ผมมีภารกิจบางอย่างที่จะต้องทำในช่วงเช้า ทำให้พลาดโอกาสดูชมการถ่ายทอดสดวันแถลงนโยบายของนายกฯเศรษฐาทวีสิน ในช่วงแรกๆของวันแรกไปอย่างน่าเสียดายเมื่อมาทราบภายหลังว่าในการประชุมรัฐสภาครั้งนี้มีการลุกขึ้น “ร่ายกลอน” จากนักกลอนระดับ “ศิลปินแห่งชาติ” คุณ เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ด้วย หลังจากที่นายกรัฐมนตรีได้แถลงนโยบายจบลงแต่ก็ถือว่าโชคดีที่ยุคนี้เป็นยุคสื่อสารทันสมัย มีการอัดคลิปขณะที่คุณเนาวรัตน์ลุกขึ้นร่ายกลอน พร้อมกับ “แชร์” กันต่อๆไปอย่างกว้างขวาง ทำให้ผมมีโอกาสได้ดูได้ชมและได้ฟังการร่ายกลอนอันเป็นประวัติศาสตร์ของการประชุมรัฐสภาครั้งนี้ในที่สุดบทกวีที่ท่าน สว.เนาวรัตน์ลุกขึ้นอภิปรายในครั้งนี้ มีเนื้อหาและใจความ ดังนี้ครับรัฐสภาสมาชิกรัฐสภาคือปากเสียงปวงประชาทำหน้าที่ หนึ่งต้องมีคุณธรรมคือความดี สองต้องมีจิตสำนึกทางการเมือง สามส่วนตัวต้องขึ้นต่อส่วนรวม สี่การมีส่วนร่วมต้องสืบเนื่อง ห้าส่วนรวมเป็นหลักไม่ยักเยื้อง ห้าประการนี้คือเรื่องหน้าที่เราสุริยันจันทราจักราศรี หมุนเคลื่อนวันเดือนปีมีใหม่เก่า การเมืองต้องโปร่งใสไม่ทึมเทา สะท้อนเงาสีทองส่องศรัทธา คือสัปปายะสถานธรรมสถิต พิทักษ์สิทธิเสรีภาพอันทรงค่า ประโยชน์สุข ส่วนรวมร่วมนำมา สมเป็นธรรมสภาของประชาชนจากนั้นท่านประธานรัฐสภาวันนอร์ก็กล่าวขอบคุณ คุณเนาวรัตน์ ศิลปินแห่งชาติ ที่นำบทกวีบทนี้มามอบให้แก่รัฐสภาผมเองในฐานะนักเลงกลอนเก่าสมัยเด็กๆชอบแต่งโคลงแต่งกลอนส่งมาล่ารางวัลใน “สกุลไทย” บ้าง “ดรุณสาร” ในเครือ “สตรีสาร” บ้าง ได้เงินครั้งละ 50 บาทมาหลายครั้ง อ่านแล้วก็พลอยปลื้มไปด้วย ตอนเข้ามาเรียนหนังสือในกรุงเทพฯใหม่ๆผมเคยไปสมัครเป็นสมาชิกชมรมนักกลอน ที่มีคุณ เจษฎา วิจิตร หรือคุณ วิจิตร ปิ่นจินดา เป็นนายกฯ พร้อมกับไปเข้าพิธีไหว้ครูกลอนที่พระตำหนัก กรมพระปรมานุชิตชิโนรส ในวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ยังจำได้ถึงวันนี้ในบรรดายอดนักกลอนที่ไป “ไหว้ครู” ใน พ.ศ.นั้น ส่วนใหญ่จะเป็นนักกลอนดังๆของประเทศทั้งสิ้น รวมทั้งท่านหนึ่งซึ่งต่อมาก็มาเป็น “ลูกพี่ใหญ่” ของผมที่ไทยรัฐ อันได้แก่ พี่ โกวิท สีตลายัน ซึ่งช่วงนั้นยังบวชเป็นพระภิกษุสงฆ์อยู่ แต่มาร่วมในพิธีดังกล่าวด้วยผมไม่แน่ใจว่าท่าน สว.เนาวรัตน์ จะมาร่วมพิธีครั้งนั้นด้วยหรือไม่ แต่ตอนหลังเมื่อผมไปเรียนธรรมศาสตร์รุ่นหลังท่าน 1 รุ่น มีโอกาสทราบว่าท่านเป็นนักกลอนดัง จึงฝากเนื้อฝากตัวเป็น FC ท่าน ติดตามไปฟังท่าน ด้นกลอนประชันกับทีมมหาวิทยาลัยต่างๆหลายครั้งทีมของท่าน สว.ยุคโน้น ได้แก่ คุณทวีสุข ทองถาวร คุณนิภา บางยี่ขัน ฯลฯ ...รวมถึงเพื่อนผมคนหนึ่งที่เคยไปไหว้ครูกลอนด้วยกัน เพราะมาจาก โรงเรียนโพฒิสาร นครสวรรค์ด้วยกัน ชื่อ ชัชวาลย์ อินทรภาษิต ไปประชันที่ไหนมักจะคว้าชัยชนะกลับมาเสมอด้วยเหตุที่ชีวิตผมเคยผูกพันกับการแต่งกลอนและนักกลอนนี่แหละครับ จึงรู้สึกดีใจที่บทกวีของคุณเนาวรัตน์ มีโอกาสมาเป็นส่วนหนึ่งของการแถลงนโยบายรัฐบาล เมื่อ 2 วันที่แล้วถือเป็นนิมิตหมายที่ดี ว่างั้นเถอะครับ เพราะในยุคโบราณ การแต่งโคลงแต่งกลอนหรือการร่ายบทกลอนต่างๆ มักนำมาใช้ในงานมงคล เพื่อให้เกิดมงคลยิ่งๆขึ้น...เมื่อช่วงที่รัฐสภาแห่งนี้มีการลงเลือกมติเลือกนายกรัฐมนตรี วันที่ 11 กรกฎาคม 2566 และ สว.เนาวรัตน์ประกาศ “งดออกเสียง” นั้นมีรายงานว่า เกิดภาวะ “ทัวร์ลง” เข้าใส่ท่านอย่างหนักท่าน สว.ท่านก็ออกมาแถลงว่า ท่านเคยแสดงเจตนารมณ์ไว้ในสภาแห่งนี้ว่า สว.ไม่ควรมีสิทธิเลือกนายกรัฐมนตรี ท่านจึงขอใช้สิทธิโหวตงดออกเสียงในการเลือกนายกรัฐมนตรีตลอดไปหวังว่าบทกลอนว่าด้วยภารกิจและจิตสำนึกอันพึงปฏิบัติ 5 ประการของวุฒิสภาครั้งนี้ คงไม่มีทัวร์ไปลงอีกนะครับ...ถ้ามีก็ขอให้เป็นทัวร์ดีระดับพรีเมียม มีประโยชน์และสร้างสรรค์...อย่าเป็น “ทัวร์ศูนย์เหรียญ” อย่างที่เกิดขึ้นเป็นประจำในบ้านเราก็แล้วกัน.“ซูม”คลิกอ่านคอลัมน์ "เหะหะพาที" เพิ่มเติม