แม้จะโลดแล่นอยู่ในวงการแฟชั่นมาถึง 15 ปี แต่ชีวิตของ “หมู–พลพัฒน์ อัศวะประภา” ผู้ก่อตั้ง “อาซาว่า กรุ๊ป” ก็ไม่เคยหลุดจากสปอตไลต์ของสังคม แถมยังเต็มไปด้วยดราม่าไม่เว้นแต่ละวัน เรียกว่าหยิบจับอะไรเป็นเรื่องใหญ่ทุกที จนเจ้าตัวออกปากว่าเราอาจจะเป็นคนที่คนไม่ชอบหน้ามั้ง แต่รู้ตัวว่าชีวิตอยู่คู่ดราม่าแบบสลัดไม่ออกจริงๆ “บอกตรงๆหมูไม่เคยชอบดราม่า แต่รู้ตัวว่าชีวิตตัวเองอยู่คู่ดราม่า และรู้สึกว่าดราม่าก็เป็นส่วนหนึ่งในการประกอบอาชีพ ทุกครั้งที่มีดราม่าชีวิตมันก็ขับเคลื่อน ฉะนั้นจึงเป็นคนที่ไม่เป็นทุกข์กับคำวิพากษ์วิจารณ์ของใคร รู้สึกว่าทุกครั้งที่เราเจอตอ พอเราผ่านตอไปได้ เราไปต่อ แล้วมันก็มักจะงอกเงยกว่าเดิมด้วยซ้ำ”...“เดอะหมู” บอกเล่าถึงความในใจมีวิธีรับมือกับดราม่ารอบตัวยังไงพอเราอายุเยอะขึ้นบางส่วนมันตกกระทบในผิวสัมผัสที่รู้สึกว่าเราอาจจะกระเทือนใจแค่นิดหน่อย แต่มันไม่ได้เข้าไปถึงความสุขความทุกข์ลึกๆของเรา เราก็ฟังคำวิจารณ์นะ แต่จะไม่จมอยู่กับสิ่งนั้นนานๆ อะไรที่ฟังแล้วมีประโยชน์ก็เก็บเกี่ยวมาใช้ แต่อะไรที่รู้สึกว่ามาด้วยความไม่เข้าใจเรา ความคิดเห็นไม่ตรงกัน เราบอกตัวเองว่าถ้าทำให้ชีวิตไม่มีความสุขก็ต้องตัดทิ้งไป อายุขนาดนี้แล้วต้องหาวิธีจัดการกับมันให้ได้ และรู้ว่าชีวิตเราหลีกหนีสิ่งต่างๆเหล่านี้ไม่ได้ ฉะนั้นต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับมัน แต่จะอยู่กับมันยังไงให้เป็นบวกกับชีวิต เป็นคนเยอะตั้งแต่เกิด หรือเพิ่งมาเยอะตอนดัง?!หมูเป็นดีไซเนอร์ที่อยู่กับดราม่าเยอะ เพราะเราอยู่ทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลังต้องเกี่ยวข้องกับผู้คนเยอะ โดนกระแสวิพากษ์วิจารณ์หนัก แต่ยอมรับว่าคงเป็นที่ตัวเราด้วยที่เป็นคนเยอะมาตั้งแต่เกิด!! พี่ชายแท้ๆเคยบอกว่าถ้าฉันไม่ใช่พี่ชายเธอ เธอเป็นคนไม่น่าคบเลย อาจด้วยหน้าตาบุคลิก คือเป็นคนน่าหมั่นไส้ดูเย่อหยิ่งจองหองมากมายทุกสิ่งอีโก้จัด ขนาด “แอน-อินทิรา ธนวิสุทธิ์” ซึ่งสนิทกัน ยังบอกว่าตอนไม่รู้จักกันฉันกลัวเธอ แต่พอคบกันสนิทแล้ว กลับพบว่าหมูเป็นคนง่ายที่สุดไม่เคยเรื่องมากกับเพื่อน ง่ายจนคนตกใจ กินอยู่ยังไงก็ได้ กับเพื่อนฝูงยังไงก็ได้เราทำให้หมด รู้สึกว่าตัวเองไม่ประดิษฐ์ แต่ยอมรับว่าเป็นคนปากร้ายปากกล้า พูดจาตรงไปตรงมา ตรงนี้อาจทำให้คนกลัว และชีวิตเจอดราม่าเยอะ จริงไหมยิ่งโดนด่ายิ่งชอบเพราะยิ่งดังมีคนเกลียดหมูเยอะ (เสียงสูง) แต่คนสนับสนุนและรักเราก็เยอะ ไม่ว่าไปที่ไหนจะได้ยินคนกระซิบว่า นี่ไงคนที่ทะเลาะกับนางเอก คนที่ทำเดอะเฟซเมน คนทำชุดให้มารีญา และทำชุดชฎาให้ลิซ่า ขณะเดียวกันก็มีคนให้กำลังใจเราว่าทำดีแล้ว อย่าไปสนใจคนใจร้ายในโซเชียลมีเดีย ที่ผ่านมาโดนด่าสารพัดทำชุดไม่สวย ชุดแก่ไป ชุดโป๊ไป ไม่เหมาะกับนางงาม เห็นแก่ตัวทำชุดโปรโมตแบรนด์ตัวเอง ไม่เห็นแก่ประเทศ โดนตั้งแต่ทำชุดให้ “แนท” มาถึง “น้ำตาล” และ “มารีญา” หมูประกาศไปแล้วว่าจะไม่ทำชุดให้มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ เวลาเกิดดราม่าดึงสติตัวเองกลับมายังไงต้องมีสติ มีวุฒิภาวะ และสัมมาคารวะ เลือกฟังเลือกดูอย่าเอามาใส่หัวเยอะไป “ครูโต” (ม.ล.จิราธร จิรประวัติ) สอนว่าหนูต้องรู้ว่ากราฟชีวิตคนเรามันไม่ได้ขึ้นสูงชันขนาดนี้ไปตลอด ต้องมีวันขึ้นและมีวันตก สำคัญสุดคือเราจะตกยังไงให้สง่างามและโก้ ตกแล้วไม่ให้คนเหยียบซ้ำหัวเราะเยาะ วันที่พีกเธอควรเก็บเกี่ยวคนรัก และมินิไมซ์คนเกลียด จำไว้ว่าเธออาจเด่นในเรื่องงานก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องดีทุกเรื่อง เธอต้องไม่ตะกละอยากได้ทุกอย่างเรื่องอื่นที่เธอไม่ได้ก็ปล่อยมันไป “อาซาว่า กรุ๊ป” อายุ 15 ปีแล้ววันนี้แข็งแรงขึ้นขนาดไหน15 ปีมานี้ เราเข้าใจบริบทของสิ่งที่ทำมากขึ้น เราไม่ได้ทำเสื้อผ้าเพื่อเสิร์ฟอัตตาตัวเองอีกต่อไปแล้ว มีหลายสิ่งต้องรับผิดชอบ ต้องดูแลลูกค้าที่เป็นคอมมิวนิตี้ของ “อาซาว่า กรุ๊ป” ว่าอยากเห็นอะไรจากเรา ขณะเดียวกันก็ต้องเติมความสดใหม่เข้าไปด้วย โดยต้องมีความต่อเนื่อง คือต้องหาสูตรอาหารที่ลูกค้ากินแล้วยังอร่อยและรู้ว่าเป็นเรา แต่ก็มีอะไรแปลกใหม่ให้เซอร์ไพรส์ตลอด หมูยังสนุกที่จะหาอะไรแปลกๆใหม่ๆเข้ามาเติมในรสมือของเรา ความที่หมูไม่ได้เป็นดีไซเนอร์อย่างเดียว แต่ยังมีความเป็นนักธุรกิจด้วย เพราะเรียนจบปริญญาโทด้านบริหารธุรกิจที่แอลเอ สหรัฐอเมริกา แต่แอบหนีที่บ้านไปเรียนต่อแฟชั่นดีไซน์ที่พาร์สันส์ สคูล ออฟ ดีไซน์ ทำให้มีความชัดเจนในการบริหารธุรกิจแฟชั่นว่าทำยังไงให้มันเติบโตต่อเนื่อง ขณะเดียวกันยังมีเอสเซนส์ของความเป็นนักออกแบบอยู่ ทุกวันนี้อาจมีเส้นเสื้อและแนวคิดไม่เปลี่ยนเยอะ แต่เราปรับเปลี่ยนตัวเอง ให้เข้ากับยุคสมัยและไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคตลอดเวลา โดยที่สุดท้ายยังมีลายเซ็นของเรา มีภาษาที่เราใช้ผ่านเสื้อผ้าของเรา ที่คนเห็นก็เข้าใจว่านี่คือ “อาซาว่า” มันคือเส้นเสื้อที่เกลี้ยง มีความกราฟฟิก มีความมินิมัล แต่ก็มีลูกเล่น โครงสีมีเอกลักษณ์ มันเป็นเสื้อที่โก้เรียบนิ่ง เพียงแต่บางฤดูกาลอาจเติมความเป็นผู้หญิงเข้าไปนิดหนึ่ง เติมดีเทลที่กำลังมาในแต่ละซีซันเข้าไปหน่อย ร่ายมนตร์ยังไงจึงครองความนิยมข้ามทศวรรษได้หมูเป็นคนสม่ำเสมอและช่างตอกย้ำ เรียกอีกอย่างว่าย้ำคิดย้ำทำ (หัวเราะ) ทำจนภาพมันติดตา คนรุ่นใหม่ใจร้อนคิดว่าต้องประสบความสำเร็จเร็ว แต่ความจริงกว่าภาพจะติดตาเป็นที่จดจำต้องใช้เวลา ที่สำคัญต้องอย่าขี้เบื่อ เราอาจอยู่กับเสื้อผ้าของเราทุกวันและรู้สึกเบื่อ เลยอยากเปลี่ยนไปทำแบบอื่น ปรากฏว่าลูกค้าเพิ่งจะเริ่มชอบเอง แต่ไม่มีเสื้อผ้าแบบนั้นแล้ว ต้องบาลานซ์ให้ได้ว่าเราไม่ใช่เพียวอาร์ติสต์ ต้องเข้าใจธรรมชาติของผู้บริโภค และพฤติกรรมของผู้บริโภค ต้องเรียนรู้และปรับตัวทุกวัน วันนี้ “อาซาว่า กรุ๊ป” อายุ 15 ปี หมูฝันอยากเห็นวิธีคิดของเราแทรกซึมอยู่ไปทั่วทุกที่ หมูชอบที่เดินเข้าร้านภูฟ้าและดอยตุง แล้วเห็นเสื้อของเรา ขึ้นเครื่องบินบางกอกแอร์เวย์ส แล้วเห็นชุดยูนิฟอร์มของเรา หรือเบาะนั่งและจานชามที่เราเป็นคนเลือก หมูชอบที่เดินเข้าไปในแบงก์กรุงเทพ และโรงพยาบาลกรุงเทพ แล้วเห็นพนักงานใส่ยูนิฟอร์มของเรา คือเป็นโรคจิตชนิดหนึ่ง ยิ่งสเปรดมุมมองของเราออกไปได้มากเท่าไหร่ยิ่งมีความสุข ให้เราทำชุดคนกวาดถนน กทม.ก็อยากทำ หมูเป็นคนเอ็กซ์ตรีม แค่สีน้ำเงินเราย้อมให้ลูกค้าดู 30 เฉดสี โรงงานย้อมสีขอดูหน้าว่าเพี้ยนหรือเปล่า หลังวิกฤติโควิด พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไปเยอะไหมจริงๆไม่เปลี่ยนนะครับ แต่รื่นรมย์กับชีวิตมากขึ้น จะบอกว่ายอดขายพุ่งขึ้นเยอะจนตกใจ คนรู้สึกว่าชีวิตมันต้องเอนจอยและมีความสุข หลายสิ่งที่ไม่ได้ทำตอนโควิด อะไรที่เป็นความสุขจะอยากทำหมด อยากสวยอยากแต่งตัว คนเปลี่ยนเทรนด์ไม่ไปช็อปปิ้งเมืองนอกแล้ว และไม่มายด์ที่จะใช้จ่ายเยอะๆกับแบรนด์ดีไซเนอร์ไทย ทำให้เราโตตามกลุ่มลักชัวรี ที่เติบโตพร้อมกันทั้งโลก อยากประสบความสำเร็จแบบ “หมู อาซาว่า” มีเคล็ดลับอย่างไรอยากบอกน้องๆว่าถ้าคิดถึงแต่การทำเสื้อผ้าให้มีกำไรมีชื่อเสียง อาจอยู่ได้แค่ประเดี๋ยวประด๋าว แต่ถ้าไม่คิดไปถึงโมเลกุลเล็กๆว่าเราต้องทำอะไรให้กับสังคมใหญ่บ้าง มันจะเติบโตอย่างยั่งยืนไม่ได้ อย่าทำตัวเป็นฟองสบู่ที่ตีฟองจนใหญ่โตมหาศาล แต่แก่นไม่มีความมั่นคง สุดท้ายฟองสบู่ก็แตกแบบตั้งตัวไม่ทัน ถ้าอยากประสบความสำเร็จต้องหาแก่นของตัวเองให้เจอ แล้วตอกย้ำทำจนภาพมันติดตา อะไรคือภาพจำติดตาของ “หมู อาซาว่า” ในวันนี้หมูยังมีความทะเยอทะยาน มีความเป็นเด็กที่อยากทำโน่นทำนี่ แต่ไม่มีความกระเสือกกระสนว่าต้องวิ่งแข่งกับใคร สมัยก่อนหมูอาจพลุ่งพล่านกว่านี้ อาจกวดวิ่งเร็วกว่านี้ เป็น “หมู อาซาว่า” ที่แข่งขันสูงปะทะสูง อยากทำไปหมดทุกสิ่ง ช่วง 3-4 ปีแรกที่เข้าวงการเหวี่ยงวีนมากโดยไม่รู้ตัว พอมีคนเตือนก็เบาๆลง จุดเปลี่ยนทำให้คิดได้คือ รู้สึกว่าพ่อแม่อายุเยอะแล้ว เราควรทำธุรกิจให้เป็นปึกแผ่น เพื่อไม่ให้ท่านเป็นห่วง หมูเลยลุกขึ้นมาเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ใหม่หมด เลิกปาร์ตี้เลิกกินเหล้า หันมาออกกำลังกาย ศึกษาธรรมะ และอยู่กับพ่อแม่มากขึ้น ยกให้พ่อแม่เป็นพระในบ้าน ทุกเสาร์อาทิตย์ต้องให้เวลาพ่อแม่จะไม่ไปไหนเลย เอาจริงๆทุกวันนี้หมูไม่อยากให้คนจดจำว่าเราเป็นดีไซเนอร์ด้วยซ้ำ แต่อยากให้คนพูดถึงเราแล้วมีรอยยิ้ม รู้สึกว่าเราเป็นอีกคนหนึ่งที่ทำอะไรแล้วมีคุณค่ากับสังคม ขณะเดียวกันก็อยากให้คนจดจำ “อาซาว่า กรุ๊ป” ว่าเป็นอีกองค์กรที่ทำประโยชน์ให้ประเทศชาติ เรื่องหนึ่งที่ภูมิใจมากคือการได้มีโอกาสเข้าไปถวายงาน “สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา” ด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ผ้าไทยและงานหัตถศิลป์ไทยให้สอดคล้องกับสมัยนิยม และเป็นที่ต้องการของตลาดผู้บริโภคยุคใหม่มากขึ้น พยายามพัฒนาแต่ละหมู่บ้านแต่ละชุมชนตามภูมิภาคต่างๆให้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เชื่อไหมว่า แค่ 4 ปีที่ผ่านมา หมู่บ้านเหล่านี้ทำเงินได้มากกว่า 40,000 ล้านบาท ทรงเล็งเห็นความสำคัญในการสร้างความยั่งยืนของผ้าไทย โดยให้ผู้ประกอบการทอผ้าปลูกพืชให้สีและใช้สีธรรมชาติในการย้อมผ้า ตรงนี้ถือเป็นพระวิสัยทัศน์ ยังมีอะไรเซอร์ไพรส์แฟนๆอีกไหมช่วงปลายปีนี้อาซาว่ากำลังจะ × กับ GOOD GOODS เพื่อทำคอลเลกชันพิเศษจากภูมิปัญญาท้องถิ่นของไทย และมีแผนจะเปิดร้านอาหาร “SAVA” เพิ่มอีก นอกจากนี้ หลังจัดแฟชั่นโชว์ใหญ่และเอ็กซิิบิชันฉลองครบรอบ 15 ปี สิ้นปีนี้ยังมีโปรเจกต์พิเศษร่วมกับ “จิม ทอมป์สัน” กว่าจะได้หายใจอีกทีก็ปีหน้าเลยถามจริงๆว่าใช้แบตยี่ห้ออะไร ทำไมทั้งอึดทั้งไฟแรงเฟร่อขนาดเนี้ย!!ทีมข่าวหนังสือพิมพ์ไทยรัฐอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่