เมื่อวันที่ 14 มิ.ย. นายเยนส์ สโตลเตนเบิร์ก เลขาธิการองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (NATO) ออกแถลงที่ทำเนียบขาว กรุงวอชิงตัน ดี.ซี.สหรัฐฯ หลังเสร็จสิ้นการหารือกับนายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯว่า ปฏิบัติการบุกตีโต้ครั้งใหญ่ของกองทัพยูเครนที่กำลังดำเนินไปอย่างดุเดือดจะเป็นตัวชี้วัดว่า การเจรจาสันติภาพกับรัสเซียในอนาคต ยูเครนจะมีความได้เปรียบในการต่อรองมากน้อยแค่ไหน ตอนนี้ยังไม่สามารถบอกอะไรได้มาก เพราะการบุกตีโต้เพิ่งเริ่มไปได้ไม่นาน ปัจจัยคือจำนวนเมืองที่ยูเครนสามารถปลดปล่อยจากการถูกรัสเซียยึดครองอย่างไรก็ตาม รายงานข่าวจากสนามรบบ่งชี้ว่า การบุกตีโต้ของยูเครนเป็นไปอย่างยากลำบาก และยังไม่สามารถเจาะแนวป้องกันชั้นที่ 1 ของรัสเซียในจังหวัดซาโปริชเชีย ขณะที่ในช่วงค่ำคืนที่ผ่านมามีรายงานด้วยว่าหน่วยรบรัสเซียได้ทำการบุกโจมตีกลับ และสามารถชิงหมู่บ้านบางแห่งที่ยูเครนปลดปล่อยไปในช่วงแรกของการตีโต้กลับคืนมาได้ ส่วนนายวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย เปิดพระราชวังเครมลินตอบคำถามสื่อมวลชน โดยส่งสัญญาณว่า กองทัพรัสเซียไม่มีแผนที่จะบุกยึดกรุงเคียฟของยูเครน แต่ถ้าจำเป็นก็ต้องดำเนินการระดมกำลังพลสำรองเพิ่มเติม วันนี้รัสเซียไม่เห็นความจำเป็นต้องระดมพล เพราะตั้งแต่เดือน ม.ค.เป็นต้นมา มีพลเมืองอาสาสมัครเข้ารับใช้กองทัพเป็นจำนวนกว่า 150,000 คน.