เมื่อวันที่ 31 พ.ค. สื่อท้องถิ่นเมียนมารายงานว่า พล.อ.อาวุโส โซ วิน ผู้นำเบอร์ 2 ของกองทัพเมียนมาและตัวแทนของรัฐบาลเมียนมา ได้ให้การต้อนรับ พล.ต.หยาง หยาง รักษาการผู้อำนวยการสำนักงานข่าวกรอง สังกัดคณะกรรมาธิการกองทัพส่วนกลาง สาธารณรัฐประชาชนจีน ที่กรุงเนปิดอว์ โดยถือเป็นตัวแทนอย่างเป็นทางการของกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีนคณะแรกที่เดินทางเยือนเมียนมา นับตั้งแต่เหตุรัฐประหาร 1 ก.พ.2564ทั้งนี้ การหารือดังกล่าวทางตัวแทนเมียนมาและจีนได้เจรจากันในเรื่องความร่วมมือในการสร้างสันติภาพ ความสงบ และโครงการพัฒนาสำหรับพื้นที่พรมแดน นับเป็นการพบปะระดับสูงอีกครั้ง หลังช่วงต้นเดือน พ.ค. นายฉิน กัง รมว.ต่างประเทศจีน ได้เดินทางเข้าพบ พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย ผู้นำรัฐบาลเมียนมา และประกาศเรียกร้องให้ประชาคมนานาชาติเคารพอธิปไตยของเมียนมาด้านสำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า ในขณะที่รัฐบาลเมียนมาถูกนานาชาติรังเกียจ ทางการจีนกลับรักษาสัมพันธ์กับเมียนมาอย่างต่อเนื่อง จีนมีโครงการความร่วมมือกับเมียนมาหลายโครงการภายใต้กรอบหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง เพื่อเชื่อมมณฑลยูนนานของจีนกับมหาสมุทรอินเดีย ขณะที่กลุ่มสิทธิอ้างว่า กองทัพเมียนมาได้นำเข้าอาวุธและยุทโธปกรณ์จากจีนนับตั้งแต่เหตุรัฐประหารเป็นมูลค่าแล้วกว่า 267 ล้าน ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือกว่า 9,078 ล้านบาท และจีนยังให้การสนับสนุนกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆด้วยเช่นกันนอกจากนี้ รัฐบาลจีนยังพยายามเป็นตัวกลางช่วยไกล่เกลี่ยระหว่างรัฐบาลเมียนมากับบังกลาเทศในเรื่องโครงการนำร่องนำชาวมุสลิมโรฮีนจา ผู้ลี้ภัยออกจากเมียนมาตั้งแต่ปี 2560 กลับสู่ภูมิลำเนาในรัฐยะไข่วันเดียวกัน กระทรวงกลาโหมจีนเปิดเผยว่า กองทัพเรือจีนจะทำการส่งเรือพิฆาตจานเจียงและเรือฟริเกตซู่ชางรวม 2 ลำ เข้าร่วมปฏิบัติการฝึกซ้อมทางทะเลโคโมโด ระหว่างวันที่ 4-8 มิ.ย. ที่ประเทศเจ้าภาพอินโดนีเซีย บริเวณเกาะสุลาเวสี ทางภาคตะวันออก ขณะที่ทางการอินโดนีเซียเปิดเผยว่า ได้เชิญกองทัพเรือจาก 47 ประเทศเข้าร่วมการฝึกซ้อม ซึ่งรวมถึงประเทศสหรัฐฯ เกาหลีใต้ รัสเซีย และเกาหลีเหนือการฝึกซ้อมร่วมดังกล่าวมีขึ้นท่ามกลางสถานการณ์การเผชิญหน้าทางอิทธิพลระหว่างสหรัฐฯ-จีน โดยเฉพาะในพื้นที่ช่องแคบไต้หวันและทะเลจีนใต้ ซึ่งไม่นานมานี้ กองทัพสหรัฐฯได้แสดงความไม่พอใจความก้าวร้าวของจีน หลังเครื่องบินรบอเนกประสงค์จีนบินปาดหน้าเครื่องบินลาดตระเวนของสหรัฐฯ เหนือน่านฟ้าทะเลจีนใต้.