่วมกับพันธุ์ทองดี พบว่า สายต้นท่าชัย 32 เจริญเติบโตดี ให้ผลผลิตสูง คุณภาพได้รับการยอมรับจากเกษตรกรและผู้บริโภคโดยมีลักษณะเด่น ให้ผลผลิตสูงไร่ละ 1,225 กก. หรือไร่ละ 1,080 ผล น้ำหนักเฉลี่ยผลละ 1.16 กก. สูงกว่าพันธุ์ทองดี ที่ให้ผลผลิตไร่ละ 743 กก. หรือไร่ละ 720 ผล น้ำหนักเฉลี่ยผลละ 0.94 กก. นอกจากนี้ยังมีรสชาติหวาน ผลกลมสูง เนื้อกุ้งสีขาวอมชมพูอ่อน เนื้อนิ่ม ฉ่ำน้ำน้อยและมีกลิ่นหอมเฉพาะตัวการเก็บเกี่ยวควรทำเมื่อผลมีอายุ 210-225 วัน นับจากวันเริ่มติดผลจนกระทั่งเก็บเกี่ยว จะทำให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพและรสชาติดีที่สุด ในขณะที่พันธุ์ทองดีจะเก็บเกี่ยวเมื่อผลมีอายุ 225-240 วัน ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรพิจิตรจึงได้เสนอคณะกรรมการวิจัยปรับปรุงพันธุ์พืช กรมวิชาการเกษตรพิจารณาให้ส้มโอสายต้นท่าชัย 32 เป็นพันธุ์แนะนำเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2566 โดยใช้ชื่อพันธุ์ว่า“ส้มโอพันธุ์ กวก.พิจิตร 1”ขณะนี้มีต้นแม่พันธุ์อายุ 7 ปี 20 ต้น พร้อมจะขยายพันธุ์ได้ปีละไม่ต่ำกว่า 1,000 กิ่ง เกษตรกรที่สนใจ ติดต่อได้ที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรพิจิตร โทร. 0-5699-0035.ชาติชาย ศิริพัฒน์คลิกอ่าน “ข่าวเกษตร” เพิ่มเติม