“วันนอร์” ชิงปิดประชุมหนีดื้อๆ หลัง “โรม” งัดข้อ สว.ชงญัตติทบทวนมติห้ามเสนอชื่อนายกฯ โหวตซ้ำสอง ก.ก.จวกทำแบบนี้ไม่สง่างาม “ชัยธวัช” ย้ำดึงอำนาจฝ่ายนิติบัญญัติกลับมา “กัณวีร์” ยังฝัน 8 พรรคร่วมกลับมาผนึกจัดตั้งรัฐบาลได้อีกครั้ง “อนุทิน” ชัดเจนไม่ปิดสวิตช์ สว. “ผู้กอง” โต้ดีลลับยกทีม สส.ทิ้ง พปชร. “ภูมิธรรม” รอแบ่งกระทรวงหลังได้นายกฯ สว.ลากตั้งประกาศลั่นไม่เน้นประชาธิปไตย “สมชาย” เย้ย ก.ก.เล่นเป็นเด็ก “ชูวิทย์” กัดติด “เศรษฐา” ไม่ปล่อย จี้อธิบดีสรรพากรสอบเลี่ยงภาษี พท.ดาหน้าโต้ “เดียร์” ชี้เป็นความพอใจผู้ซื้อ-ผู้ขาย “อนุสรณ์” ข้องใจแผน “ล้มนิด ชุบชีวิตใคร” “พิธา” เต้นแจวเรือรำลึก 25 ปีรับเพื่อนใหม่ มธ. เซ็งลากตั้งล้มอำนาจประชาชน “เฮ้ง” รับมีผู้ใหญ่ทาบร่วม รบ. ศาลฎีกาตัดสิทธิ “ธนิกานต์” อดีต สส.พปชร. ลงเลือกตั้ง-ดำรง ตำแหน่งการเมืองตลอดชีพ คดีเสียบบัตรแทนกันแม้พรรคเพื่อไทยประกาศฉีกเอ็มโอยู 8 พรรคร่วมเดิม เพื่อไปจับขั้วใหม่จัดตั้งรัฐบาล แต่การเดินเกมรวบรวมเสียงสนับสนุนโหวตเลือกนายกฯยังต้องเผชิญกับอุปสรรคขวากหนามที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน โดยเฉพาะประเด็นปัญหาส่วนตัวของนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทยสภาโหรงเหรงถกแก้มาตรา 272เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 4 ส.ค.ที่รัฐสภา มีการประชุมรัฐสภา เพื่อพิจารณาเรื่องด่วนร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 272 เรื่องการตัดอำนาจ สว.เลือกนายกรัฐมนตรี แต่เมื่อถึงเวลายังไม่สามารถเปิดประชุมได้ เพราะมีสมาชิกอยู่กันบางตา โดยเฉพาะ สว.ที่มาประชุมเพียง 20 กว่าคน จาก 249 คน จนถึงเวลา 09.35 น. นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎรและประธานรัฐสภา ประธานการประชุมแจ้งต่อที่ประชุมว่า มีสมาชิกมาร่วมประชุม 239 คน จากทั้งหมดที่ปฏิบัติหน้าที่ได้ 747 คน ไม่ถึงกึ่งหนึ่งทำให้ไม่สามารถเปิดประชุมได้ ขณะที่ สส.พรรคก้าวไกลร้องขอให้รอสมาชิกก่อนเนื่องจากการจราจรติดขัดหนัก หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจนำตู้คอนเทนเนอร์มาขวางปิดกั้นการจราจร กระทั่งเวลา 10.20 น. มีองค์ประชุมครบ 374 คนจึงเริ่มประชุมได้“โรม” ชงญัตติทบทวนมติ 19 ก.ค.ทันทีที่เริ่มประชุม นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคก้าวไกล เสนอญัตติด่วนให้ทบทวนมติที่ประชุมรัฐสภาเมื่อวันที่ 19 ก.ค. ที่ไม่ให้เสนอชื่อบุคคลเดิมดำรงตำแหน่งนายกฯ หลังมีประเด็นร้องไปสู่ศาลรัฐธรรมนูญ โดยมีผู้รับรองญัตติครบถ้วน แต่นายวันมูหะมัดนอร์บอกว่า ขอให้รอคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญวันที่ 16 ส.ค.ก่อน ถ้าเดินหน้าต่ออาจไปขัดอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ แต่นายรังสิมันต์แย้งว่า การร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ เป็นอำนาจผู้ตรวจการแผ่นดิน แต่การเสนอญัตติของตนมีผู้รับรองถูกต้อง ต้องพิจารณาญัตตินี้ก่อน แต่นายวันมูหะมัดนอร์ยืนยันให้รอคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ขณะที่นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ สส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ญัตติที่เสนอนี้ดำเนินการถูกต้อง เมื่อยังมีข้อสงสัยสภาฯต้องวินิจฉัย ไม่ใช่เรื่องเสียหาย มติสภาที่เกิดขึ้นแล้ว สิ่งที่จะไปกลบได้คือมติสภาที่ใหญ่กว่า “วันนอร์” ชิงปิดประชุมหนีดื้อๆทั้งนี้นายวันมูหะมัดนอร์พยายามตัดบทให้เดินหน้าไปตามวาระปกติ แต่นายรังสิมันต์ไม่ยอม ทำให้เกิดการถกเถียงกันในที่ประชุม นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เมื่อมีผู้เสนอญัตติด่วนด้วยวาจา มีกระบวนการเสนอญัตติชอบด้วยข้อบังคับ ประธานฯไม่มีอำนาจวินิจฉัยว่าจะรับหรือไม่รับพิจารณาญัตติด่วน สภาฯต้องพิจารณาจะให้ความเห็นชอบญัตติด่วนหรือไม่ ทำให้นายสมชาย แสวงการ สว. เสนอญัตติคัดค้านญัตติของนายรังสิมันต์ มีผู้รับรองครบถ้วน ทำให้ที่ประชุมเสียเวลาถกเถียงกันอีกครึ่งชั่วโมง ในที่สุดนายวันมูหะมัดนอร์ตัดบทใช้อำนาจประธานรัฐสภาวินิจฉัยให้เลื่อนการประชุมรัฐสภาในวันนี้ พร้อมกับสั่งปิดการประชุมทันที ในเวลา 11.27 น. โดยไม่ฟังเสียงทักท้วงของ สส.ที่ขออภิปรายต่อ “ไอซ์” โพสต์ลั่นเหวอกันทั้งสภาหลังปิดการประชุม น.ส.รักชนก ศรีนอก หรือไอซ์ สส.กทม. พรรคก้าวไกล โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า “เหวอกันทั้งสภา ขณะที่ยังมีคนยกมือรออภิปราย มีญัตติจ่อเสนอ และมีวาระ 272 รออยู่ อยู่ๆประธานสภาฯประกาศเลื่อนประชุม และปิดประชุมทันที สส. 500 คนจากทั่วประเทศ ใช้ทรัพยากรเท่าไหร่ในการเดินทางมาประชุม 1 ครั้ง ค่าเดินทาง ค่าเครื่องบิน ค่าข้าว ที่เบิกจากภาษีประชาชน แต่ยังประชุมไม่ถึงไหนเลย ประธานฯตัดช่องน้อยปิดประชุมโดยไม่ทราบสาเหตุ ในฐานะ สส.สมัยแรกงงมาก สภาทำงานกันแบบนี้หรอ” ด้าน น.ส.รัชนก สุขประเสริฐ สส.สมุทรปราการ พรรคก้าวไกล อัดคลิปวิดีโอเป็นภาพตัวเองและเเม่บ้านสภาฯ กำลังกุลีกุจอช่วยกันซับน้ำ หลังเกิดฝนตกทำให้มีน้ำรั่วเข้ามาในห้องทำงาน สส. ภายในอาคารรัฐสภา ในคลิป น.ส.รัชนกพยายามเอามือรองน้ำฝนที่รั่วเข้ามาในห้อง พร้อมกับถามว่า “มีเรือไหม จะพายเรือในห้องทำงาน สส. บอกได้คำเดียวว่าสุดยอดมากค่ะ”ก.ก.ติง “วันนอร์” ทำไม่สง่างามต่อมาเวลา 11.50 น. นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล และนายรังสิมันต์ โรม โฆษกพรรค ก.ก. นำทีม สส.พรรคแถลงข่าว นายชัยธวัชแถลงว่า ยืนยันว่าญัตติที่ สส.พรรค ก.ก.เสนอให้ทบทวนมติรัฐสภา ที่ห้ามเสนอชื่อบุคคลโหวตเป็นนายกฯซ้ำ เป็นญัตติที่ถูกต้อง และประธานสภาฯควรเปิดให้รัฐสภาลงมติ เป็นกระบวนการปกติ ในฐานะที่พรรค ก.ก.สนับสนุนให้นายวันมูหะมัดนอร์ ดำรงตำแหน่งประธานสภาฯ เรากังวลว่า การปิดสภาวันนี้อาจถูกวิจารณ์ว่าไม่สง่างาม อาจถูกมองได้ว่าเพราะเสียง สว.อาจไม่มากพอหรือไม่ หวังว่าการดำเนินการประชุมหลังจากนี้จะดีขึ้น การประชุมครั้งหน้าเราจะเสนอญัตตินี้อีก เพราะญัตติยังไม่ตกไป เราไม่แน่ใจสถานการณ์เลือกนายกฯจะยืดเยื้อไปถึงไหน อย่างน้อยวันนี้ก็ยืดเยื้อไปอีก 2 สัปดาห์ ถ้าวันนี้ร่างแก้ไขยกเลิกมาตรา 272 ผ่านวาระที่ 1 เผลอๆสิ้นเดือนนี้ก็ผ่านวาระ 3 ได้ จะเป็นอีกมาตรการหนึ่งทำให้การเมืองไม่เดินไปสู่ทางตันดึงอำนาจนิติบัญญัติกลับมาเมื่อถามว่า ก.ก.ยังหวังว่าถ้าทุกอย่างถูกแก้ไข โอกาสที่จะได้กลับมาเป็นรัฐบาลยังมีอยู่ นายชัยธวัชตอบว่า ยืนยันเราไม่ได้ทำเพื่อแคนดิเดตพรรคใดพรรคหนึ่ง มีผลต่อแคนดิเดตทุกพรรครวมถึง พท.ด้วย และปลดล็อกหลายอย่าง ไม่จำเป็นต้องไปพลิกขั้วรัฐบาล ไม่จำเป็นต้องถูกบีบให้ไปมีส่วนร่วมในการสืบทอดอำนาจของขั้วรัฐบาลเดิม เมื่อถามว่า 2 อาทิตย์ที่ต้องรอนี้อยากให้ พท.ทบทวนหรือไม่ นายชัยธวัชตอบว่า เป็นการตัดสินใจของ พท.ยังคงยืนยันเรื่องนี้ไม่ควรเป็นอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญ ควรเป็นอำนาจรัฐสภาเอง เมื่อมีมติไปแล้วก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นมติที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ตีความข้อบังคับให้ใหญ่กว่ารัฐธรรมนูญ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ใหญ่ ถ้าไม่ใช่เรื่องใหญ่ขนาดนี้คงไม่มีการเสนอญัตติให้ทบทวน ไม่ใช่อยู่ดีๆอยากกลับมติไปมากันเล่นๆ เราพยายามเสนอทางออกโดยใช้กลไกของรัฐสภาแก้ไขปัญหานี้ด้วยตนเอง โดยไม่พึ่งศาลรัฐธรรมนูญ “โรม” ฉะใช้วิชามารล่มประชุมนายรังสิมันต์ โรม แถลงว่า เป็นเรื่องน่าแปลกใจ และน่าเสียดาย ที่การประชุมต้องสิ้นสุดโดยไม่มีข้อยุติ ความจริงถ้าประธานสภาฯยอมให้พิจารณาเรื่องนี้ไปเต็มที่สัก 1 ชั่วโมง คงหาข้อสรุปกันได้ และเข้าสู่วาระถัดไปทั้งการเลือกนายกฯ, มาตรา 272 ที่เป็นประตูทางออกของประเทศ วันนี้เราทราบแต่ต้นว่ามีความพยายามจะล้มการประชุม การใช้วิชามารแบบนี้ประเทศได้อะไร กับการที่เราปิดการประชุมแบบนี้“กัณวีร์” ยังฝัน 8 พ.ร่วมตั้งรัฐบาลนายกัณวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อ เลขาธิการพรรคเป็นธรรม กล่าวถึงวาระการพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 272 เพื่อปิดสวิตช์ สว.ว่าพรรคเป็นธรรมจะลงมติรับหลักการแน่นอน เพราะเห็นว่า รัฐธรรมนูญมาตรา 272 ควรมีการแก้ไขมานานแล้ว ไม่ให้ขัดขวางกระบวนการประชาธิปไตย เห็นได้จากการเลือกนายกฯที่ผ่านมา ส่วน สว.บางคนที่มองว่าการพิจารณาแก้ไขมาตรา 272 ต้องไปทำประชาพิจารณ์ก่อน และไม่สามารถเสนอขอแก้ไขในลักษณะนี้ได้ ส่วนตัวมองว่าไม่จำเป็น เพราะสมาชิกรัฐสภาทุกคนถือเป็นผู้แทนประชาชนอยู่แล้ว “ยังมั่นใจด้วยว่าการปิดสวิตช์ สว.จะเป็นทางเลือกหนึ่ง ที่อาจทำให้เกิด The Return of Pita หรือการทำให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล สามารถกลับมามีสิทธิเป็นนายกฯได้ และเพื่อให้ 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลเดิมกลับมาร่วมกันจัดตั้งได้ หวังว่าในอนาคต 8 พรรคร่วมที่ลงเอ็มโอยู จะมีโอกาสกลับมาร่วมจัดตั้งรัฐบาลได้อีกครั้ง”“อนุทิน” ชัดเจนไม่ปิดสวิตช์ สว.นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 272 ว่า มาตรานี้จะจบไปเอง เพราะกว่าจะแก้ไขหรือเปลี่ยนบทบัญญัติเสร็จก็ใกล้กับเวลาที่ สว.หมดอำนาจตามบทเฉพาะกาล หากจะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญอยากให้ใช้ช่องทางผ่านสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ที่มาจากการเลือกตั้งซึ่งเป็นตัวแทนของประชาชนที่ไม่ก่อให้เกิดผลกระทบอะไร เมื่อถามว่าพรรคก้าวไกลระบุว่ากระบวนการแก้ไขสามารถทำให้เสร็จได้ภายใน 1 เดือน นายอนุทินตอบว่า เป็นความคิดของผู้นำเสนอ เมื่อถามว่า สว.มองว่าควรทำประชาพิจารณ์ก่อน นายอนุทินตอบว่า การร่างหรือแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องให้ประชาชนมีส่วนร่วม สสร.ที่ผ่านการเลือกตั้งมาก็เป็นตัวแทนของประชาชนยันไร้สเปกตั้งรัฐบาลขอให้เร็วเมื่อถามย้ำว่าพรรคเพื่อไทยได้ประสานเรื่องการร่วมจัดตั้งรัฐบาลแล้วหรือไม่ นายอนุทินตอบสั้นๆว่า “ยังเลยครับ” เมื่อถามว่าหากเกิดอุบัติเหตุพรรคเพื่อไทยไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ พรรคภูมิใจไทยจะมีท่าทีอย่างไร นายอนุทินตอบว่า ให้เกิดขึ้นก่อน ทุกอย่างยังอยู่ในมือของพรรคเพื่อไทย ทุกคนพยายามอย่างเต็มที่ หากจัดตั้งรัฐบาลได้เร็วยิ่งดี เราแจ้งแนวทางและเงื่อนไขให้พรรคเพื่อไทยทราบแล้ว ยิ่งจบได้เร็วยิ่งดี ประเทศจะได้เดินหน้าต่อไป การทำงานให้บ้านเมืองมีสเปกไม่ได้ จะบอกว่าห้ามทำโน่นทำนี่ไม่ได้ ต้องเอาบ้านเมืองเป็นใหญ่ “ผู้กอง” โต้ยกทีม สส.ทิ้ง พปชร.ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงกระแสข่าวมีดีลลับปฏิบัติการลอยแพพรรค พปชร. โดยระบุชื่อตนจะนำ สส.ในกลุ่มไปโหวตนายกฯที่เป็นแคนดิเดตพรรค พท. เพื่อหวังร่วมจับขั้วรัฐบาลว่า ขอปฏิเสธกระแสข่าวดังกล่าวสิ้นเชิง ขอยืนยันอีกครั้งว่าหลังจากพรรค พท.เชิญตนและคณะไปหารือเพื่อร่วมหาทางออกประเทศเมื่อวันที่ 23 ก.ค. จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้รับการติดต่อหรือประสานงานจากตัวแทนพรรค พท.ในเรื่องจัดตั้งรัฐบาลแต่อย่างใด ไม่มีดีลลับอะไร ในฐานะเลขาธิการพรรคยึดมั่นการทำงานของพรรคตามแนวทางหัวหน้าพรรคและมติพรรค อย่าพยายามโยงหรือสร้างกระแสตีข่าวที่ไม่มีข้อเท็จจริง ไม่มีเรื่อง“งูเห่า” ในพรรคพปชร.เกิดขึ้นแน่นอน สส.ทุกคนมีความรักและเป็นหนึ่งเดียวรอแบ่งกระทรวงหลังได้นายกฯที่พรรคเพื่อไทย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์กรณีที่ระยะหลังทั้งนายเศรษฐา ทวีสิน และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทยต่างเงียบไปทั้งคู่ ว่า ไม่ได้เงียบทั้งคู่เดินเข้าพรรคปกติ ส่วนการวิพากษ์วิจารณ์เรื่องที่ดินบริษัท แสนสิริจำกัด (มหาชน) นายเศรษฐามีการชี้แจงแล้ว เรามั่นใจ เมื่อถามถึงความคืบหน้าในการจัดตั้งรัฐบาลที่มีกระแสข่าวว่าพรรคต่างๆเจรจาต่อรองหนัก นายภูมิธรรมตอบว่า เป็นข่าวลือทิพย์ ยังไม่มีการพูดคุยเรื่องตำแหน่ง พูดแต่เพียงว่าเมื่อพรรค พท.เป็นแกนนำมีนายเศรษฐาเป็นนายกฯ เห็นอย่างไร หากยอมรับก็ช่วยสนับสนุนนายเศรษฐา วันนี้เรากำลังเลือกนายกฯบนสถานการณ์ที่ไม่ปกติ ยิ่งปล่อยให้การจัดตั้งรัฐบาลล่าช้า ยิ่งทำให้ประเทศมีวิกฤติมากขึ้น เมื่อวานนี้ (3 ส.ค.) มีข่าวเลื่อนโหวตนายกฯหุ้นแดงทั้งกระดาน เมื่อถามว่าได้พูดถึงเรื่องรัฐมนตรีกับพรรคต่างๆบ้างแล้วหรือไม่ นายภูมิธรรมตอบว่า ปกติจะพูดคุยกันถึงเรื่องตำแหน่งหลังมีการฟอร์มรัฐบาลได้ตัวนายกฯแล้ว ตอนนี้ยังไม่ได้เสนอเรื่องกระทรวง ขณะนี้แบ่งกระทรวงไม่ได้เพราะยังไม่รู้ว่าจำนวนตัวเลขที่จะจัดตั้งรัฐบาลเป็นอย่างไร เรื่องทั้งหมดจะเกิดขึ้นหลังจากได้นายกฯมั่นใจจัดตั้งรัฐบาลใหม่สำเร็จเมื่อถามว่าหากสูตรจัดตั้งรัฐบาลที่ไม่มีพรรคก้าวไกลและพรรคของ 2 ลุง จำเป็นต้องใช้เสียง สว.มากกว่า 100 เสียงขึ้นไป เป็นเรื่องยากหรือไม่ นายภูมิธรรมตอบว่า เรายังไม่คิดถึงบริบทนั้น วันนี้เอาปัญหาประเทศชาติเป็นหลัก ย้ำว่าเราต้องการทำการเมืองมิติใหม่ ไม่ใช่ความต้องการของพรรค การเมืองหรือนักการเมืองเป็นตัวตั้ง วันนี้อยากได้เสียงสนับสนุนให้เราเป็นนายกฯก่อน หากตรงนี้ชัดเจนแล้วขั้นต่อไปเราจะเคลียร์ให้ชัดเจนขึ้น เมื่อถามย้ำว่ามั่นใจหรือไม่ว่าพรรคเพื่อไทยจะจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ นายภูมิธรรมตอบว่า “ก็ต้องมั่นใจ ไม่มั่นใจเราจะดำเนินการมาถึงขั้นนี้เหรอ เราเชื่อว่าเพื่อไทยเหมาะสมกับสถานการณ์ประเทศที่กำลังวิกฤติอยู่ขณะนี้ และความขัดแย้งที่สะสมมากว่า 20 ปี เราเชื่อว่าโดยจุดยืนของพรรคเพื่อไทยที่อยู่กับความเป็นจริง และใช้วิธีการแก้ปัญหาที่ละมุนละม่อม ประนีประนอม เราจะช่วยกันฝ่าวิกฤติครั้งนี้ และสลายความขัดแย้งไปให้ได้ และจะดีขึ้นเรื่อยๆ”“อมร” ลั่นไม่เน้นประชาธิปไตยนายอมร นิลเปรม สว. กล่าวถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 272 ของพรรคก้าวไกลว่า อยากถามว่าทำไมต้องรีบร้อนแก้ไข ปกติการแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องทำประชาพิจารณ์ก่อน ขณะนี้ยังไม่ได้จัดตั้งรัฐบาล หรือมีฝ่ายค้านเลย สว.ทำหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติไป จะมีความเห็นเป็นอย่างไรขึ้นอยู่กับหน้างาน สว.แต่ละคนไม่ใช่นักการเมือง มีความคิดของตัวเองคำนึงถึงบ้านเมืองเป็นหลัก เมื่อถามว่ามองคุณสมบัติการเป็นนายกฯของนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย อย่างไร นายอมรตอบว่า ต้องดูข้อมูลก่อน ให้นายเศรษฐามาชี้แจง แต่จะมีการแสดงวิสัยทัศน์หรือไม่ ขึ้นอยู่กับนายเศรษฐา ส่วนที่นายเศรษฐาเคยให้สัมภาษณ์ช่วงหาเสียงเกี่ยวกับการแก้ไขมาตรา 112 นั้น ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมแต่ละบุคคลที่ทำมาในอดีต พฤติกรรมส่อเจตนาอยู่แล้ว ตอนนี้ทีมเจรจาของพรรคเพื่อไทยยังไม่ได้ติดต่อมาพูดคุย ตนไม่เน้นประชาธิปไตย ต้องเอาบ้านเมืองก่อน“สมชาย” โต้ ก.ก.เล่นเป็นเด็กๆนายสมชาย แสวงการ สว. กล่าวว่า การยื่นแก้รัฐธรรมนูญมาตรา 272 เป็นการเล่นการเมืองไม่ถูกต้อง อีก 10 เดือนก็หมดอายุ สว. กฎหมายนี้ไม่จำเป็นต้องแก้หรือยกเลิก เว้นแต่แสร้งไม่เข้าใจ ดิสเครดิต สว. ยืนยันถ้ากฎหมายนี้เข้ามาจะไม่โหวตให้ ขอให้เลิกเล่นเป็นเด็ก ขณะนี้ สว.พร้อมเลือกนายกฯแล้ว ไม่เข้าใจว่าจะประวิงเวลาเพื่อรอเวลา 10 เดือนทำไม ประเทศจำเป็นต้องมีนายกฯ ที่ผ่านมา สว.ไม่เคยปฏิเสธเลือกนายกฯ เพียงแต่ต้องตรวจสอบคุณสมบัติ หากไม่พร้อมก็ต้องยอมรับ ต้องพิจารณาทั้งตัวบุคคล และนโยบาย หากพรรคร่วมรัฐบาลไม่มีปัญหา สว.ให้ความเห็นชอบอยู่แล้ว เมื่อถามว่าวาระการโหวตนายกฯถูกเลื่อนออกไปหลายครั้ง นายสมชายตอบว่า เป็นปกติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 88 และมาตรา 89 กำหนดชัดว่าแต่ละพรรคส่งชื่อแคนดิเดตนายกฯได้ไม่เกิน 3 คน หากคนแรกไม่ได้ ก็ให้ลำดับถัดไป บัญชีแคนดิเดตมีหลายคน จะให้ สว.เลือกคนเดียวเหรอ “ชูวิทย์” กัดติด “เศรษฐา” ไม่ปล่อยที่กรมสรรพากรเมื่อเวลา 14.00 น. นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองชื่อดัง นำเอกสารหลักฐานข้อมูลเกี่ยวกับการหลบเลี่ยงภาษีซื้อขายที่ดินของบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ที่มีความเกี่ยวพันกับนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย มอบถึงนายลวรณ แสงสนิท อธิบดีกรมสรรพากรทำการตรวจสอบ ผ่านนายกิตติพล สิงห์ทน หัวหน้าส่วนประชาสัมพันธ์ รักษาราชการแทน เลขานุการกรมสรรพากร นายชูวิทย์กล่าวว่า จากพฤติกรรมนายเศรษฐาถือเป็นผู้มีส่วนร่วมในการกระทำความผิดหลบเลี่ยงภาษี ไม่ใช่ผู้สนับสนุน ประเด็นสำคัญที่ต้องชี้แจงคือเรื่องที่คนของพรรคเพื่อไทยออกมาโจมตีว่าเป็นการเตะหมูเข้าปากหมา อยากบอกว่าพรรคเพื่อไทยยังมีแคนดิเดตนายกฯคนอื่นคือ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร และนายชัยเกษม นิติศิริ ทำไมถึงเอานายเศรษฐา หากนายเศรษฐาอ้างว่าไม่รู้เห็นกับการซื้อขายที่ดินดังกล่าว มีหน้าที่เซ็นชื่ออย่างเดียว ขอให้ดูตัวอย่าง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ในคดีจำนำข้าวสุดท้ายต้องหนีไปอยู่ต่างประเทศ และจะไปร้องเรียนต่อ กลต.ต่อไปจี้อธิบดีสรรพากรสอบเลี่ยงภาษีนายชูวิทย์กล่าวด้วยว่า วันนี้นำเอกสารหลักฐานมาให้อธิบดีกรมสรรพากรตรวจสอบเรื่องการหลบเลี่ยงภาษี ขอแนะนำให้นายเศรษฐาถอยดีกว่า อย่าดีกว่า หากพรรคเพื่อไทยมาหาว่าตนเตะหมูเข้าปากหมา ในฐานะประชาชนคนหนึ่งที่อยากได้นายกฯที่บริสุทธิ์ กรณีนี้หากพบว่าเป็นการกระทำความผิด มีโทษจำคุกสูงสุด 7 ปี เมื่อกระทำความผิด 12 วัน 12 คน ก็เท่ากับทำผิด 12 กรรม ต่างกรรมต่างวาระกัน ด้านนายกิตติพลกล่าวว่า กรมสรรพากรมีระเบียบขั้นตอน การตรวจสอบเอกสารหลักฐานต่างๆ พร้อมให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ขั้นตอนจากนี้จะนำเอกสารที่นายชูวิทย์มอบให้ไปพิจารณาก่อน หากมีข้อสงสัยเจ้าหน้าที่อาจมีการเชิญตัวนายเศรษฐามาให้ข้อมูล “เดียร์” โต้ความพอใจผู้ซื้อผู้ขายน.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ออกมาโจมตีนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทยว่า การจะซื้อจะขายที่ดิน ถือเป็นความสมัครใจของทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย ผู้ซื้อทำได้เท่าที่ผู้ขายจะตกลงด้วย เมื่อเป้าหมายของผู้ซื้อคือต้องการที่ดินในราคาที่ตนรับได้ และยอมรับเงื่อนไขของผู้ขาย และเป้าหมายของผู้ขายคือการขายที่ดินออกไปในราคาที่ตนต้องการ ยอมรับภาระทางภาษีไว้เอง ไม่เห็นมีตรงไหนที่ผู้ซื้อที่ดินจะทำผิดมาตรฐานจริยธรรม ผิดกับบางคนทำผิดจริยธรรมมาเกือบทั้งชีวิตข้องใจแผน “ล้มนิด ชุบชีวิตใคร”นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า นายชูวิทย์จะตรวจสอบเรื่องอะไรก็เป็นสิทธิ แต่เท่าที่จำได้นายชูวิทย์แหย่เรื่องนี้มาตั้งแต่แรก แต่มาเลือกลงมือในจังหวะเวลานาทีสำคัญก่อนโหวตเลือกนายกฯ คำถามคือถ้าทำกันจนการโหวตนายเศรษฐามีปัญหา ใครคือผู้ได้ประโยชน์ เพราะอาชญากรย่อมได้ประโยชน์จากอาชญากรรมที่ตัวเองก่อขึ้น ความพยายามดิสเครดิตแคนดิเดตนายกฯพรรคเพื่อไทย เป็นไปเพื่อเปิดทางไปสู่ปฏิบัติการ “ล้มนิด ชุบชีวิตใคร” หรือไม่ ปฏิบัติการนี้หวังล้มนายเศรษฐาเพื่อชุบชีวิตคนที่หมดโอกาสไปแล้ว ให้ฟื้นคืนชีพกลับสู่เส้นทางลุ้นเป็นนายกฯหรือไม่ พรรคเพื่อไทยยืนยันว่านายเศรษฐามีคุณสมบัติครบถ้วนตามรัฐธรรมนูญ ไม่ได้ละเมิดกฎหมาย ไม่ได้ฝ่าฝืนจริยธรรมใดๆตามที่กล่าวอ้าง ถ้านายชูวิทย์ติดใจสงสัยสามารถตรวจสอบได้ที่กรมสรรพากร ประเทศชาติและประชาชนเสียโอกาสไปมากแล้ว ปล่อยให้ประเทศไทยได้ไปต่อ “พิธา” รำลึก 25 ปี รับเพื่อนใหม่ มธ.ช่วงเช้าที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าและแคนดิเดตนายกฯ พรรคก้าวไกล ร่วมกิจกรรม “รับเพื่อนใหม่” นักศึกษาใหม่ชั้นปีที่ 1 ร่วมกิจกรรมสันทนาการอย่างเป็นกันเอง โดยนายพิธาลุกขึ้นเต้นท่าเเจวเรือตามเสียงเรียกร้องของบรรดานักศึกษา ท่ามกลางเสียงเชียร์ และเสียงกรี๊ดดังกระหึ่ม ต่อมานายพิธาบรรยายพิเศษในหัวข้อ “ประชาธิปไตย เสรีภาพ และความเป็นธรรม : 3 เสาหลักจิตวิญญาณธรรมศาสตร์ สู่การสร้างสรรค์สังคม” ว่า ยินดีที่ได้กลับมาสู่บรรยากาศ และพลังงานแบบเหลืองแดงอีกครั้ง ย้อนกลับไปในวันที่เป็นนักศึกษารหัส 41 น่าเจ็บใจที่ผ่านไป 25 ปี ทุกอย่างกลับถดถอยลง เรากำลังอยู่ในโลกที่ประชา ธิปไตย เสรีภาพ และความเป็นธรรมกำลังถดถอย สิ่งเก่ากำลังล้มพังลง ขณะที่สิ่งใหม่ที่ก่อร่างสร้างตัวขึ้นยังไม่สำเร็จ โลกใบใหม่เต็มไปด้วยความปกติใหม่ แต่เรายังคงไม่มีฉันทามติใหม่สำหรับความปกติใหม่เสียทีเซ็งลากตั้งล้มอำนาจประชาชนนายพิธากล่าวว่า เมื่อหันกลับมาดูประเทศไทย ประชาธิปไตยของไทยวันนี้คือประชาธิปไตยที่เพียงแค่ สว.ที่มาจากการลากตั้ง ไม่มาเป็นองค์ประชุม ก็สามารถล้มแคนดิเดตนายกฯที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนได้ อำนาจที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนกลับถูกคานโดยอำนาจที่ไม่ได้มาจากประชาชน มีองค์กรอิสระสามารถหยุดยั้งประชา ธิปไตยได้ เสรีภาพในการแสดงออก ในการกำหนดชีวิตตัวเอง แม้แต่ในการหายใจ ในการทำมาหากินถดถอยลง นี่ยิ่งเป็นสาเหตุที่โลกและประเทศไทยต้องการคนรุ่นพวกคุณ ต้องการพลังงานอย่างพวกคุณมากำหนดนิยามใหม่ให้กับประชาธิปไตย เสรีภาพ และความเป็นธรรม เรียนรู้อดีต กำหนดสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต นี่คือสิ่งที่พวกเราต้องช่วยกัน เป็นพลังงานของคนรุ่นใหม่ๆ ถึงเวลาต้องคิดใหญ่ โลกใบนี้กำลังต้องการคนรุ่นใหม่ช่วยผลักสิ่งเก่าๆออกไปและนำสิ่งใหม่ๆเข้ามาโพสต์เต้นแจวเรือกลับยานแม่ต่อมานายพิธาโพสต์ภาพและคลิปวิดีโอผ่าน Instagram @pita.ig ว่า “กลับยานแม่ @tham masat_uni ต้อนรับเพื่อนใหม่” ขณะเดียวกันในสื่อสังคมออนไลน์มีการแชร์คลิปวิดีโอที่นายพิธาร่วมกิจกรรมแจวเรือ ลุกขึ้นเต้นท่าเเจวเรือท่ามกลางเสียงเชียร์และเสียงกรี๊ดของนักศึกษา ม.ธรรมศาสตร์ โดยระบุว่า “แจวเรือจะไปสภา ขอเชิญพิธาลุกขึ้นมาแจว” #ปฐมนิเทศธรรมศาสตร์ #กองสันทนาการมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ฯ “ลุงตู่” ตีมึนรักษาการไปยาวๆที่ท่าอากาศยานทหาร 2 บน.6 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม กล่าวถึงการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ที่ล่าช้ามาหลายเดือนว่า ไม่มีปัญหา ไม่มีกระทบอะไร เงินเดือนข้าราชการมีพอใช้จ่ายอยู่แล้ว มีเงินสำรองที่ใช้ได้ตามกฎหมายระดับหนึ่ง คิดว่าไม่มีผลกระทบอะไรทั้งสิ้น แต่สิ่งที่เป็นห่วงคือ โครงการที่จะทำมันทำไม่ได้ เมื่อเกิดความเดือดร้อนอะไรขึ้นมาก็มีปัญหา เพราะใช้จ่ายงบฯได้จำกัด เมื่อถามว่าจะให้คำแนะนำอะไรหรือไม่ เพราะยิ่งยืดเวลาออกไปจะทำให้เกิดปัญหาในการ บริหาร พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า ไม่แนะนำ จะไปแนะนำใคร เขาเก่งกันทุกคน เมื่อถามว่าดูเหมือนต้องเป็นรัฐบาลรักษาการอีกนาน พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า ไม่รู้ ไม่ทราบ เมื่อถามว่าได้คุยกับนายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน รองหัวหน้าพรรค รทสช.หรือไม่ มีกระแสข่าวว่าจะย้ายพรรค พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า ไม่เห็นต้องคุยอะไร ไม่มีอะไร“เฮ้ง” รับมีผู้ใหญ่ทาบไปร่วม รบ.นายสุชาติ ชมกลิ่น รองหัวหน้าพรรค รทสช. กล่าวถึงกระแสข่าว พล.อ.ประยุทธ์เรียกไปพูดคุยหลังมีกระแสข่าวจะย้ายพรรคว่า ยืนยันว่าไม่มีตอนนี้ยังไม่รู้ทิศทางการเมืองจะเป็นอย่างไร มันมั่วไปหมด ตนมีมารยาทพอ ยืนยันอีกครั้งว่ายังอยู่พรรค รทสช.ไม่ได้ไปไหน แต่มีผู้ใหญ่หลายคนหวังดีอยากให้ทำการเมืองไปข้างหน้า บอกตรงๆว่ามีคนมาชวนหลายคน แต่เรายังมีมารยาทเพราะยังอยู่ตรงนี้ อีกอย่างยังไม่รู้พรรค รทสช.จะได้ร่วมรัฐบาลหรือไม่ จะขยับได้อย่างไร แต่คนที่ให้ข่าวเขาก็หวังดีกับเรา รักเรา เห็นเราทำงานดูแลกระทรวงดี เห็นฝีมือการทำงานก็อยากได้เราไปร่วมงาน เขาก็มาชวนว่าไปร่วมรัฐบาลด้วยกันไหม เพราะตนมี สส.หลายคน แต่ข่าวออกว่ามีอยู่ 2-3 คน มันดูถูกกันเกินไป เมื่อถามว่า พรรค รทสช.ถ้าจะไปร่วมรัฐบาลจะไปทั้งพรรคเลยหรือไม่ นายสุชาติตอบว่า พูดไม่ได้ เป็นเรื่องของผู้บริหารพรรค ว่ากันไปเลย สุดท้ายพอออกมาแบบไหนเดี๋ยวก็เห็นเอง“ไชยวัฒน์” จี้เลื่อนประชุม ปชป.ที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นายไชยวัฒน์ ไตรยสุนันท์ อดีต สส.พรรค ปชป. ยื่นหนังสือผ่านเจ้าหน้าที่พรรค เพื่อให้นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รักษาการหัวหน้าพรรค เลื่อนการประชุมใหญ่วิสามัญของพรรคในวันที่ 6 ส.ค. เพื่อเลือกหัวหน้าพรรคและ กก.บห.พรรคชุดใหม่ออกไปก่อน ระบุเหตุผลว่า มีประเด็นปัญหาเรื่องสถานะที่เปลี่ยนแปลงขององค์ประชุมใหญ่ของพรรคหลังการเลือกตั้งวันที่ 14 พ.ค.ทำให้การลงคะแนนขององค์ประชุมใหญ่ตามข้อบังคับพรรคลิดรอนสิทธิของผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่เป็นสมาชิกพรรคในกลุ่มอื่นของพรรค เพราะกำหนดสัดส่วนน้ำหนักของคะแนนให้ สส.ที่ 70% ขององค์ประชุม ที่ปัจจุบันมี สส.พรรค 25 คน ขณะที่สมาชิกพรรคที่เป็นองค์ประชุมมี 250 คน เท่ากับว่า สส. 1 คน เทียบเท่าสมาชิกพรรคถึง 26 คน ขัดต่อหลักการถ่วงดุลคานอำนาจ รวมถึงกรณีการงดเว้นข้อบังคับที่ 17 (4) เรื่องการทำหยั่งเสียงเบื้องต้น (ไพรมารีโหวต) เลือกตั้งหัวหน้าพรรคที่ขัดต่อเจตนารมณ์ของข้อบังคับพรรค ขัดรัฐธรรมนูญ“วิรัช” ยันข้อบังคับถูกต้องไม่มีเลื่อน นายวิรัช ร่มเย็น รักษาการนายทะเบียนสมาชิกพรรค ปชป. และประธานคณะกรรมการกฎหมายพรรค ปชป.ได้ทำหนังสือชี้แจงสมาชิกพรรคที่เป็นองค์ประชุมใหญ่วิสามัญ กรณีนายไชยวัฒน์ นำรายชื่อสมาชิกพรรค 100 คน ยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง กกต.ให้เพิกถอนมติการประชุมใหญ่วิสามัญพรรค ปชป. เมื่อวันที่ 9 ก.ค.และมติกรรมการบริหาร (กก.บห.) พรรคที่เกี่ยวข้องว่า ข้อบังคับพรรคฉบับที่ใช้ในปัจจุบัน ได้ถูกปรับปรุงและแก้ไขโดยคณะกรรมการฝ่ายกฎหมายพรรค มีนายไชยวัฒน์ ร่วมเป็นกรรมการและเป็นองค์คณะรับรอง มิได้มาโต้แย้งแต่อย่างใด ต่อมาตนพร้อมด้วยคณะกรรมการกฎหมายพรรคได้ไปประชุมกับนายโชคดี ด้วงแป้น รอง ผอ.สำนักกิจการพรรคการเมือง พร้อมเจ้าหน้าที่ของสำนักงาน กกต.สรุปว่า ข้อบังคับพรรคไม่ขัดหรือแย้งกับกฎหมายแต่อย่างใด ยืนยันว่าข้อบังคับพรรคฉบับปัจจุบันได้ผ่านการตรวจสอบและรับรองความถูกต้องตามกระบวนการทุกประการ ไม่เป็นไปตามที่นายไชยวัฒน์กล่าวอ้างแต่ประการใด และตนได้แจ้งให้สมาชิกที่เป็นองค์ประชุมใหญ่วิสามัญในวันที่ 6 ส.ค. เข้าร่วมประชุมตามกำหนดการเดิมทุกประการศาลฎีกาห้าม “ธนิกานต์” ลงลต.อีกเรื่องที่ศาลฎีกา มีรายงานว่าเมื่อบ่ายวันที่ 3 ส.ค.ที่ผ่านมา ศาลองค์คณะผู้พิพากษาศาลฎีกา อ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ คมจ.2/2564 ระหว่าง คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ยื่นคำร้องกรณี น.ส.ธนิกานต์ พรพงษาโรจน์ สส.พรรค พปชร. ผู้คัดค้าน ฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรง กรณีเสียบบัตร สส.แทนกันในที่ประชุมสภาฯ โดยผู้คัดค้านฝากบัตรลงมติของตนกับ สส.รายอื่น องค์คณะผู้พิพากษาวินิจฉัยแล้ว พิพากษาว่าผู้คัดค้านฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ รวมทั้งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน และหัวหน้าหน่วยงานธุรการของศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ ข้อ 6-8 ประกอบข้อ 27 วรรคหนึ่ง ให้ผู้คัดค้านพ้นจากตำแหน่งนับแต่วันที่ 11 ส.ค.2564 อันเป็นวันที่ศาลฎีกามีคำสั่งให้ผู้คัดค้านหยุดปฏิบัติหน้าที่ เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้คัดค้านตลอดไป และไม่มีสิทธิดำรงตำแหน่งทางการเมืองใดๆ และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งมีกำหนดเวลา 10 ปี นับแต่วันที่ศาลฎีกามีคำพิพากษา ทั้งนี้ในส่วนคดีอาญากรณีเดียวกันก่อนหน้านี้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษาชั้นวินิจฉัยอุทธรณ์ลงโทษยืนจำคุก 1 ปี ปรับ 2 แสนบาท รอลงอาญา 2 ปีไปแล้ว เมื่อวันที่ 20 ก.ค.ที่ผ่านมา