ผมเจอหัวข้อ “คบเพื่อนควรมีมิตรจิต” ในหนังสือสายธารแห่งปัญญา (หงอิ้งหมิง เขียน บุญศักดิ์ แสงระวี แปล สำนักพิมพ์ ก.ไก่ พ.ศ.2533) ก็รีบอ่านบรรยากาศการเมืองที่ดูขาดๆเกินๆตอนนี้ ดูเหมือนจะต้องการใช้...ไม่แน่ว่าสิ่งที่เกินๆขาดๆ อาจจะถึงจุดลงตัวคนอ่านสามก๊ก คุ้นหูเรื่องคำสาบานในสวนท้อ “เล่าปี่เริ่มต้นด้วยมือเปล่า สามารถครองแผ่นดินจีนกว้างใหญ่ได้หนึ่งในสาม ไม่เพียงอาศัยสติปัญญา” ขงเบ้งยังได้เพื่อนดีอย่าง กวนอู เตียวหุยย้อนไกลจากสมัยสามก๊ก (ราว 1,800 ปี) ไปสมัยชุนชิว (ราว 3 พันปี) จีนมีเรื่องเล่าของเพื่อนรักสองคนเอี๋ยวเจี่ยวอาย กับจ่อป้อถาว สองผู้รู้...ได้ข่าวฉู่อ๋อง แห่งแคว้นฉู่ สันทัดในการใช้คนดีมีสติปัญญา ก็ชักชวนกันเดินทาง ระหว่างหนทางยาวไกล หิมะตกหนัก อากาศหนาวจัดเพื่อนรักทั้งสองเดินทางช้าลง เสื้อผ้ากันหนาวไม่พอ เสบียงกรังที่เตรียมมา คำนวณแล้วรู้ว่าไม่พอที่จะไปถึงที่หมายได้พร้อมกันทั้งสองคนในสถานการณ์ต้องตัดสินใจ สองเพื่อนรักหันมามองหน้ากัน“เราสองคน รู้กันดี ท่านมีสติปัญญาความสามารถดีกว่าข้า” จ่อป้อถาวกล่าว“ข้าหวังจะให้ท่านมีชีวิตไปแสดงความสามารถให้เป็นที่ประจักษ์ถึงแคว้นฉู่”พูดแล้ว จ่อป้อถาว ก็ถอดเสื้อผ้าที่สวมใส่ และเสบียงกรังที่เหลือ ยื่นให้เอี๋ยวเจี่ยวอาย แล้วตัวเองก็เดินเข้าไปซุกตัวในโพรงไม้ใหญ่ หนาวตายอยู่ในโพรงไม้นั้นเรื่องเล่าเรื่องนี้ชี้ว่า เอี๋ยวเจี่ยวอาย รอดชีวิตไปยิ่งใหญ่ในแคว้นฉู่ หงอิ้งหมิง รวบรัดเล่า เพราะจงใจตั้งคำถาม พลังอันใดทำให้ผู้เป็นเพื่อน มีความรักใคร่จริงจังต่อเพื่อน ถึงขนาดอุทิศชีวิตให้แก่กันและกันได้คำตอบ พลังนี้ เรียกว่า มิตรจิตเมื่อเราพบความสำเร็จ เพื่อนย่อมยินดีปรีดาด้วย เมื่อเราผิดหวัง เพื่อนก็ให้กำลังใจ เมื่อเราทำผิด เพื่อนก็ต้องช่วยตักเตือน และเมื่อพบภัยพิบัติ เพื่อนก็ร่วมด้วยช่วยแบกรับนี่คือคำอธิบายความหมายของ “มิตรจิต ” ซึ่งก็คือ มิตรภาพที่แท้คนโบราณสอนว่า มิตรภาพ ก็เหมือนสะพานแห่งหนึ่ง วัสดุอุปกรณ์ชั้นยอดของสะพานก็คือมิตรจิตส่วนความสัมพันธ์ระหว่างคนกับคน ก็ควรสร้างสะพานขึ้นอีกแห่ง วัสดุอุปกรณ์ก็ควรเลือกเฟ้นแต่สิ่งที่เรียกว่า “ความสามัคคีปรองดอง”มีก็แต่ความสามัคคีปรองดองกันเท่านั้น จะทำให้ความสัมพันธ์ของคนเราแน่นแฟ้นยิ่งขึ้นคนเราหากมีสะพานทั้งสองแห่งนี้ไว้ ชีวิตธรรมดาก็จะนำพาไปสู่ความสมบูรณ์พูนสุขและหากเป็นวิถีชีวิตของผู้เป็นใหญ่ สองสะพานนี้ จะนำไปสู่ความเป็นผู้นำหงอิ้งหมิง ผู้เขียน จบเรื่องนี้ด้วยภาษิตรากผัก คบเพื่อนควรใจกว้าง เป็นคนพึงจริงใจและสร้างสะพานให้ดีเรื่องจีนที่ผมยกมาเล่า ทำให้ผมนึกถึงหนังชอว์บาเดอร์ ยุคเฟื่องฟูในไทยเมื่อสี่สิบกว่าปีที่แล้ว พี่โกวิท (สีตลายัน) ชวนไปดูศึกวังน้ำทิพย์ ที่โรงหนังวอเนอร์ สีลม ตี้หลุงเล่นเป็นหนึ่งโจรชุดดำ เยียะหัว เป็นหนึ่งสงฆ์ชุดขาว...ตอนใกล้จบ พระเอกถูกตัวโกงวางแผนยอกย้อน ตบด้วยฝ่ามือเดียว กระเด็นไปนอนตาแป๋ว“ท่านเคยบอก เราเป็นเพื่อน ไฉนท่านจึงทรยศเพื่อน” พระเอกถาม คำตอบที่ “รามสูร” ชอบมากเอามาเขียนท้ายสังคมหน้า 4 ตัวโกงชุดขาวตอบ“ข้าพเจ้าไม่เคยทรยศเพื่อน เพราะข้าพเจ้าไม่เคยมีเพื่อน”หนังชุดศึกวัง...โกวเล้งเขียนเรื่อง เรื่องคนมีเพื่อนหาอ่านได้ในเรื่องจริงครับ แต่เรื่อง คนไม่มีเพื่อน หาอ่านได้ในหนังในนิยาย ก็ใครจะคิดได้เล่าว่า คนไม่มีเพื่อนจะมีในชีวิตจริง.กิเลน ประลองเชิง