“โรม” ซัด กกต.ไต่สวน ม.151 เตะตัดขา “พิธา” เหมือนที่ทำกับ “อนาคตใหม่” เชื่อการเมืองเปลี่ยนสิ้นเชิงประชาชน ตาสว่างจ้าแล้ว เย้ยผู้กำกับคนเดิมไม่มีวันเห็นฉากหนังสมดั่งหวัง “วิโรจน์” ฉะเดือดองค์กรนั่งร้านค้ำศักดินาฝืนมติประชาชน รับใบสั่งทำนิติสงครามสร้างชนักปักหลังว่าที่นายกฯ เตือนระวังคนสั่งให้ทำผิดถีบหัวส่งให้พ้นตัว “สมชัย” บอกให้รออาวุธ หนักกระหน่ำไว้เลย “ราษฎรตัวพ่อ” อ่านขาดปักชนักไว้ รอสอยตอนกระแสตก ชี้วันโหวตม็อบออร์แกนิกให้กำลังใจ “พิธา” พรึ่บแน่ ขู่ไม่อยากปะทะต้องปล่อยตั้งรัฐบาลไปตามธรรมชาติ พท.ทำได้แค่ให้กำลังใจ ขณะที่ “ส.ว.สมชาย” ส่งซิกให้ กกต.ขยี้ซ้ำหลังเปิดสภาฯ 5 ขั้นตอนละเอียดยิบ ส่วน “พี่ศรีฯ” ไม่ท้อขอเดินหน้าร้องต่อหลังสมาคมถูกยุบ ทนายโร่แจ้งจับ 2 ข้อหาทันควันหลัง กกต.ไม่รับคำร้องตรวจสอบนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายรัฐมนตรี พรรคก้าวไกล ปมห้ามถือหุ้นสื่อไอทีวีจากผู้ร้อง 3 ราย แต่สั่งให้ไต่สวนตามมาตรา 151 ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ล่าสุดแกนนำพรรคก้าวไกลออกมาตอกย้ำ เป็นขบวนการเตะตัดขาการจัดตั้งรัฐบาล ขณะที่แกนนำกลุ่มราษฎร ออกโรงแกมขู่ ถ้าไม่อยากให้เกิดการชุมนุมกันเป็นแสนเป็นล้าน ต้องปล่อยให้พรรคที่ชนะจัดตั้งรัฐบาลไปตามธรรมชาติ“โรม” ซัดเตะตัดขาขวางตั้งรัฐบาลเมื่อวันที่ 10 มิ.ย.นายรังสิมันต์ โรม ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตั้งเรื่องไต่สวนนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายรัฐมนตรี พรรค ก.ก.เป็นบุคคลมีลักษณะต้องห้าม มิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งตามมาตรา 151 พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ว่า มันมีความพยายามกลั่นแกล้งทางการเมืองอย่างแน่นอน เป็นกรณีที่ต้องการเตะตัดขาการจัดตั้งรัฐบาลไม่ให้นายพิธา มาเป็นนายกฯ พรรคก้าวไกลยืนยันเต็มที่ว่าเราจะสู้ตามกระบวนการจะพิสูจน์ในเรื่องของคดีความต่างๆตามพยานหลักฐานที่มี ยืนยันในความบริสุทธิ์ของเรา การทำแบบนี้ประชาชนเขาดูออก เขารู้ว่ามันเป็นเรื่องที่มันมีจุดมุ่งทางการเมืองของคนบางกลุ่มที่ต้องการทำลายพรรคก้าวไกลลั่น ปชช.ได้เห็น “พิธา” เป็นนายกฯแน่นายรังสิมันต์กล่าวว่า วันเวลาผ่านมาประชาชนยิ่งเห็นอย่างชัดเจนสว่างจ้าในดวงตาว่า กรณีแบบนี้เป็นความพยายามทำให้เหมือนกับที่เคยเกิดขึ้นกับพรรคอนาคตใหม่ แต่เชื่อว่าสถานการณ์ทางการเมืองสมัยพรรคอนาคตใหม่กับตอนนี้ต่างกันอย่างสิ้นเชิง การเมืองเปลี่ยนไปแล้ว เชื่อว่าคนที่ต้องการใช้กระบวนการทางการเมืองทั้งหลายจะไม่ประสบความสำเร็จ เนื่องจากกรณีนี้ต้องดำเนินการตามกระบวนการของกฎหมายต้องใช้เวลา มั่นใจว่าภายใต้ระยะเวลาที่ต้องพิสูจน์กันในศาล มันจะเป็นคนละกรณีกับการที่ต้องเลือกนายกฯ นั่นหมายความว่าเราสามารถที่จะโหวตเลือกนายกฯก่อนได้ ยังเชื่อว่าเราจะได้เห็นนายพิธาเป็นนายกฯอย่างแน่นอน ส่วนในขั้นตอนทางกฎหมายขณะที่นายพิธาเป็นนายกฯต้องไปว่ากัน ยังคงยืนยันว่าต้องไปพิสูจน์กันในศาล แต่กระบวนการนี้จะไม่มีทางขัดขวางนายพิธาเป็นนายกฯได้เย้ยผู้กำกับคนเดิมจะไม่ได้ฉากดั่งใจเมื่อถามว่า บทเดิมและผู้กำกับคนเดิมตลอดหลายปีที่ผ่านมาบทสรุปสุดท้ายของหนังฉากนี้จะจบแบบเดิมหรือไม่ นายรังสิมันต์ตอบว่า ผู้กำกับรอบที่แล้วเขาคาดว่าจะทำลายพรรคอนาคตใหม่ได้ แต่สิ่งที่เขาได้คือพรรคก้าวไกลที่มีประชาชนพร้อมเคียงข้าง และสนับสนุนมากกว่าเดิม ดังนั้นคนที่พยายามจะกำหนดอนาคตของพรรคก้าวไกลแล้วหวังว่ามันจะทำลายได้ มันจะไม่มีทางเป็นแบบนั้น เราได้พิสูจน์มาแล้วตั้งแต่อนาคตใหม่ว่า มันไม่มีทางจบแบบที่เขาต้องการ ฝ่ายกฎหมายของพรรคคงมีการเตรียมการอยู่แล้ว แต่เราคงไม่เปิดข้อสอบให้ใครดูในเรื่องของการต่อสู้คดีต่างๆแต่ยืนยันว่า พรรคเรามั่นใจในเรื่องของการต่อสู้คดี “วิโรจน์” ฉะนั่งร้านค้ำยันศักดินานายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค ก.ก. ทวีตข้อความผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัวว่า ฝ่ายอนุรักษนิยมอยากแช่แข็งประเทศต่อ แต่ก็กังวลว่าจะได้ไม่คุ้มเสีย กลัวว่าค่านิยมทางสังคมความเชื่อ ที่คอยค้ำยันเครือข่ายศักดินามาช้านาน จะเปลี่ยนแปลงแบบกู่ไม่กลับองค์กรที่เป็นนั่งร้าน ตอนนี้ก็งงว่าจะไปต่อยังไง ระหว่างที่รอคำสั่งก็ต้องทำนิติสงคราม เอาชนักมาปักหลังไว้ก่อน เมื่อมีเสียงของประชาเป็นธงชัย มันผู้ใดจะหาญกล้ามาทำลาย องค์กรนั่งร้านเขาไม่คิดอะไรมากอยู่แล้ว ถ้ามีคำสั่งมาก็พร้อมที่จะใช้นิติสงคราม ฝืนมติของประชาชนอยู่แล้ว เพียงแต่ด้วยนิสัยความเป็นลูกน้อง ก็คงแจ้งหัวหน้ากลับไปว่า ทำน่ะทำให้ได้ แต่ถ้าเกิดอะไรขึ้น ไม่ขอรับผิดชอบนะ หัวหน้าก็เลยหันรีหันขวาง ไม่กล้ากดปุ่มเตือนใช้ ก.ม.ตามใบสั่งถูกถีบหัวส่งนายวิโรจน์ระบุอีกว่า การใช้กฎหมายที่ถูกต้องคือ การดำเนินการไปตามกฎหมาย ส่วนผลจะเป็นอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น แต่การใช้กฎหมายที่เลวคือ การล็อกผล ตั้งธงให้เป็นไปตามอำเภอใจของผู้มีอิทธิพลไว้ก่อน แล้วก็ก้มหน้าก้มตาหาช่องของกฎหมายสร้างเหตุ ให้ผลเป็นไปตามธงให้ได้ อย่าไปเครียด ตอนนี้เราทำดีที่สุดแล้ว เหมือนสอบได้คะแนนดีแล้ว ก็รอประกาศขึ้นบอร์ดอย่างเดียว คนที่เครียดคือ คนที่พยายามหาช่องให้คนที่สอบตก แซงขึ้นมาเป็นที่หนึ่ง ตอนนี้คนพวกนี้เครียดมาก เรื่องทำน่ะหน้าด้านทำได้อยู่แล้ว แต่กลัวว่าจะถูกจับได้ กลัวจะต้องรับผิดชอบ ระแวงไปหมด คนที่สั่งให้คุณทำความผิด ถึงเวลาเขาไม่ช่วยคุณหรอก มีแต่จะถีบหัวส่งให้ความผิดไม่พันมาถึงตัวเอง“สมชัย” ชี้มีอาวุธหนักกระหน่ำอีกนายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า หวยออก 151 เป็นบวกหรือลบต่อพิธา การยกคำร้องคดีถือหุ้น แต่กลับเตรียมดำเนินคดีอาญาฐานรู้ว่าขาดคุณสมบัติแต่ยังมาสมัคร ส.ส. ของพิธานั้น เป็นบวกหรือลบ 1.คดีอาญานั้น ต้องฟ้องศาลอาญา ซึ่งมีกระบวนการที่ยาวนานเป็นปี และเป็นหลักประกันความยุติธรรมว่า ต้องผิดจริงจึงถูกลงโทษ ไม่สามารถเอาผิดโดยง่ายแต่โทษรุนแรงกว่า เพราะมีโทษจำคุกสูงสุดถึง 10 ปี และตัดสิทธิทางการเมืองถึง 20 ปี 2.การที่ กกต. ฟ้องดำเนินคดีอาญา แม้ยังอยู่ในขั้นกระบวนการยังไม่เสร็จสิ้น แต่ก็เป็นวัตถุดิบเพียงพอต่อเหล่า ส.ว.ที่ตั้งใจไม่เลือกพิธาเป็นนายกฯ ไม่ยกมือให้ โดยมีข้ออ้างแบบไม่ตะขิดตะขวงใจ 3.การยกคำร้องคดีถือหุ้นสื่อต่อศาลรัฐธรรมนูญยังไม่ตายสนิท มีโอกาสฟื้นโดยใช้ ส.ส. 50 คน หรือ ส.ว. 25 คน หรือยื่นโดย กกต.เองในฐานะความปรากฏ หลังจากการรับรอง ส.ส.โดยใช้สิทธิตามมาตรา 82 ของรัฐธรรมนูญ 4.อาวุธหนักต่างๆกำลังลำเลียงสู่สมรภูมิสนามรบ และไม่จบแค่ปืนต่อสู้อากาศยาน 151 แต่แพ้ชนะกลับอยู่ที่ฝ่ายเสนาธิการผู้วางแผนมองโลกแง่ดีอาจหลุดคดีชั้นศาลต่อมาช่วงบ่าย นายสมชัยโพสต์เฟซบุ๊กอีกครั้งว่า มองโลกแง่ดี 1.การดำเนินคดี ม.151 กรณีสมัคร ส.ส.โดยรู้ว่าขาดคุณสมบัติ อาจจบด้วย กกต.เห็นว่าไม่มีมูลตามความปรากฏได้ 2.กรณี กกต.สั่งดำเนินคดียังต้องใช้เวลานานนับปี กว่าจะไปถึงขั้นศาลมีคำพิพากษา และอาจสั่งไม่ฟ้องในขั้นอัยการ หรือยกฟ้องในขั้นศาลก็ได้ 3.ในจังหวะที่มีคดีและมีการเลือกนายกฯช่วงนั้น ส.ว.จะไม่นำเรื่องนี้มาเป็นองค์ประกอบพิจารณาลงมติตามหลักผู้ถูกกล่าวหาเป็นผู้บริสุทธิ์ 4.หลังการรับรอง ส.ส.ไม่มี ส.ส. 50 คน เข้าชื่อส่งศาลรัฐธรรมนูญ และ กกต.ไม่ใช้ความปรากฏที่พบส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยพิธาถือหุ้นสื่ออีก เนื่องจากทุกฝ่ายอยากให้เดินหน้าสู่การมีรัฐบาลเสียที“เชาว์” ชี้สู้ผิดมาตรา 151 ไม่น่าห่วงนายเชาว์ มีขวด อดีตรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) โพสต์เฟซบุ๊กหัวเรื่อง วิบากกรรม “พิธา” เรื่องใหญ่อาจไม่ใช่ ม.151 ระบุว่า การวิพากษ์วิจารณ์ว่า กกต. ใช้ยาแรงจัดหนักนายพิธา น่าจะไม่รอด แต่กลับเห็นตรงกันข้าม เพราะว่าความผิดตามมาตรา 151 พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งต้องเป็นความผิดที่มีเจตนาที่ชัดเจน กฎหมายใช้คำว่ารู้อยู่แล้วว่าไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งคำว่ารู้อยู่แล้ว ต้องเป็นข้อเท็จจริงที่ตายตัว รับฟังเป็นยุติ ไม่สามารถดิ้นได้ไม่ว่าโดยวิธีใด เช่น การเคยต้องคำพิพากษาหรือคุณสมบัติเกี่ยวกับการศึกษา แต่กรณีการถือหุ้นของนายพิธา ถือเป็นประเด็นที่ยังไม่ยุติ ยังมีข้อสงสัยอยู่หลายประการ โดยเฉพาะนายพิธายืนยันว่าถือหุ้นในนามผู้จัดการมรดก และเคยยื่นบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช.แล้วด้วย ประเด็นสำคัญไอทีวียังประกอบกิจการสื่ออยู่หรือไม่ แค่นายพิธาให้การเข้าใจว่า ไอทีวี ไม่ได้เป็นสื่อเพราะหยุดกิจการนานแล้วก็จะหลุดพ้นความผิดทันทีเพราะขาดเจตนา มิเช่นนั้นนายพิธาคงจัดการโอนหุ้นที่อยู่ในมือให้เสร็จก่อนวันสมัครทำได้โดยง่าย คงไม่โง่ฝ่าฝืนทั้งๆที่รู้ว่ามีความผิดมองข้ามช็อตด่านหินอยู่ที่ศาล รธน.นายเชาว์กล่าวว่า ถ้าพิจารณาเทียบเคียงกับกรณีของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ก่อนหน้านี้ ก็จะเห็นว่า อัยการยกคำร้องหลังจากที่คุณธนาธรถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่ามีคุณสมบัติต้องห้ามจากการถือครองหุ้นสื่อจริง จนพ้นสภาพความเป็น ส.ส.ไป และ กกต.ชงเรื่องต่อว่านายธนาธรมีความผิดตามมาตรา 151 รู้อยู่แล้วว่า ไม่มีคุณสมบัติแต่ยังลงสมัครรับเลือกตั้ง สุดท้ายอัยการมีคำสั่งไม่ฟ้อง โดยชี้ว่าคดีอาญาต้องมีหลักฐานนำสืบจนปราศจากข้อสงสัย ทำให้คดียุติไป คิดว่าด่านต่อไปของนายพิธาไม่ใช่เรื่องที่ กกต.รับพิจารณาความผิดตามมาตรา 151 เพราะการที่ กกต.ตีตกคำร้องทั้ง 3 คำร้องในเรื่องการถือหุ้นไอทีวียังไม่ยุติ เพราะภายหลังจาก กกต.รับรอง ส.ส.แล้ว ยังมีช่องยื่นคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยได้อีกตามมาตรา 82 ของรัฐธรรมนูญ “อานนท์” รู้ทันเกมปักชนักไว้ก่อนด้านนายอานนท์ นำภา นักเคลื่อนไหวทางการเมือง ทนายความด้านสิทธิมนุษยชนและแกนนำกลุ่มราษฎร กล่าวว่า การที่ กกต.นำเรื่องถือหุ้นสื่อของนายพิธามาสอบเอง โดยปัดตกคำร้องของผู้ร้องต่างๆเป็นการยืดเวลาออกไป คือต่อไปหากนายพิธา ได้เข้าสภาจริงจะมีชนักติดหลัง มีโทษทั้งเรื่องจำคุก และตัดสิทธิทางการเมือง ต่อให้นายพิธาเข้าสภาได้ ต้องระวังชนักที่ติดหลังอยู่ว่า กกต.จะเล่นงานเมื่อไหร่ก็ได้ตามกฎหมาย แต่มากกว่านั้นการทำงานที่เป็นขั้นเป็นตอนของชนชั้นนำไทยมีให้เห็นอยู่ หลังจากที่ กกต.ทำเรื่องเอง พอเข้าสภาปุ๊บ ตามกฎหมายสมาชิกรัฐสภาสามารถยื่นไปให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยได้ถึงคุณสมบัติถึงจุดนั้นศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจก็มีอำนาจที่สั่งให้นายพิธาหยุด หรือปฏิบัติหน้าที่ได้ ส่วนเรื่องข้อกฎหมายคิดว่าหลายอย่างมันถูกกำหนดเป็นขั้นเป็นตอนของมันอยู่ อย่างตอนนี้ กรณีของ กกต.ถือว่าผ่านไปแล้วด่านหนึ่ง ต้องสอบสวนแล้วส่งศาล แต่ด่านต่อไปคือ ส.ว.และสมาชิกรัฐสภา ที่จะส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความคุณสมบัตินายพิธาหรือไม่ ถ้ากระแสตก อาจส่งศาลรัฐธรรมนูญโดยมีความเป็นไปได้ที่ศาลรัฐธรรมนูญจะสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว แต่ถ้ากระแสคนยังโอเค และการให้เหตุผลของนายพิธาต่อสาธารณะยังน่าเชื่อถืออยู่เชื่อว่าอำนาจนอกระบบไม่สามารถทำอะไรนายพิธาได้วันโหวตนายกฯม็อบธรรมชาติพรึ่บนายอานนท์กล่าวว่า แนวโน้มตอนนี้นายพิธา คงได้เข้าสภา แต่เขาคงรอให้กระแสมันต่ำ คงใช้กฎหมายเป็นนิติสงครามเล่นงานนายพิธา แต่เชื่อว่ากระแสมันไม่ต่ำหรอกเพราะคนตามลุ้นคะแนนเสียงของตัวเองอยู่โดยเฉพาะทางโซเชียลมีเดีย คนที่เลือกนายพิธามีอยู่ทั่วประเทศ โดยเฉพาะใน กทม. ปริมณฑล หากชนชั้นนำใช้เกมเดิมประชาชนเขาไม่ยอม ไม่จำเป็นต้องมีม็อบที่มีแกนนำ แต่มันจะเป็นไปเองออกมาเรียกร้องโดยธรรมชาติ รัฐบาลปัจจุบันและคนที่ดูเรื่องความมั่นคงคงตระหนักว่ามันมีความเป็นไปได้สูงที่จะเกิดการลงถนนชุมนุมเพื่อเรียกร้องให้มันปฏิบัติตามกติกา ประชาชนนอกสภา ทั้งในโซเชียลและที่พร้อมที่จะลงถนน ไปช่วยกันให้กำลังใจในวันโหวตนายกฯ มันจะเป็นแรงผลักให้ ส.ว.ตระหนักถึงเสียงประชาชน เรื่องการชุมนุมในวันโหวตนายกฯ ไม่ต้องมีใครนัด ทุกคนรู้ว่าต้องไปโดยอัตโนมัติอยู่แล้ว ถ้า ส.ว.โหวตให้นายพิธาเป็นนายกฯคงฉลองกัน แต่ถ้าไม่โหวตคงมีการประท้วง คงมีการคาดหมายได้อยู่แล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้นในวันนั้นขู่ไม่อยากปะทะให้ปล่อยตามธรรมชาติเมื่อถามว่าหมายความว่าต่อไปนี้ถ้านายพิธา เป็นอะไรไป ไม่ว่าจะทางการเมือง หรือกฎหมาย ชาวบ้านจะออกมาแบบธรรมชาติ เหมือนตอนที่ไปเลือกตั้งโดยไม่ต้องมีแกนนำม็อบใช่หรือไม่ นายอานนท์ตอบว่า ใช่ ภาพรวมชาวบ้านตื่นตัวทางการเมืองสูงมาก เขาไม่ได้เลือกแบบทิ้งขว้างแต่เลือกโดยเจตจำนงที่อยากเห็นความเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริง เหมือนการพลิกล็อกมาหลายอย่าง ตั้งแต่ชนะการเลือกตั้ง และในกรุงเทพฯกวาดเกือบหมด คนรู้สึกว่าความชอบธรรมที่สุดในการรวบรวมเสียงเพื่อจัดตั้งรัฐบาล คือพรรค ก.ก. ดังนั้น ถ้ามันเกิดอะไรขึ้นมา ต่อให้จะอธิบายอย่างไรคนไม่ฟัง เพราะช่วง 10-20 ปีมานี้ เห็นนิติสงครามอย่างชัดเจน ประชาชนตอนนี้ทุกคนมีองค์ความรู้ที่เท่าเทียมกันเพราะโซเชียลมีเดีย เหลืออย่างเดียวคือ การแสดงออกในท่าทีของประชาชน เชื่อว่ารัฐเองไม่อยากให้มันถึงจุดที่การชุมนุมออกมากันเป็นแสนเป็นล้านคน การพูดคุยกันตอนนี้สำคัญที่สุดและพยายามอย่านำสังคมเข้าไปสู่บรรยากาศที่มันอึมครึมสุ่มเสี่ยงจะใช้ความรุนแรงต่อกัน อย่าลืมว่าความชอบธรรมพรรค ก.ก.มีร้อยเปอร์เซ็นต์ คนที่เบื่อต้องการเอารัฐบาลประยุทธ์ออก มันก็ร้อยเปอร์เซ็นต์ ดังนั้น การปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติ คือพรรคที่ชนะเลือกตั้งได้จัดตั้งรัฐบาล และบริหารประเทศนี่คือสิ่งที่ทุกคนอยากเห็นรัฐประหารม็อบออร์แกนิกจบไม่สวยนายอานนท์กล่าวด้วยว่า คาดเดาได้เลยว่า มันจะไม่จบเหมือนเดิม ตอนนี้หลายคนบอกว่าถ้าลงถนนปุ๊บ ทหาร ตำรวจอาจจะออกมาปราบม็อบ มันเป็นไปไม่ได้เพราะตอนนี้คนที่มันจะลงถนนคือคนชั้นกลาง นักศึกษานักเรียน คือคนจำนวนมากทั้งชาวบ้านเองจะมาแจมด้วย คนมากเกินกว่าที่รัฐจะจัดการด้วยวิธีความรุนแรงได้ และหลายคนประเมินว่า ถ้ารัฐออกมาแล้วมีความรุนแรงปุ๊บทหารจะออกมา แต่ความชอบธรรมที่ทหารจะออกมามันไม่มีเลยในวันนี้ต่างชาติโดยเฉพาะชาติอียู สหรัฐอเมริกา หรือชาติเป็นประชาธิปไตยไม่โอเคกับการรัฐประหาร แล้วคนที่จะออกมาครั้งนี้มันจะไม่เหมือนที่ผ่านมาอย่างแน่นอน คิดว่าผู้มีอำนาจต้องยอมรับความจริง สังคมมันเปลี่ยนไปแล้ว ต้องยอมเล่นในเกมประชาธิปไตย คือผู้ที่ชนะการเลือกตั้งให้จัดตั้งรัฐบาลไปแล้วค่อยๆคุยกัน แต่อย่าคิดว่าจะใช้วิธีเดิมๆได้ เพราะตอนนี้คนมันไม่ยอมแล้ว ยกตัวอย่างเมื่อช่วงปี 2563 รัฐมองว่า จับแกนนำไปติดคุก ม็อบจะหมดทันทีไม่ใช่ จะเกิดม็อบออร์แกนิก คุมยากกว่าเดิมอีก คือตอนนี้จะไม่ใช่ม็อบแค่ในกรุงเทพฯ แต่จะเกิดในจังหวัดที่เขาเลือกพรรค ก.ก. หรือกลุ่มเสื้อแดงเดิมที่เขาเลือกเพื่อไทยที่กำลังจับมือกับ ก.ก.ตั้งรัฐบาล คิดว่ามันพร้อมที่จะมีการแสดงออกทางการเมืองอย่างแน่นอน คิดว่ารัฐไม่สามารถดูแลได้ทั้งหมด พท.ออกอาการห่วงตั้งรัฐบาลเหลวผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคเพื่อไทย (พท.) ว่า จากกรณี กกต.ดำเนินการไต่ส่วนนายพิธา ตามมาตรา 151 พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ที่ผ่านมาในวงหารือของ 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล ที่พรรค ก.ก.เป็นแกนนำ ไม่เคยนำกรณีที่นายพิธาถูกร้องขึ้นมาหารือ แต่เมื่อ กกต.ตั้งกรรมการไต่ส่วนขึ้นมา แกนนำพรรค พท.มีความเป็นห่วงว่าประเด็นดังกล่าวจะกระทบกับการเดินหน้าจัดตั้งรัฐบาล แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้เพราะเป็นสิ่งที่พรรค ก.ก.ต้องจัดการเอง พรรค พท.ทำได้แต่เพียงให้กำลังใจ ภาวนาขออย่าให้ประเด็นนี้เป็นอุปสรรคกับการจัดตั้งรัฐบาล เนื่องจากพรรค พท.มุ่งมั่นให้การจัดตั้งรัฐบาลสำเร็จไปได้ด้วยดี และยังไม่คิดต่อไปว่า หากเกิดอะไรขึ้นทางออกของการจัดตั้งรัฐบาลจะเป็นอย่างไร เพราะวันนี้พรรค พท.ยังเชื่อมั่นว่า พรรค ก.ก.จะเดินหน้าเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้ให้กำลังใจ “พิธา” พ้นบ่วงได้นั่งนายกฯต่อมาเวลา 17.00 น. ที่บริเวณ ATRIUM ZONE 2 ชั้น G ศูนย์การค้า Siam Center นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค พท.ให้สัมภาษณ์ระหว่างไปร่วมกิจกรรมนิทรรศการ Diverscity Art Music Fashion ว่า จริงๆแล้ว หากให้ กกต.ไต่สวนไปเชื่อว่าไม่มีอะไร นายพิธา สามารถตอบเคลียร์ทุกประเด็น ในฐานะที่เป็นแกนนำร่วมจัดตั้งรัฐบาลด้วยกันให้กำลังใจนายพิธาให้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี เชื่อมั่นในความบริสุทธิ์ยุติธรรมของ กกต. ว่าจะดำเนินการไต่สวนเรื่องนี้ด้วยความเป็นธรรมกับนายพิธา เรื่องนี้มีความเป็นห่วงแต่ก็ให้กำลังใจ ส่วนความกังวลว่ากระบวนการเลือกนายกฯอาจจะสะดุดหรือไม่นั้น เรื่องนี้เราไม่กังวล เชื่อว่านายพิธาสามารถผ่านพ้นตรงนี้ไปได้ เมื่อถามว่า พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลต้องคุยกันเรื่องนี้ก่อนหรือไม่ นายประเสริฐตอบว่า ประเด็นนี้ยังไม่ได้มีการคุยในวงพรรคร่วมฯ เมื่อถามว่าแต่พรรคเพื่อไทยมีสิทธิเป็นแคนดิเดตนายกฯ นายประเสริฐตอบว่า เป็นเรื่องที่ขอดูก่อนและต้องพูดคุยกัน เพราะเราอยู่ร่วมกัน 8 พรรค ฉะนั้นไม่อยากให้เรื่องนี้เกิดขึ้น อยากให้การจัดตั้งรัฐบาลที่พรรคก้าวไกลแกนนำสามารถจัดตั้งได้สำเร็จ“เสรีพิศุทธ์” มั่นใจไม่จุดชนวนขัดแย้งพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย (สร.)กล่าวว่า นายพิธาเคยชี้แจง ตอนประชุม 8 พรรคร่วมรัฐบาลว่า ปัญหาเรื่องหุ้นสื่อดำเนินการทุกอย่างถูกต้อง ส่วนตัวเชื่อมั่นว่า กรณีที่เกิดขึ้นไม่กระทบต่อการตั้งรัฐบาล และคงไม่เป็นเหตุให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองตามมา แม้ทุกคนจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยก็ตาม แต่ต้องยอมรับกฎหมาย เช่น รัฐธรรมนูญปี 2560 แม้จะเลวร้าย แต่ต้องยอมรับเพราะเป็นกฎหมาย กรณี กกต.จะสอบนายพิธา ผิดมาตรา 151 ที่เป็นความผิดอาญา ต้องส่งเรื่องไปที่ศาลอาญานั้น กว่าจะรู้ผลกระบวนการพิจารณาคดีคงใช้เวลาตัดสินมากกว่า 1 ปี“สมชาย” ส่งซิก กกต. 5 ช่องทางขยี้ซ้ำวันเดียวกัน นายสมชาย แสวงการ ส.ว. โพสต์เฟซบุ๊กว่า นิตินิยายนิติกรรมอำพรางเรื่องหุ้นไอทีวีจะไปต่ออย่างไร เมื่อ กกต.ไม่รับคำร้องหุ้นสื่อไอทีวีของ 3 ผู้ร้อง แต่รับไว้เองในฐานะความปรากฏต่อ กกต. เพื่อดำเนินคดีตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. มาตรา 151 ขอเสนอความเห็น เพื่อ กกต.พิจารณาดำเนินการตามเห็นสมควรในขั้นตอนต่างๆ ดังนี้ 1.รับรองผลการเลือกตั้ง ส.ส.ของนายพิธาโดยเร็วหรือภายในเวลาที่กฎหมายกำหนดไม่เกิน 60 วัน นับแต่วันเลือกตั้ง 2.หลังรับรอง ส.ส.แล้ว กกต.ต้องเป็นผู้ร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ในฐานะความปรากฏแก่ กกต.ใช้มาตรา 82 ของรัฐธรรมนูญ ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย 2.1 นายพิธา ขาดคุณสมบัติและขัดรัฐธรรมนูญตามลักษณะต้องห้ามเป็น ส.ส.ตาม รัฐธรรมนูญมาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา 98 (3) 2.2 ขาดคุณสมบัติแคนดิเดตนายกฯ ตามมาตรา 88 มาตรา 89 และมาตรา 160 กรณีนี้ไม่จำเป็นต้องให้ ส.ส.เข้าชื่อ 1 ใน 10 ร้องต่อประธานสภาฯ ขอให้ส่ง คำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญตามรัฐธรรมนูญมาตรา 82 เพราะความปรากฏตามที่ กกต.รับไว้เอง กกต. ต้องสอบสวนจนมีพยานหลักฐานควรเชื่อได้ว่า นายพิธาน่ามีลักษณะต้องห้ามอันเป็นการขาดคุณสมบัติ ส.ส.และแคนดิเดตนายกฯแล้วจึงร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยชี้โพรงยื่นหยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราวนายสมชายระบุว่า 3.กกต.ร้องต่อศาลรัฐ ธรรมนูญให้นายพิธาหยุดปฏิบัติหน้าที่ เช่นเดียวกับ คดีอื่นๆ เช่น คดี กกต.ร้องคดีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าคณะก้าวหน้า หรือคดีที่พรรคฝ่ายค้านเข้าชื่อร้องศาลรัฐธรรมนูญคดีวาระ 8 ปี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ผู้ถูกร้องหยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าศาลจะมีคําวินิจฉัย และขอให้มีคําสั่งกำหนดมาตรการหรือวิธีการใดๆ ชั่วคราวก่อนการวินิจฉัยตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณา ของศาลรัฐธรรมนูญ มาตรา 71 4.กกต.ยื่นดำเนินคดีอาญาต่อตำรวจ อัยการ ในความผิด พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.มาตรา 151 ประกอบมาตรา 42 (3) ข้อหารู้อยู่แล้วว่า ไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง เนื่องจากขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามใช้สิทธิสมัครเป็น ส.ส.ได้สมัครรับเลือกตั้ง หรือทำหนังสือยินยอมให้พรรคการเมืองเสนอรายชื่อตนเพื่อสมัครรับเลือกตั้ง แบบบัญชีรายชื่อ คดีนี้มีบทลงโทษจำคุก 1-10 ปี โทษปรับ 20,000-200,000 บาท ตัดสิทธิการเมือง 20 ปี 5.อัยการพิจารณาคำสั่งฟ้องตามความผิดฐานดังกล่าวต่อนายพิธาหรือไม่ เป็นกรณีที่ กกต.ต้องสอบสวน มีพยาน หลักฐานหนักแน่นชัดเจน เพราะอัยการสูงสุดเคยมีคำสั่งไม่ฟ้องนายธนาธรมาแล้ว โดยระบุว่า พยาน หลักฐานไม่เพียงพอสั่งฟ้องดูเจตนา พยานหลักฐานแล้ว น่าจะไม่มีความผิดกฎหมายอาญา แม้ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยคุณสมบัติการเป็น ส.ส.ของนายธนาธรให้พ้นสมาชิกภาพความเป็น ส.ส.ไปแล้ว แต่อัยการสูงสุดยืนยันคำสั่งไม่ฟ้องนายธนาธร ถือเป็นการพิจารณากฎหมายคนละฉบับกัน “กิตติศักดิ์” ย้ำจุดยืนไม่เอา “พิธา”นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ ส.ว. ให้สัมภาษณ์ว่า เรื่องที่ กกต.สั่งไต่สวนมาตรา 151 กับนายพิธาคงไม่เกี่ยวกันกับการตัดสินใจโหวตให้นายพิธาเป็นนายกฯหรือไม่ นายพิธาต้องไปพิสูจน์ให้ได้ว่าที่ กกต. ตั้งข้อหามานั้น เท็จจริงประการใด หาก กกต.สื่อสารว่า ผิดจริงต้องรับโทษไป แต่หากไม่ผิดกระบวนการต้องดำเนินต่อ คือ มีการเลือกประธานสภาฯ และนายกฯ นายพิธามีสิทธิที่จะไปถึงตรงนั้น เพราะ กกต.บอกแล้วว่าคงพิจารณามาตรา 151 ไม่ทัน คงรับรองไปก่อน แล้วไปหาข้อเท็จจริงอีกครั้ง ถามว่ามีผลกระทบกับ ส.ว.หรือไม่ ไม่มีผลกระทบ เพราะ ส.ว.พิจารณาตามเหตุตามผล ตามอำนาจและหน้าที่ที่จะเลือกแคนดิเดตนายกฯจากพรรคไหน เมื่อถามว่า ในกลุ่ม ส.ว.ได้พูดคุยกันถึงเรื่องนี้หรือไม่ นายกิตติศักดิ์ตอบว่า คุยกันตลอด แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันทางด้านการเมืองตลอด แต่ไม่มีการคุยกันว่า ใครจะรับรองหรือไม่รับรองใคร ใครจะโหวตให้นายพิธาหรือไม่โหวตให้นายพิธา เมื่อถามย้ำถึงจุดยืนการโหวตเลือกนายพิธาเป็นนายกฯ นายกิตติศักดิ์ตอบว่า “โอ้ ไม่ได้หรอก ประกาศไปทั่วบ้านทั่วเมืองแล้วว่า ไม่โหวตให้พิธาก็คือไม่โหวต และยืนยันว่าไม่ได้มีอคติ เรามีเหตุผลตามที่เคยประกาศตลอด”“สุทิน” ระแวง กกต.สั่งนับแต้มใหม่นายสุทิน คลังแสง ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค พท.กล่าวกรณีที่ กกต.มีมติสั่งให้นับคะแนนเลือกตั้ง ส.ส.แบบแบ่งเขต 16 หน่วย และแบบบัญชีรายชื่อ 31 หน่วยใหม่ รวม 47 หน่วยเลือกตั้งใน 16 จังหวัด ในวันที่ 11 มิ.ย. ว่า ถือว่าเป็นการสั่งนับ คะแนนใหม่ที่เยอะมากกว่าการเลือกตั้งที่ผ่านๆมา แสดงให้เห็นว่ามีความผิดปกติ และมีความพยายามที่จะกระทำทุจริตในหน่วยเลือกตั้งนั้นๆหรือไม่ ส่วนจะผิดปกติในขั้นตอนใด กกต.ควรจะเข้าไปตรวจสอบด้วยนอกเหนือไปจากการสั่งนับคะแนนใหม่ เมื่อถามว่า การนับคะแนนใหม่จะมีผลต่อสัดส่วน ส.ส.ของพรรค พท.หรือไม่ นายสุทินตอบว่า เป็นเรื่องที่คาดหมายยากเพราะเราไม่รู้ว่าปัญหาที่ต้องนับคะแนน ใหม่เกิดจากอะไร เมื่อนับคะแนนใหม่จะเกิดความไม่แน่นอน ส่วนจะเกิดผลดี หรือผลเสียกับพรรค การเมืองหรือไม่นั้น มีโอกาสเกิดขึ้นได้กับทุกพรรค ดังนั้นทุกคนต้องช่วยกันเฝ้าจับตาดู แต่ในส่วนของพรรค พท.นั้นเท่าที่ได้พูดคุยกับว่าที่ ส.ส.ที่อยู่ในเขตที่ต้องนับคะแนนใหม่ ไม่มีใครหนักใจกับเรื่องดังกล่าว เชื่อว่าการนับคะแนนใหม่คงไม่กระทบกับพรรคพท. ส่วนเรื่องที่ กกต.กำลังตรวจสอบข้อร้องเรียนว่าที่ ส.ส.ประมาณ 20 กว่าคน ถือเป็นจำนวนน้อยเมื่อเทียบกับการเลือกตั้งทุกครั้งที่ผ่านมา“ประเสริฐ” สั่งลูกพรรคอย่าละสายตานายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคพท. ให้สัมภาษณ์ถึงการนับคะแนนใหม่ 47 หน่วยเลือกตั้งว่า เรื่องนี้พรรค พท.จับตาดูอยู่ โดยให้ผู้สมัคร ส.ส.ในเขตเลือกตั้งที่ต้องนับคะแนนใหม่ทั้งหมด ติดตามการนับคะแนนอย่างใกล้ชิด เพราะการนับใหม่ ที่เกิดขึ้นอาจส่งผลให้มีการเปลี่ยนแปลงผลการเลือกตั้ง ทั้งระบบเขต ระบบบัญชีรายชื่อของพรรค พท.ได้พังงาเขต 2 ชิงนับคะแนนแล้ว 2 หน่วยเมื่อเวลา 11.00 น. ที่ศาลาอเนกประสงค์ อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา นายสัมภาษณ์ เชาวลิต ผอ.สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประจำจังหวัดพังงา จัดให้มีการนับคะแนนเลือกตั้ง ส.ส.แบบ บัญชีรายชื่อใหม่ เขต 2 จ.พังงา ตามคำสั่งของ กกต.มีนายศิวัชฐ์ ระวังกุล นอภ.ท้ายเหมือง เป็นประธาน มีสื่อมวลชน และประชาชนในพื้นที่ร่วมสังเกตการณ์ ประมาณ 15 คน ผลการนับคะแนนหน่วยเลือกตั้งที่ 1 หมู่ที่ 3 เทศบาล ต.ท้ายเหมือง อ.ท้ายเหมือง ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 700 คน ผู้มาใช้สิทธิ 514 คน บัตรดี 484 ใบ บัตรเสีย 17 ใบ บัตรไม่ประสงค์ลงคะแนน 13 ใบ ส่วนหน่วยเลือกตั้งที่ 2 หมู่ที่ 2 ต.ทุ่งมะพร้าว อ.ท้ายเหมือง ผู้มีสิทธิ 851 คน มาใช้สิทธิ 645 คน บัตรดี 603 ใบ บัตรเสีย 29 ใบ บัตรไม่ประสงค์ลงคะแนน 13 ใบ ขณะที่นายสุเทพ คงเทศ ผู้สังเกตการณ์ กล่าวว่า การนับคะแนนใหม่ครั้งนี้มีข้อสังเกตเรื่องระยะห่างระหว่างจุดนับคะแนนและผู้ร่วมสังเกตการณ์ห่างจนไม่เห็นว่าการลงคะแนนบนกระดานตรงหรือไม่ แต่ภาพรวมเห็นว่าเรียบร้อยดี มีการขยับให้ใกล้ขึ้น ด้านนายศิวัชฐ์ ในฐานะ ผอ. กกต. เขต 2 จังหวัดพังงา กล่าวว่า การนับคะแนนใหม่เป็นไปด้วยความเรียบร้อยผลนับใหม่รวม 2 หน่วยคะแนนเพี้ยนผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผลการนับคะแนนใหม่ของหน่วยที่ 1 เทศบาลำบลท้ายเหมือง อ.ท้ายเหมือง 3 อันดับแรก ผลปรากฏว่า พรรครวมไทยสร้างชาติ ได้ 160 คะแนน จากการนับคะแนนครั้งก่อน (14 พ.ค.) ได้ 161 คะแนน มาเป็นลำดับ 1 ส่วนลำดับ 2 พรรคก้าวไกลได้ 152 คะแนน จากเดิม 152 คะแนน พรรคเพื่อไทยได้ 1 คะแนน จากเดิมได้ 1 คะแนน ส่วนหน่วยเลือกตั้งที่ 2 เขต 2 หมู่ 2 ต.ทุ่งมะพร้าว อ.ท้ายเหมือง พรรครวมไทยสร้างชาติได้ 185 จากเดิม 185 พรรคก้าวไกลได้ 150 จากเดิม 151 คะแนน พรรคเพื่อไทยได้ 66 คะแนน จากเดิม 67 คะแนน“ศรีสุวรรณ” ไม่ท้อสมาคมฯ ถูกยุบกรณีนายแมนรัตน์ รัตนสุคนธ์ อธิบดีกรมการปกครอง (ปค.) ในฐานะนายทะเบียนสมาคมกรุงเทพ มหานคร ลงนามในหนังสือคำสั่งเพิกถอนคำสั่งรับจดทะเบียนจัดตั้งสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยของนายศรีสุวรรณ จรรยา วันเดียวกัน นายศรีสุวรรณโพสต์เฟซบุ๊กว่า “ศรีสุวรรณ ยังยืนหยัดที่จะทำหน้าที่ร้องตรวจสอบนักการเมือง-พรรคการเมืองเหมือนเดิม เพื่อประโยชน์สาธารณะ สะกดคำว่าท้อถอยไม่เป็นครับ” โดยนายศรีสุวรรณได้เปลี่ยนตำแหน่งจากเดิม “เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย” เป็น “ประชาชนผู้รักชาติรักแผ่นดิน” ในการยื่นหนังสือต่อกองบัญชาการสอบสวนกลาง (บช.ก.) เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษผู้ที่มีพฤติการณ์หรือกระทำการฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญและกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงของชาติ กรณีที่มีการจัดเสวนาเปิดตัวองค์กรขบวนนักศึกษาแห่งชาติ (Pelajar Kebangsaan Patani) โดยกลุ่มเครือข่าย PerMAS เมื่อวันที่ 7 มิ.ย.66 ที่ มอ.ปัตตานี ที่ผ่านมา“เสรีพิศุทธ์” โวทุบหม้อข้าวนักร้องที่พรรคเสรีรวมไทย พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย (สร.) แถลงว่า เป็นผู้ยื่นเรื่องต่ออธิบดีกรมการปกครอง ให้ยุบสมาคมดังกล่าว เพราะนายศรีสุวรรณเป็นนักร้องสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่นตลอด เวลาไปร้องเรียนก็อ้างชื่อสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยให้เกิดความน่าเชื่อถือ มีการร้องเรียนตนเรื่องการรุกที่สาธารณะ จ.กาญจนบุรี ทั้งที่ไม่ใช่เรื่องจริง จึงให้ทนายความฟ้องหมิ่นประมาทและยุบสมาคม จากการไต่สวนเหรัญญิกสมาคม ยืนยันตั้งสมาคมมาไม่เคยประชุมแม้แต่ครั้งเดียวไม่เคยนำเงินเข้าสมาคม ไม่มีการรายงานค่าใช้จ่ายให้นายทะเบียนในแต่ละปี ขณะนั้นตนเป็นประธานกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบสภาฯ ได้ให้ข้อมูลการจดทะเบียนตั้งสมาคมของนายศรีสุวรรณ แก่กรมการปกครองให้ไปตรวจสอบอาทิ ที่ตั้งเป็นตึกแถวเก่า คล้องกุญแจสนิมเขรอะไม่ใช้งานจริง คณะกรรมการสมาคมก็ไม่รู้เรื่องอะไรเลย แต่ดูเหมือนไม่ค่อยมีความคืบหน้าจากกรมการปกครอง เชื่อว่าเรื่องนี้มีคนอยู่เบื้องหลังนายศรีสุวรรณ ทำให้กรมการปกครองไม่ออกคำสั่งยุบสมาคม จนใกล้หมดสมัยประชุมสภาฯ จึงบอกไปว่า ถ้าไม่ยุบสมาคมมีเรื่องแน่ อธิบดีกรมการปกครองจึงโทร.มาขอเข้าพบ แต่ตนไม่ให้พบ บอกให้ทำหน้าที่ใครหน้าที่มันไป กระทั่งวันที่ 9 มิ.ย.จึงมีหนังสือแจ้งว่ายุบสมาคมแล้ว แต่นายศรีสุวรรณยังอุทธรณ์การยุบสมาคมได้จี้ขยายผลเอาผิดให้การเท็จพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์กล่าวว่า อย่างไรก็ตามเมื่อดูคำสั่งยุบแล้ว พบว่ายังไม่ครอบคลุม ในคำสั่งยุบไม่มีรายละเอียดต่างๆ ที่ตนเคยตั้งข้อสังเกตถึงความผิดปกติในหลายเรื่อง แค่แจ้งว่ามีการจดทะเบียน แต่ไม่มีการประชุมคณะก่อตั้ง กรณีนี้กรมการปกครองต้องขยายผลเอาผิดนายศรีสุวรรณ ข้อหาให้การเท็จต่อราชการในการก่อตั้งสมาคมด้วย ส่วนกรรมการ เหรัญญิกในฐานะผู้เสียหาย ก็สามารถดำเนินคดีนายศรีสุวรรณได้ ในวันที่กรมการปกครองเอาคำสั่งยุบสมาคมมาให้ตน ได้ถามถึงการดำเนินการล่าช้า มีใครช่วยดึงอยู่ข้างหลังหรือไม่ ได้รับคำตอบว่า มีคนพยายามไม่ให้ออกคำสั่งยุบสมาคม แต่ไม่ได้ถามต่อว่าใครอยู่เบื้องหลัง“ทนายรัชพล” เดินเครื่องแจ้งจับ 2 ข้อหาเมื่อเวลา 10.00 น. ที่ สน.นางเลิ้ง นายรัชพล ศิริสาคร ทนายความ นำเอกสารเข้าพบ พ.ต.ต.นรินทร์ เฟื่องศรี สว.(สอบสวน) สน.นางเลิ้ง ให้ตรวจสอบกรณีนายศรีสุวรรณ จรรยา ถูกอธิบดีกรมการปกครองเพิกถอนการจัดตั้งสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เข้าข่ายในข้อหาความผิดเกี่ยวกับข้อหาปลอมแปลงเอกสาร ตามมาตรา 264 และการแจ้งความเท็จมาตรา 137 หรือไม่ นายรัชพลกล่าวว่า สมาคมดังกล่าว ที่ผ่านมามีเพียงนายศรีสุวรรณออกมาเคลื่อนไหวอยู่เพียงคนเดียว อาจจะปลอมแปลงเอกสารหรือลงลายมือชื่อปลอม เป็นการแจ้งความเท็จ มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนข้อหาปลอมแปลงเอกสารโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 6หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ “ลุงตู่” ยก “ลิซ่า” ซอฟต์เพาเวอร์ไทยนายอนุชา บูรพชัยศรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม แสดงความชื่นชม “ลิซ่า” วง BLACKPINK หรือ น.ส.ลลิษา มโนบาล ที่สวมใสผ้ามัดหมี่ย้อมครามหมักโคลน ผ้าทอลายโบราณจากร้านชานเรือน ตลาดผ้านาข่า อ.เมืองอุดรธานี ขณะเที่ยวชมวัดใน จ.พระนครศรีอยุธยา จนปลุกกระแสผ้าไทยและสถานที่ท่องเที่ยวของไทยดังไกลเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก ทำให้การท่องเที่ยวในพื้นที่ต่างๆของไทยคึกคักมากขึ้น ส่งผลให้รายได้ของร้านค้าต่างๆในพื้นที่เพิ่มขึ้น แสดงออกถึงความรักและภาคภูมิใจในความเป็นไทยมาโดยตลอด ทั้งสวมใส่ผ้าไทยหรือชุดไทยตามโอกาสที่เหมาะสม เช่น แต่งชุดไทยและสวมชฎาในเอ็มวี สร้างกระแสให้คนสนใจชุดไทย เอกลักษณ์และวัฒนธรรมไทยให้เป็นที่รู้จักในสายตาชาวต่างชาติ โดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่นหรือคนรุ่นใหม่ หันมาสนใจสวมใส่ผ้าไทยและภาคภูมิใจความเป็นไทยเพิ่มขึ้น ถือเป็นอีกหนึ่งแรงสนับสนุนขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศด้วย ซอฟต์เพาเวอร์ของไทย“ลุงป้อม” จัดคิวตะลุยเมืองมะขามผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 12 มิ.ย. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) มีกำหนดไปลงพื้นที่ตรวจราชการ จ.เพชรบูรณ์ พร้อมกับนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง เลขาธิการพรรค พปชร.โดยไปยัง อ.หนองไผ่ พบปะประชาชน ร่วมพิธีมอบหนังสืออนุญาตเข้าทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยภายในป่าสงวนแห่งชาติ มอบสมุดประจำตัวผู้ได้รับการคัดเลือกให้ทำกินในชุมชนของคณะกรรมการที่ดินแห่งชาติ (คทช.) มอบหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดิน (ส.ป.ก.4-01) ที่อาคารอเนกภิรมย์ ที่ว่าการอำเภอหนองไผ่ ตามนโยบายรัฐบาล และติดตามความคืบหน้าการก่อสร้างระบบส่งน้ำอ่างเก็บน้ำคลองลำกง ต.วังท่าดี อ.หนองไผ่ ทั้งนี้จ.เพชรบูรณ์เป็นอีก 1 จังหวัดที่พรรค พปชร.ชนะเลือกตั้งมาทั้ง 6 เขต และเป็นจังหวัดที่ 2 ที่ พล.อ.ประวิตรลงพื้นที่ต่อจาก จ.กำแพงเพชรที่ชนะเลือกตั้งยกจังหวัด