อีกไม่ถึง 3 เดือน พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. คนที่ 13 เกษียณพ้นตำแหน่งหลังทำหน้าที่ผู้นำองค์กรขับเคลื่อนงานผ่านมาเกือบปี จะต้องเสนอชื่อว่าที่ ผบ.ตร.คนใหม่ เข้ามาแทนตามวิถีการรับราชการแม้จะเป็นช่วงไม่นาน ผบ.ตร.ขับเคลื่อนนโยบายสำคัญหลายเรื่อง โดดเด่นจับต้องได้คืองานป้องกันเตือน “เหยื่อ” ถูกหลอกออนไลน์และโครงการ “ชุมชนยั่งยืนแก้ปัญหายาเสพติดครบวงจร” ทั่วประเทศสิ่งที่สังคมคาดหวังการเสนอชื่อว่าที่ ผบ.ตร.คนใหม่ แม้มีการปล่อยชื่อออกมา แต่โผคือโผตราบใดที่ยังไม่ผ่านการประชุมคัดเลือก ย่อมไม่มีอะไรแน่นอน ยิ่งปีนี้มีตัวแปรหลายเรื่องมาเป็นปัจจัยตำแหน่ง ผบ.ตร. พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2565 ฉบับใหม่ บังคับใช้เปลี่ยนการเสนอชื่อว่าที่ ผบ.ตร. เดิม ผบ.ตร.เสนอชื่อเข้าที่ประชุม ก.ต.ช. ที่มีนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน มาเป็น ผบ.ตร.เสนอชื่อเข้าที่ประชุม ก.ตร.ที่มีผู้ทรงคุณวุฒิ 6 ท่าน ผ่านการเลือกตั้งมาจากตำรวจทั่วประเทศ ซึ่งไม่ใช่ “ตรายาง” เป็นปัจจัยสำคัญห้ามมองข้ามตัวแปรสำคัญที่สุดอยู่ที่ทิศทางการเมืองไทยที่เต็มไปด้วยความขัดแย้ง ส่อเค้าความวุ่นวายในบ้านเมือง ขนาดประชุมรัฐสภาโหวตชื่อนายกฯที่ได้เสียงสนับสนุนท่วมท้น 2 ครั้งยังไม่ได้เป็นนายกฯคนที่ 30 ของคนไทย คาดเดาไม่ได้เลยว่าจะได้ชื่อนายกฯคนใหม่มาบริหารประเทศเมื่อไร และเข้ามาแล้วจะคุมเกมการเมืองได้ขนาดไหนเกิดเป็นคำถามว่า นายกรัฐมนตรีคนเก่าหรือคนใหม่จะเป็นผู้มาแต่งตั้ง ผบ.ตร.คนที่ 14 และ ผบ.ตร.จะได้เสนอชื่อเมื่อไร ยังไม่มีอะไรชัดเจน บัญชีอาวุโส “นายพล” ปกติทุกปีประกาศชื่อแล้ว ปีนี้ยังไม่มีออกมา สถานการณ์บ้านเมืองที่ยังไม่นิ่งนอนใจ หาจุดจบไม่ได้ เป็นตัวแปรสำคัญการเสนอชื่อ ผบ.ตร. ซึ่งทำหน้าที่ผู้นำตำรวจ 2.3 แสนนายทั่วประเทศ รองรับวิกฤติปัญหาใหญ่ในสังคมไทย ประคับประคองงานความมั่นคงประเทศ เป็นอีกปีที่เชื่อว่า ตำรวจเหนื่อยหนัก แบกรับภาระที่หนักอึ้งจากสิ่งที่ฝ่ายการเมืองและคนไทยคาดหวังการช่วงชิงอำนาจการเมืองเป็นเหตุปัจจัยแรก ผู้มีอำนาจทั้งหลายต้องคิดหนักว่า จะเลือกใครเข้ามาเป็นมือเป็นไม้ในสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานบ้านเมืองไทย หากมีการเปลี่ยนพลิกขั้วการเมือง คงได้เห็นการนัดชุมนุมประท้วงของพี่น้องคนไทย ตำรวจต้องทำหน้าที่รักษากฎหมาย ต้องอยู่ในสภาพ “หนังหน้าไฟ”อีกตัวแปรสำคัญโลกปัจจุบันยุค “โซเชียล” ตำรวจทำดี ตำรวจทำผิด ไม่กี่วินาที ถูกเผยแพร่สื่อออนไลน์คนรู้ทั่วประเทศ ข่าวฉาวตำรวจ ทำ “องค์กรสีกากี” แทบพังพินาศ สิ่งที่ ผบ.ตร.หลีกเลี่ยงไม่ได้ เป็นโจทย์ข้อใหญ่ของผู้มีอำนาจต้องคิดทบทวนให้หนักแน่นหันมามองรายชื่อรอง ผบ.ตร.อยู่ใน “ตะกร้า” เสนอชื่อเป็น ผบ.ตร.ไล่เรียงตามลำดับอาวุโสพล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. ดูแลงานมั่นคง รั้งอาวุโสลำดับ 1 นรต.รุ่น 40 เกษียณราชการปี 2567 อดีตนายเวร เคยผ่านทุกสายงานตั้งแต่สารวัตรสันติบาล เป็นนายเวรผู้ช่วย ผบ.ตร.และนายเวร พล.ต.อ.วีระ วิสุทธกุล อดีตรอง ผบ.ตร. สายเหยี่ยวข่าว “สันติบาล” เป็น ผกก.7 บก.ทล. รอง ผบก.ทล. ติดยศ “นายพล” ครั้งแรกเป็น ผบก.ตม.3 ขยับมาเป็น ผบก.ทท. รอง ผบช.ก. ผบช.ส. ผู้ช่วย ผบ.ตร. และรอง ผบ.ตร.อาวุโส 2 พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. คุมงานสืบสวนสอบสวน นรต.รุ่น 47 เกษียณราชการปี 2574 ประสบการณ์โชกโชนผ่านมาทุกหน้างานตั้งแต่สารวัตรกองวินัย สว.สทล.ชลบุรี ผู้ช่วยนายเวร พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ลงตำแหน่งเป็น ผกก.3 ปคม. ผกก.สภ.หาดใหญ่ รองผบก.ภ.จ.สงขลา รอง ผบก.บก.สปพ.หรือ “ผบก.191” เป็น ผบก.ประจำ สง.ผบ.ตร. ผบก.ทท. ผบก.บก.สปพ. รอง ผบช.ทท. ผบช.สตม. ที่ปรึกษา(สบ 9) ผู้ช่วย ผบ.ตร. และรอง ผบ.ตร. ปิดคดีสำคัญนับไม่ถ้วน พาประเทศไทยรอดพ้นขึ้นบัญชีการค้ามนุษย์อาวุโส 3 พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร รอง ผบ.ตร. คุมงานบริหาร นรต.รุ่น 41 เกษียณราชการปี 2569 ผ่านมาทุกสายงาน เคยเป็น สว.สอบสวน สภ.บางพลี เป็นนายเวร ผบช.ภ.1 ผู้ช่วยนายเวร และนายเวร พล.ต.ท.ธวัชชัย ภัยลี้ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ขึ้น ผกก.6 บก.ทล. ผกก.3 บก.ทท. รอง ผบก.ทล. รอง ผบก.ปคม. ติดยศ “นายพล” เป็น เลขานุการ ตร. รองจเรตำรวจ รอง ผบช.สกพ. รอง ผบช.ภ.1 ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร.โยกเป็น ผบช.ภ.8 ปีเดียวขึ้นผู้ช่วย ผบ.ตร. และรอง ผบ.ตร. คุมงานบริหาร “ปิดทองหลังพระ” ดูแลโครงการสำคัญของ ตร. ตัวเต็งมา พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. คุมงานป้องกันปราบปราม เติบโตมาจากสายปฏิบัติสายการฝึกพิเศษเกษียณอายุปี 2567 จบปริญญาตรีรัฐศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ผ่านงานรอง สว.แผนกสายตรวจรถวิทยุ บก.สปพ. สว.ทท. 3 กก.1 สว.ปพ.บก.ป. รอง ผกก.ปพ.บก.ป. และ ผกก.ปพ.บก.ป. คุมหน่วยกำลังหลัก “คอมมานโด” ขึ้นรอง ผบก.ป. ได้รับความไว้วางใจให้เป็นผู้บังคับการตำรวจมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ 904 คนแรก เลื่อนเป็น รอง ผบช.ก. ผบช.ก. ผู้ช่วย ผบ.ตร. และรอง ผบ.ตร. โดดเด่นงานยุทธวิธี นำการฝึกจากต่างประเทศมาสอนตำรวจไม่ให้เกิดความสูญเสีย ใส่ใจดูแลขวัญกำลังใจตำรวจ4 ตัวเลือก โดดเด่นและแตกต่างบนเส้นทางชีวิตรับราชการ สร้างสมผลงานอยู่ในสายตาพี่น้องคนไทยและตำรวจ ขึ้นอยู่กับผู้มีอำนาจตัดสินใจเลือกใครมาใช้กับสถานการณ์หมิ่นเหม่บ้านเมืองไทยการทำงานของตำรวจในยุคใหม่ต้องพร้อมถูกตรวจสอบมากขึ้น ถูกสังคมจับจ้อง “สื่อออนไลน์” เต็มบ้านเมือง ความเห็นต่างทางสังคม ผู้นำตำรวจต้องนำฝ่าเกลียวคลื่นที่ถาโถมกระหน่ำนับครั้งไม่ถ้วนตำรวจจะไม่มีวันกลับไปเหมือนเดิมได้อีกต่อไป ถ้าไม่ปรับเปลี่ยนวิธีทำงาน นายไม่ได้ใจลูกน้อง สั่งไม่ได้หรือตำรวจไม่ฟัง การขับเคลื่อนงานทำได้ยาก สังคมตำรวจจะอยู่ท่ามกลางความหวาดกลัวและไม่ไว้วางใจกันหน้าที่ “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข” ผู้คนที่ได้รับความเดือดร้อน ภัยใหญ่หลอกลวงออนไลน์ ถูกเอารัดเอาเปรียบไม่เป็นธรรม พฤติกรรมตำรวจ เป็นสิ่งที่สังคมไทยคาดหวัง ยังไม่รวมเหตุแตกหักของฝ่ายการเมือง ต่างฝ่ายดึงพลังมวลชนออกมาเคลื่อนไหวเป้าหมายดิสเครดิตโค่นล้มฝ่ายตรงข้าม เป็นงานหนักของผู้นำตำรวจประคับประคอง หากไม่ได้ “พิทักษ์ 1” สอดรับบริบทสังคมไทย ประเทศชาติ สังคมและประชาชนคนไทยเหนื่อยแน่ภาวะวิกฤติต้องได้ผู้นำที่มี “จิตวิญญาณความเป็นผู้นำสูง” หากผู้นำไม่มีจิตวิญญาณของความเป็นผู้นำมากเพียงพอ ไม่เด็ดเดี่ยว ปลุกปลอบขวัญกำลังใจกำลังพลไม่ได้ โอกาสกองทัพสีกากีจะถูกตีแตกพ่ายสูงตำแหน่ง ผบ.ตร.คนที่ 14 มาพร้อมกับภาระที่หนักอึ้งกว่า ผบ.ตร.ในอดีตที่ผ่านมาหลายเท่าตัวหากมีปัญหาตามมาผู้เสนอเลือกผลักดัน ผบ.ตร.ขึ้นมา ต้องมีส่วนร่วมรับผิดชอบเป็นสิ่งที่ผู้มีอำนาจต้องคิดและทบทวนให้หนักแน่น.ทีมข่าวอาชญากรรม