นโยบาย “กัญชาเสรี” จะต้องเปลี่ยนแปลงอย่างแน่นอน หลังจากที่มีการเปลี่ยนพรรค และเปลี่ยนรัฐมนตรีผู้กำกับดูแล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ประกาศว่าจะขจัดการใช้กัญชาเพื่อสันทนาการให้หมดไปภายใน 6 เดือน แต่จะใช้เพื่อทางการแพทย์ต่อไป และอาจประกาศปราบปรามยาเสพติด เป็นวาระแห่งชาติด้วยรัฐบาลที่ผ่านมา ซึ่งมีพรรคภูมิใจไทยเป็นรัฐมนตรีสาธารณสุข ได้ผลักดันนโยบายกัญชาเสรี เริ่มตั้งแต่การหาเสียงเลือกตั้งเมื่อปี 2562 และออกประกาศกระทรวงสาธารณสุข ไม่ให้กัญชาเป็นยาเสพติดอีก ตั้งแต่วันที่ 9 มิถุนายน 2565 และผลักดันร่าง พ.ร.บ.กัญชาผ่านวาระที่ 1 แต่ถูกคว่ำในวาระ 2สาเหตุสำคัญคือความขัดแย้ง ระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกัน หลังจากที่ร่างกฎหมายถูกคว่ำ โดยไม่มีกฎหมายควบคุมกัญชาโดยตรง ทำให้ประชาชนปลูกกัญชาโดยเสรี และปล่อยให้มีการ “พี้” เพื่อสันทนาการโดยเสรีและเปิดร้านบริการกัญชา ทั้งใน กทม.และเมืองใหญ่ๆ โดยไม่มีการควบคุมดำเนินคดีมีเสียงเรียกร้องจากเครือข่ายอนาคตกัญชาให้รัฐบาลรับฟังความเห็น ของทุกฝ่าย ไม่ใช่ฟังเสียงรัฐมนตรีสาธารณสุข ที่มาจากพรรคเพื่อไทยฝ่ายเดียว เครือข่ายกัญชาท้าให้ศึกษาเปรียบเทียบผลกระทบ ระหว่างเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ บุหรี่ และกัญชา อะไรจะอันตรายร้ายแรงกว่ากัน แต่วงการแพทย์ยืนยันว่ากัญชาทำลายสมองแน่โดยเฉพาะของเยาวชนที่กำลังเจริญเติบโต ทำให้สังคมเป็นห่วงอนาคตของชาติ อาจเต็มไปด้วยคนสมองพิการ ถ้าปล่อยให้ “พี้” กัญชาโดยเสรี จึงหวังว่านายกรัฐมนตรีจะเร่งผลักดัน ให้ออกกฎหมายควบคุมกัญชาโดยเร่งด่วน ถ้าต้องการขจัดการ “พี้” โดยเสรี โดยยึดทางสายกลางที่ไม่สุดโต่งนายกรัฐมนตรีประกาศด้วยว่า รัฐบาลอาจประกาศให้การป้องกันและปราบปรามยาเสพติด เช่น ยาบ้า เป็นวาระแห่งชาติ อาจทำให้คนไทยนึกถึงการประกาศ “สงครามยาเสพติด” โดยรัฐบาลทักษิณ เมื่อปี 2546 ที่มีผู้เสียชีวิตกว่า 2,500 คน อ้างว่าเป็น “การฆ่าตัดตอน” กันเองของผู้ค้ายา ถ้ารัฐบาลต้องการปราบยาเสพติดให้สัมฤทธิผล จะต้องมีกลไกตรวจสอบและควบคุม ให้หน่วยงานของรัฐที่ปราบปรามยาบ้า เช่น วงการตำรวจและหน่วยงานอื่นๆ ให้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความโปร่งใส ตรงไปตรงมา ยึดความซื่อสัตย์ และหลักธรรมาภิบาลเป็นที่ตั้ง นายกฯคนไหนจะทำได้ ต้องยกย่องให้เป็นยอดวีรชน.คลิกอ่านคอลัมน์ “บทบรรณาธิการ” เพิ่มเติม