ไม่ทราบวัตถุประสงค์ของสำนักข่าวอัลจาซีราที่แพร่ข่าวในภาคภาษาอังกฤษว่า ภูเก็ตเต็มไปด้วยมาเฟียรัสเซีย โดยนำการยิงนายดมิทรี อาเลนิคอฟ เจ้าของภัตตาคาร Caravan และ d’Odessa เมื่อ 7 มิถุนายน 2023 มาเล่นเป็นข่าวใหญ่ ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว 5 ปีที่ผ่านมา มีคดีอาชญากรรมรุนแรงที่เกี่ยวกับชาวรัสเซียในภูเก็ตเพียง 3 คดี เป็นคดีที่เกี่ยวกับการทะเลาะกันของหุ้นส่วนธุรกิจ เพียง 3 คดีใน 5 ปีถือว่ามีจำนวนน้อยมากสำหรับประชากรรัสเซีย 7 พันคน ที่พำนักพักอาศัยระยะยาวในภูเก็ต คนรัสเซียส่วนใหญ่ซื้อคอนโดมิเนียม (กฎหมายไทยอนุญาตให้ต่างชาติซื้อได้) ส่วนพวกคฤหาสน์หรูหราราคาแพง คนรัสเซียจะเช่าระยะยาวในเวลา 20-30 ปี9 เดือน (มกราคม-กันยายน 2023) นักท่องเที่ยวรัสเซียมาเมืองไทยถึง 1 ล้าน ในจำนวนนี้ไปภูเก็ตประมาณ 6 แสน เดิมคนรัสเซียอยู่ในไทยโดยไม่ต้องใช้วีซ่าได้นาน 30 วัน รัฐบาลไทยของนายเศรษฐา ทวีสิน ให้ชาวรัสเซียมาเยือนเมืองไทยได้โดยไม่ต้องใช้วีซ่านานถึง 3 เดือน แต่ครั้งนี้เป็นการอนุญาตชั่วคราวระหว่าง 1 พฤศจิกายน 2023-30 เมษายน 2024 นโยบายของนายเศรษฐาทำให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยที่กำลังกะปลก กะเปลี้ยเพลียแรงตื่นและฟื้นอย่างทันทีตอนรับตำแหน่งใหม่ๆ รัฐบาลนายเศรษฐามุ่งหวังตั้งใจว่าจะได้นักท่องเที่ยวจีนเข้ามากระตุ้นเศรษฐกิจเป็นกอบเป็นกำ แต่เหตุการณ์การกราดยิงที่ห้างสยามพารากอนทำให้ชาวจีนจำนวนไม่น้อยระงับการเดินทางมาเยือนเมืองไทย โชคดีที่รัฐบาลไทยไหวทัน ดึงนักท่องเที่ยวรัสเซียเข้าประเทศ ทำให้มีเม็ดเงินจากนักท่องเที่ยวรัสเซียมากระตุ้นเศรษฐกิจไทยทดแทนถามว่าทำไมต้องไปภูเก็ต มีคำตอบว่า ชาวรัสเซียไม่ค่อยพูดภาษาต่างประเทศ แต่ที่ภูเก็ตมีการใช้ภาษารัสเซียได้สะดวก ทั้งภัตตาคารร้านค้า บริษัทรถเช่า โบสถ์รัสเชียนออร์โธดอกซ์ บริษัททัวร์ สำนักงานกฎหมายของไทยที่จ้างนักกฎหมายรัสเซียมาเป็นที่ปรึกษา บริษัทนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ แม้แต่ล่ามไทย-รัสเซียก็มีจำนวนไม่น้อยจังหวัดอื่นที่คนรัสเซียชอบไปก็คือเชียงใหม่ แต่คนรัสเซียในเชียงใหม่ที่มีประมาณ 200 คน เป็นพวกดิจิทัลโนแมดที่ทำงานออนไลน์และใช้ชีวิตคนละสไตล์กับนักท่องเที่ยวชาวรัสเซียทั่วไปที่อยู่ในภูเก็ต หรือแม้แต่เกาะสมุย และพัทยาทันทีที่มีข่าวลบเกิดขึ้นในสถานที่ท่องเที่ยวของไทย รัฐบาลไทยต้องกระดิกพลิกตัวรีบให้ข้อมูลหรือแก้ข่าวให้ทัน อย่างกรณีที่อัลจาซีราตีข่าวว่าภูเก็ตเต็มไปด้วยมาเฟียรัสเซีย หน่วยงานของรัฐไทยต้องนำสถิติข้อมูลออกไปโชว์โต้ตอบ ไม่เช่นนั้นการท่องเที่ยวก็จะลงเหวแบบเดียวกับเมื่อครั้งเรือท่องเที่ยว 3 ลำล่มในบริเวณเกาะเฮ ใกล้ภูเก็ตเมื่อ 5 กรกฎาคม 2018 ที่ทำให้มีคนตายไปมากถึง 47 คน บาดเจ็บ 37 คน ข่าวนี้เพียงข่าวเดียวทำให้บริษัทท่องเที่ยวล้มละลายไปหลายสิบแห่งคนรัสเซียที่รักเมืองไทยและอยู่ในแผ่นดินไทยมายาวนานจะรวมกลุ่มกันเป็นชมรม คอยมอนิเตอร์คนรัสเซียที่ทำให้ภาพลักษณ์ของรัสเซียเสียหาย ทันทีที่มีคดีอาชญากรรมก็จะมีการประชุมและสืบสวนหาข้อเท็จจริง และกีดกันคนรัสเซียที่ไม่ดีให้ออกไปนอกประเทศ กลุ่มและชมรมอย่างนี้ ผมว่ามีเพียงชาวรัสเซียเท่านั้นที่รวมตัวกันได้อย่างเงียบเชียบ ทำงานแบบปิดทองหลังพระ สำหรับคนชาติอื่นก็อยู่กันแบบตัวใครตัวมันความมุ่งหวังตั้งใจระหว่างไทยกับรัสเซียคือต้องการให้มีการค้าต่อกันถึง 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯต่อปี แต่ตอนนี้มูลค่าการค้าขายอยู่ที่ 3 พันล้านดอลลาร์ นับว่าน้อยมาก การปฏิบัติต่อกัน ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนอย่างมีความสัมพันธ์ฉันมิตรจึงเป็นเรื่องสำคัญขณะนี้มีกลุ่มที่พยายามทำลายความสัมพันธ์อันดีระหว่างไทย-รัสเซีย พวกนี้ปล่อยข่าวลบสู่สาธารณะเป็นระยะ โดยเฉพาะปล่อยในโลกโซเชียล โชคดีที่เรามีรัฐบาลไทยที่รู้ทันและออกนโยบายอำนวยความสะดวกในด้านการทำมาค้าขายและการท่องเที่ยวมาแก้ไขสถานการณ์.นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัยsonglok1997@gmail.comคลิกอ่านคอลัมน์ “เปิดฟ้าส่องโลก” เพิ่มเติม