8 พรรค 313 เสียง ร่วมตั้งรัฐบาลประกาศเอ็มโอยู วางนโยบายบริหารประเทศร่วมกัน 23 ข้อ เตรียมเร่งตั้ง ส.ส.ร.จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เร็วที่สุด ไม่บังคับใช้สมรสเท่าเทียมหากขัดหลักศาสนาอื่น โชว์หล่อใครทุจริต ถูกปรับพ้นเก้าอี้ทันที “พิธา” เสียงแข็ง ไม่ถอยแก้มาตรา 112 เตรียมใช้กลไกในสภายื่นแก้ไข ยันไม่จำเป็นต้องมีแผนสำรองแก้เกมหากแต้มโหวตนายกฯไม่ผ่าน ลือหึ่งพลังประชารัฐเตรียมยุบพรรคควบรวมเพื่อไทยพลิกขั้วเป็นแกนนำตั้งรัฐบาล “ชูวิทย์” ปูดแผนดีลตั้งรัฐบาลที่ฮ่องกง ไล่ก้าวไกล-รวมไทยสร้างชาติ นั่งฝ่ายค้าน “หมอพรทิพย์” แขวะม็อบไม่ฉลาด ชุมนุมกดดัน ส.ว. สภาตรึงควบคุมฝูงชน 450 นาย คุ้มกันม็อบบุก 23 พ.ค. “บิ๊กตู่” ฉุนถูกจี้ถามท่าทีให้ ส.ว.โหวตนายกฯหลังจากที่ทุกฝ่ายใจจดใจจ่อรอดูการประกาศเอ็มโอยูของพรรคร่วมรัฐบาล 8 พรรค ที่ใช้แนวนโยบายในการขับเคลื่อนบริหารประเทศร่วมกัน ล่าสุดนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้ประกาศเอ็มโอยู 23 ข้อที่เป็นบันทึกข้อตกลงร่วมกัน เพื่อสร้างพื้นฐานการจัดตั้งรัฐบาลและทำงานร่วมกันระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล โดยไม่มีเรื่องการแก้ไขมาตรา 112 อยู่ในเอ็มโอยู 2 พรรคใหญ่ดอดเข้าเซฟเฮาส์เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 22 พ.ค. ที่โรงแรมคอนราด ถนนวิทยุ บรรดาแกนนำว่าที่พรรคร่วมรัฐบาล 8 พรรค ได้แก่ พรรคก้าวไกล พรรคเพื่อไทย พรรคไทยสร้างไทย พรรคประชาชาติ พรรคเสรีรวมไทย พรรคเป็นธรรม พรรคพลังสังคมใหม่ และพรรคเพื่อไทรวมพลัง อาทิ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย ทยอยเดินทางมาถึงโรงแรมคอนราด ที่จะใช้เป็นสถานที่แถลงข่าวการลงนามเอ็มโอยูจัดตั้งรัฐบาล เพื่อพูดคุยหารือถึงเนื้อหาในเอ็มโอยูเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนอย่างเป็นทางการในช่วงเย็น โดยก่อนหน้านี้ช่วงเช้าบรรดาแกนนำพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยได้นัดหารือเจรจาตกลงเงื่อนไขการร่วมรัฐบาล ที่เซฟเฮาส์แห่งหนึ่งมาแล้ว ก่อนจะเดินทางมาที่โรงแรมคอนราดโยนใช้กลไกสภาแก้มาตรา 112คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย ให้สัมภาษณ์ก่อนการลงนามเอ็มโอยูว่า สิ่งที่อยู่ในเอ็มโอยูคือสิ่งที่คิดจะทำร่วมกัน ส่วนนโยบายแต่ละพรรคที่ไม่อยู่ในเอ็มโอยู แต่ละพรรคมีสิทธิเสนอเรื่องมาตรา 112 ไม่ได้อยู่ในเอ็มโอยู แปลว่าไม่มีการแก้ไขมาตรา 112 แต่มาตรา 112 ถือเป็นนโยบายแต่ละพรรคที่ไปผลักดันในสภาฯ ไม่เกี่ยวกับการร่วมรัฐบาล เมื่อถามว่า หากพรรคก้าวไกลแก้มาตรา 112 ในสภาฯจะไม่เป็นเงื่อนไขให้ถอนตัวจากการร่วมรัฐบาลหรือไม่ คุณหญิงสุดารัตน์ตอบว่า ไม่เกี่ยว หากเป็นกฎหมายที่พรรคใดผลักดันสามารถเสนอได้ แต่รัฐสภาจะเห็นด้วยหรือไม่นั้น ไม่ทราบ แต่จุดยืนพรรคไทยสร้างไทยชัดเจน ไม่เห็นด้วยการแก้ไข หรือยกเลิกมาตรา 112 ด้านนางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล แกนนำพรรคก้าวไกล กล่าวว่า เอ็มโอยูทุกอย่างลงตัวเรียบร้อย บรรยากาศราบรื่น หมดยุคทหารแล้วขณะที่นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ กล่าวว่า เอ็มโอยูในข้อที่เกี่ยวกับสมรสเท่าเทียม และสุราก้าวหน้าแก้ไขเรียบร้อย เป็นที่พอใจ8 พรรคแถลงเอ็มโอยู 23 ข้อต่อมาเวลา 16.30 น. 8 พรรคที่จะร่วมจัดตั้งรัฐบาลร่วมแถลงลงนามเอ็มโอยู เพื่อบันทึกข้อตกลงร่วมกันในการทำงาน จำนวน 23 วาระ ที่ทุกพรรคเห็นพ้องจะใช้เป็นแนวทางปฏิบัติบริหารประเทศ โดยนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล แถลงว่า วันนี้เป็นวันสำคัญทางประวัติศาสตร์การเมืองไทย 2-3 นัย คือครบรอบวันรัฐประหารปี 2557 และเป็นที่เซ็นเอ็มโอยูจัดตั้งรัฐบาล ถือเป็นวันหมุดหมายที่ดี สะท้อนความสำเร็จของสังคมไทยที่สามารถเปลี่ยนผ่านกลับมาสู่ระบอบประชาธิปไตย ผ่านระบบรัฐสภาอย่างสันติ บันทึกข้อตกลงร่วมกันนี้ ทำขึ้นเพื่อสร้างพื้นฐานในการจัดตั้งรัฐบาลและทำงานร่วมกัน ระหว่างพรรคก้าวไกล พรรคเพื่อไทย พรรคประชาชาติ พรรคไทยสร้างไทย พรรคเสรีรวมไทย พรรคเพื่อไทรวมพลัง พรรคเป็นธรรม และพรรคพลังสังคมใหม่ ทุกพรรคเห็นร่วมกันว่า ภารกิจของรัฐบาลที่ทุกพรรคจะร่วมกันนั้น ต้องไม่กระทบกับรูปแบบของรัฐและการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และการดำรงอยู่ในสถานะอันเป็นที่สักการะ ผู้ใดจะละเมิดมิได้ขององค์พระมหากษัตริย์ดังนี้ 1.พื้นฟูประชาธิปไตย รวมถึงการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ของประชาชนให้เร็วที่สุด มีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชนสมรสเท่าเทียมต้องไม่ขัดศาสนานายพิธากล่าวว่า 2.ยืนยันและผ่านกฎหมายสมรสเท่าเทียม เพื่อรับประกันสิทธิสมรสสำหรับคู่รักทุกเพศ โดยไม่บังคับประชาชนที่เห็นว่าขัดแย้งกับหลักการศาสนาที่ตนเองนับถือ 3.ผลักดันการปฏิรูประบบราชการ ตำรวจ กองทัพและกระบวนการยุติธรรม ให้สอดคล้องหลักประชาธิปไตย ยืดหลักความโปร่งใส ทันสมัย มีประสิทธิภาพ ผลประโยชน์สูงสุดของประชาชน 4.เปลี่ยนการเกณฑ์ทหารแบบบังคับเป็นระบบสมัครใจ ทั้งนี้ ยังคงไว้ซึ่งกำลังทหารในยามศึกสงคราม 5.ร่วมผลักดันกระบวนการสร้างสันติภาพอย่างยั่งยืนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ คำนึงถึงหลักสิทธิมนุษยชน การอยู่ร่วมกันในสังคมพหุวัฒนธรรม การมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน รวมถึงทบทวนภารกิจหน่วยงานและการบังคับใช้กฎหมายความมั่นคง 6.ผลักดันการกระจายอำนาจทั้งแง่ภารกิจและงบประมาณ ให้ท้องถิ่นตอบสนองความต้องการประชาชนในพื้นที่อย่างเหมาะสม มีประสิทธิภาพ ปราศจากการทุจริต 7.แก้ปัญหาทุจริตคอร์รัปชัน โดยการสร้างระบบและวัฒนธรรมรัฐโปร่งใส เปิดเผยข้อมูลรัฐทุกหน่วยงานประชาชาติสงวนสิทธิสุราเสรีนายพิธากล่าวว่า 8.ร่วมฟื้นฟูเศรษฐกิจ ยึดหลักเพิ่มรายได้ประชาชน ลดความเหลื่อมล้ำ สร้างระบบเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างเป็นธรรม 9.ยกเครื่องกฎหมายทำมาหากิน การดำรงชีวิตประชาชน เช่น ตัด ลด หรือพักใช้ชั่วคราวใบอนุมัติอนุญาตที่ไม่จำเป็นและเป็นอุปสรรค เพื่อปรับปรุงใหม่ ให้ความช่วยเหลือสภาพคล่องด้านการเงิน และสร้างแต้มต่อให้เอสเอ็มอี พร้อมกับมุ่งเน้นการเติบโต GDP ของเอสเอ็มอี สนับสนุนอุตสาหกรรมและสินค้าไทยให้เข้มแข็ง แข่งกับตลาดโลกได้ 10.ยกเลิกการผูกขาดและส่งเสริมการแข่งขันทางการค้าที่เป็นธรรมในทุกอุตสาหกรรม เช่น เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยพรรคประชาชาติขอสงวนสิทธิการไม่เห็นด้วยเฉพาะเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ด้วยเหตุผลด้านศาสนา 11.ปฏิรูปที่ดินทั้งระบบ ด้วยการผลักดันกฎหมายปฏิรูปที่ดิน กระจายการถือครองที่ดินอย่างเป็นธรรม แก้ปัญหาแนวเขตป่าไม้และที่ดินรัฐที่ทับซ้อนกับที่ดินประชาชน รวมถึงทบทวนคดีที่เป็นผลจากนโยบายทวงคืนผืนป่า ปิดจ๊อบนำกัญชาเป็นยาเสพติดนายพิธากล่าวว่า 12.ปรับปรุงโครงสร้างการผลิตไฟฟ้า การคำนวณราคา และกำลังการผลิตที่เหมาะสม เพื่อลดค่าครองชีพประชาชน และสร้างความมั่นคงทางพลังงาน 13.จัดทำงบประมาณแบบใหม่ เน้นใช้วิธีจัดงบประมาณฐานศูนย์ 14.สร้างระบบสวัสดิการดูแลประชาชนตั้งแต่เด็กแรกเกิดจนถึงผู้สูงวัย โดยคำนึงถึงความเหมาะสมและภาระทางการคลังระยะยาว 15.แก้ปัญหายาเสพติดเร่งด่วน 16.นำกัญชากลับไปอยู่ในบัญชียาเสพติดให้โทษ มีกฎหมายควบคุมและรองรับการใช้ประโยชน์จากกัญชา 17. ส่งเสริมเกษตรและปศุสัตว์ปลอดภัยคุ้มครอง รักษาผลประโยชน์เกษตรกร ลดต้นทุนการผลิตส่งเสริมการตลาด ส่งเสริมการเข้าถึงเทคโนโลยีและแหล่งน้ำ สร้างความเข้มแข็งของกลุ่มเกษตรกร เพื่อวางแผนการผลิตและรักษาผลประโยชน์เกษตรกร ส่งเสริมอุตสาห กรรมแปรรูปผลผลิตทางการเกษตร เพื่อให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจ 18.แก้ไขกฎหมายประมง ขจัดอุปสรรค เยียวยาฟื้นฟู พัฒนาอาชีพประมง 19.ยกระดับสิทธิแรงงานทุกอาชีพให้จ้างงานเป็นธรรม ได้รับค่าแรงสอดคล้องค่าครองชีพยกระดับระบบสาธารณสุขนายพิธากล่าวว่า 20.ยกระดับระบบสาธารณสุข เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงระบบสาธารณสุขที่มีคุณภาพ ทั้งการป้องกันรักษา และฟื้นฟูสุขภาพ 21.ปฏิรูประบบการศึกษายกระดับคุณภาพ ลดความเหลื่อมล้ำ และส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต 22.สร้างความร่วมมือภายในและระหว่างประเทศ แก้ปัญหาฝุ่นพิษ ลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เป็นศูนย์โดยเร็วที่สุด 23.ดำเนินนโยบายต่างประเทศ ฟื้นฟูบทบาทผู้นำไทยในอาเซียน รักษาสมดุลการเมืองประเทศไทยกับมหาอำนาจใครทุจริตถูกปรับพ้นเก้าอี้นายพิธากล่าวว่า ทุกพรรคเห็นพ้องกันว่าจะร่วมกันบริหารประเทศด้วยแนวทางปฏิบัติดังต่อไปนี้ 1.ทุกพรรคจะคุ้มครองสิทธิพลเมือง สิทธิทางการเมืองประชาชนทุกคน 2.ทุกพรรคจะทำงานโดยซื่อสัตย์สุจริต หากมีบุคคลพรรคใดทุจริตคอร์รัปชัน ทุกพรรคจะยุติการดำรงตำแหน่งของบุคคลนั้นทันที 3.ทุกพรรคจะทำงานโดยให้เกียรติกัน จริงใจต่อกัน สนับสนุนการทำงานกันและกัน ยึดผลประโยชน์ประชาชนเป็นที่ตั้งมากกว่าผลประโยชน์พรรคใดพรรคหนึ่ง 4.ทุกพรรคมีสิทธิผลักดันนโยบายอื่นเพิ่มเติม แต่ไม่ขัดแย้งจากนโยบายในบันทึกข้อตกลงร่วมฉบับนี้ โดยอาศัยอำนาจฝ่ายบริหารของรัฐมนตรีที่เป็นตัวแทนแต่ละพรรคการเมือง 5.ทุกพรรคมีสิทธิผลักดันนโยบายอื่นเพิ่มเติม แต่ไม่ขัดแย้งจากนโยบายในบันทึกข้อตกลงร่วมฉบับนี้ โดยอาศัยอำนาจนิติบัญญัติของผู้แทนราษฎรที่สังกัดแต่ละพรรคการเมือง เสียงแข็งไม่เลิกยื่นแก้ ม.112จากนั้นนายพิธาตอบคำถามสื่อมวลชนถึงจุดยืนการจะยื่นแก้ไขมาตรา 112 หรือไม่ว่า ยืนยันจะทำอยู่ เมื่อเดือน ก.พ.2564 พรรคก้าวไกลเคยยื่นเข้าสภาฯแล้ว แต่ไม่มีการบรรจุวาระเข้าที่ประชุม คิดว่าน่าจะประสบความสำเร็จด้วยดี เป็นการดำเนินการของพรรคก้าวไกล ไม่คิดว่าจะส่งผลกระทบต่อเสียง ส.ว.ที่จะสนับสนุนให้ตนเป็นนายกฯ พรรคก้าวไกลมีทีมเจรจาคลายความกังวล ส.ว.หลายเรื่อง ตั้งใจให้มาตรา 112 ไม่โจมตีทางการเมือง เอ็มโอยูเขียนชัดเจนว่า พระมหากษัตริย์ทรงดำรงอยู่ในฐานะอันละเมิดมิได้ จะทำให้ ส.ว. และประชาชนสบายใจมากขึ้น มาตรา 112 เป็น 1 ใน 45 กฎหมายที่พรรคก้าวไกลเตรียมยื่นเข้าสภาฯ เพื่อพูดคุยอย่างมีวุฒิภาวะ ในมุมกลับจึงไม่สร้างความกังวลใจ เมื่อพูดคุยกันได้รับฟังข้อมูล เป็นแนวทางที่ดี นี่คือสิ่งที่ได้รับรายงานจากทีมเจรจาพรรคก้าวไกล เมื่อถามว่า หากผลักดันมาตรา 112 เข้าสภาฯท่าทีของอีก 7 พรรคร่วมรัฐบาลเป็นอย่างไร นายพิธาตอบว่า ทุกพรรคมีเอ็มโอยูตรงกัน การผลักดันนโยบายมีทั้งวาระร่วม และวาระเฉพาะแต่ละพรรค แต่ละพรรคมีโอกาสผลักดันนโยบายเพิ่มเติม ไม่ให้ขัดแย้งเอ็มโอยู โดยผ่านกลไกรัฐมนตรีในฝ่ายบริหาร และ ส.ส.ในฝ่ายนิติบัญญัติ ในเอ็มโอยูเขียนชัดเจนไร้แผนสำรองแก้เกมวืดนายกฯเมื่อถามถึงแผนสำรองของพรรคก้าวไกล หากเสียงนายพิธาไม่ผ่าน ส.ว.ในการโหวตนายกฯ นายพิธาตอบว่า ขณะนี้กระบวนการของคณะเจรจาเป็นไปด้วยดี ไม่เห็นความจำเป็นต้องมีแผนสำรอง ถ้าเป็นฉากทัศน์แบบนั้น รัฐธรรมนูญพูดไว้ชัดเจนว่า ทำอย่างไรได้บ้าง ไม่เป็นข้อกังวล เมื่อถามว่า มีกระแสข่าวพรรคเพื่อไทยเตรียมรวมกับพรรคพลังประชารัฐที่จะยุบพรรคมารวมด้วยเป็นไปได้หรือไม่ นายพิธาตอบว่า ในฐานะผู้นำจัดตั้งรัฐบาล ทำงานด้วยกันมา 4 ปี คุยกันมา 1 สัปดาห์ พรรคร่วมรัฐบาลมีความหนักแน่น ไม่ว่าข่าวลือหรือพูดอะไรมาสั่นคลอน ยืนยันไม่หวั่นไหว ทุกพรรคทำงานด้วยความเคารพ ให้เกียรติกัน ไม่มีความกังวลเรื่องนี้ เมื่อถามถึงการเสนอชื่อบุคคลเป็นประธานรัฐสภาคือใคร และนายพิธาจะนั่งนายกฯ ควบ รมว.กลาโหม หรือไม่ จะเกิดแรงเสียดทานหรือไม่ นายพิธาตอบว่า เรื่องเหล่านี้เร็วเกินไป การเจรจาเรื่องตำแหน่งต่างๆ ควรจะตามวาระ ตามเอ็มโอยู ตามนโยบาย เอาประชาน เอานโยบายเป็นตัวตั้ง เอาคนเหมาะสมกับงานมาทำ เพื่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงให้มากที่สุดดันนิรโทษกรรมเป็นวาระเฉพาะเมื่อถามว่า การไม่บรรจุประเด็นนิรโทษกรรมในเอ็มโอยู แสดงว่าจะผลักดันเป็นวาระเฉพาะใช่หรือไม่ นายพิธาตอบว่า การนิรโทษกรรมมีความพยายามที่จะพูดคุยกัน เราตัดสินใจว่าจะเป็นวาระเฉพาะแต่ละพรรค พรรคก้าวไกลจะดำเนินการตามนโยบายที่หาเสียงไว้ เป็นวาระเฉพาะของก้าวไกล ส่วนกรณีการถือหุ้นไอทีวีที่ถูกยื่นคำร้องต่อ กกต.ให้ตรวจสอบนั้น ไม่ต้องกังวล ไม่จำเป็นต้องตีตนก่อนไข้ เรามีหลักฐาน หลักกฎหมาย เตรียมตัวชี้แจงไว้แล้ว อธิบายหน่วยงานเกี่ยวข้อง ตั้งแต่สมัยอดีตพรรคอนาคตใหม่ไปแล้ว จะอธิบายให้สังคมเข้าใจ หวังว่าจะคลายความกังวลได้ขอพรรคอื่นโหวตให้เพื่อรักษาระบบเมื่อถามว่า ปัจจุบันไม่มีพรรคอื่นมาร่วมรัฐบาลแล้วใช่หรือไม่ นายพิธาตอบว่า ตามที่นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล แถลงไปว่า ส.ส. 313 เสียงเท่านี้ เหมาะสม มีเสถียรภาพการทำงานของรัฐบาล การผ่านกฎหมายมีความสมดุลกับฝ่ายค้าน จึงคิดว่าเหมาะสม ส่วนกรณีพรรคอื่น และ ส.ว.ต้องโหวตให้นายพิธาเป็นนายกฯหรือไม่นั้น พรรคอื่นที่ไม่ได้อยู่ที่นี่ หรือ ส.ว.นั้น การโหวตให้พวกเรา ถือเป็นการรักษาระบบ ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยกับเรา แต่เป็นการประคับประคองระบอบประชาธิปไตยให้มากที่สุด เท่าที่เป็นไปได้ ยืนยันไม่ใช่เรื่องส่วนตัว แต่เป็นเรื่องของระบบ “ชลน่าน” โต้ พปชร.ยุบรวม พท.นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า กรณีพรรคพลังประชารัฐจะยุบพรรคมารวมกับพรรคเพื่อไทย เพื่อให้พรรคเพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาลนั้น ยืนยันว่าไม่เคยรับรู้ ขอปฏิเสธไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ เป็นไปไม่ได้ที่พรรคเพื่อไทยจะรวมกับพรรคพลังประชารัฐ เรายังยึดมั่นเจตนารมณ์หนุนนายพิธาเป็นนายกฯ ร่วมมือกับพรรคก้าวไกลจัดตั้งรัฐบาลให้ได้“วันนอร์” ขอโอกาสให้ “พิธา”นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ กล่าวว่า ขอแสดงความเห็นเกี่ยวกับการยึดอำนาจว่า วันนี้เมื่อ 9 ปีที่แล้ว นั่งอยู่ในห้องประชุมกองทัพบก ด้วยความเศร้าที่ต้องนั่งฟังคำประกาศยึดอำนาจจากนายกฯในปัจจุบัน คิดว่าคนไทย 70 กว่าล้านถูกไม่กี่คนประกาศยึดอำนาจง่ายๆ อย่างนี้หรือ ขอให้การกระทำเมื่อ 9 ปีที่แล้วเป็นครั้งสุดท้าย วันนี้ตนมาอยู่ที่ประชุมแห่งนี้เพื่อประกาศกระจายอำนาจให้ประชาชนแทนการยึดอำนาจจากประชาชนเหมือนเมื่อ 9 ปีที่แล้ว อยากวิงวอนทุกฝ่ายที่เห็นตรงหรือคิดต่างกัน ขอให้โอกาสนายพิธาทำงานให้ประชาชน คนที่มีความหวังไม่ใช่แค่คนหนุ่มสาว คนอายุเยอะก็อยากเห็นประเทศเปลี่ยนแปลง ใครมีอำนาจมีพลัง ขอให้ใช้พลังนั้นให้คนที่อยากทำงานให้ประชาชนได้ทำงานห่วงเนื้อหาเอ็มโอยูรัดคอก้าวไกลต่อมาเวลา 18.40 น. นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล โพสต์เฟซบุ๊กวิจารณ์เนื้อหาเอ็มโอยูว่า ไม่เห็นด้วย 2 ประเด็นคือ 1.การเพิ่มข้อความ “ต้องไม่กระทบกับรูปแบบรัฐและการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และการดำรงอยู่ในสถานะอันเป็นที่สักการะ ผู้ใดจะละเมิดมิได้ขององค์พระมหากษัตริย์” ข้อความเหล่านี้ปรากฏอยู่ในรัฐธรรมนูญปี 2560 อยู่แล้ว การบัญญัติข้อความนี้ซ้ำลงไปไม่ส่งผลใดๆในทางกฎหมายและในทางการเมือง ตรงกันข้าม การเขียนแบบนี้อาจเป็นบ่วงรัดคอทำให้ก้าวไกลประสบปัญหาการเสนอร่าง พ.ร.บ.แก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 เข้าสู่การพิจารณาของสภาฯได้ในอนาคต 2.การตัดเรื่องการผลักดันให้มีการนิรโทษ กรรมคดีเกี่ยวกับการแสดงออกทางการเมือง ผ่านกลไกรัฐสภาออกไป เพราะก้าวไกลมีพันธกิจสำคัญที่รับมายุติปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองที่พัวพันมาตั้งแต่รัฐประหารปี 2549 ผ่านเหตุการณ์ปี 2553 ผ่านรัฐประหารปี 2557 และการชุมนุมของราษฎรในปี 2563-2565“ธนกร” มองตั้งรัฐบาลไม่ง่ายที่ทำเนียบรัฐบาล นายธนกร วังบุญคงชนะ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวถึงการจัดตั้งรัฐบาลขณะนี้ว่า ดูเหมือนไม่ง่าย แต่ต้องให้เกียรติพรรคอันดับ 1 จัดตั้ง ยังมีเวลา อยากฝากเรื่องการชุมนุมกดดัน ส.ว. อย่าให้ถึงขั้นนั้น พรรคก้าวไกลน่าจะทำความเข้าใจกับเครือข่ายได้ ไม่ควรชุมนุมกดดัน หากบอกยอมรับระบอบประชาธิปไตยก็ไม่ควรทำ อย่าเคลื่อนไหว บ้านเมืองจะมีแต่ความขัดแย้ง จะไปขอเสียง ส.ว. แต่ไปชุมนุมกดดัน ทำให้การจัดตั้งรัฐบาลสะดุด อยากให้ตั้งรัฐบาลเร็วๆ จะได้แสดงฝีมือให้ประชาชนได้เห็น พวกเราพร้อมทำหน้าที่ฝ่ายค้านเข้มข้น ส่วน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม จะวางมือทางการเมืองหรือไม่ ยังไม่ทราบ อยู่ที่ พล.อ.ประยุทธ์ตัดสินใจ ถ้าประกาศวางมือ พรรครวมไทยสร้างชาติยังไปต่อได้ปชป.ปฏิเสธร่วมก้าวไกลทำงานนายราเมศ รัตนเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงกระแสข่าวกรณีพรรคประชาธิปัตย์จะร่วมรัฐบาลว่า ขณะนี้พรรคยังไม่มีการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อพิจารณาเรื่องนี้ กระแสข่าวเจรจาพูดคุยกับพรรคการเมืองต่างๆเพื่อร่วมรัฐบาลเป็นข่าวบิดเบือน ทำลายความน่าเชื่อถือพรรค การจะร่วมรัฐบาลหรือถอนตัวจากรัฐบาล ต้องให้ที่ประชุมร่วมคณะกรรมการบริหารพรรคและ ส.ส.ลงมติ ถ้าบอกมีใครไปเจรจา ประสานงานร่วมรัฐบาลเป็นข้อมูลเท็จ การมีสมาชิกพรรคให้ความเห็นการยกมือโหวตให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นนายกรัฐมนตรีนั้น เป็นความเห็นส่วนบุคคล รวมถึงข่าวที่พรรคประชาธิปัตย์จะจับมือพรรคเพื่อไทยก็ไม่เป็นความจริง ยืนยันจุดยืนพรรคประชาธิปัตย์คือ ไม่เห็นด้วยยกเลิกหรือแก้ไขมาตรา 112 หากพรรคก้าวไกลจะทำให้ประเทศไม่เหมือนเดิม เราไม่ก้าวล่วง แต่ ส.ส.ทั้ง 24 คนของพรรคจะติดตามการยกเลิกแก้ไขมาตรา 112 พรรคมีอุดมการณ์ชัดเจน จะไม่แก้ไข หรือยกเลิกน้อมรับชะตาตกที่นั่งฝ่ายค้านนายราเมศกล่าวว่า ขณะนี้เมื่อนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ลาออกจากหัวหน้าพรรค ต้องเลือกหัวหน้าพรรคใหม่ จะนัดประชุมกรรมการบริหารพรรค วันที่ 24 พ.ค. แม้เราแพ้เลือกตั้งแต่ไม่ได้หมายว่าต้องปิดพรรค อยู่มา 77 ปี มีศักดิ์ศรี นโยบายอาจไม่หวือหวา แต่ความยั่งยืนที่เกิดขึ้นเป็นคำตอบให้ประชาชนว่า ไม่สามารถหยุดการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองได้ แม้จะเหลือ ส.ส.24 คน แต่การผลักดันนโยบายและการออกกฎหมายต่างๆในสภา จะทำให้สมบูรณ์ที่สุด การทำงานร่วมกับพรรคฝ่ายค้านอื่นเป็นเรื่องอนาคต การทำหน้าที่ฝ่ายค้านไม่จำเป็นต้องรวมกลุ่มกัน พรรคที่เหลือจากการร่วมรัฐบาลต้องเป็นฝ่ายค้านอยู่แล้ว เตือนไม่ฉลาดใช้ม็อบกดดัน ส.ว.พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ส.ว.กล่าวถึงท่าทีการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีว่า การจะได้เสียงสนับสนุนเป็นนายกรัฐมนตรีนั้น มองว่า ส.ว.เป็นด่านสุดท้าย แต่เรื่องใหญ่จริงๆคือ การเจรจาระหว่างพรรค การเมือง ปัญหาส่วนใหญ่ที่ ส.ว.กังวลคือ เรื่องการแก้ไขมาตรา 112 ขณะนี้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ยังไม่พูดอะไรชัดเจนออกมา แต่แทนที่จะทำให้ชัดเจน กลับใช้วิธีกดดัน จะนำม็อบมาที่สภา วันที่ 23 พ.ค. กดดัน ส.ว.จะโหวตหรือไม่โหวต ดูแล้วไม่ฉลาด เป็นเรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง ถ้าจัดลำดับความสำคัญ เรื่องปากท้องประชาชนควรมาก่อน ยิ่งได้มาเห็นกระบวนการเตรียมอุปกรณ์ประท้วง ยิ่งทำให้เห็นถึงความต้องการที่แท้จริง ประเด็นที่กลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์จะมาชุมนุมกดดันในวันที่ 23 พ.ค.นั้น จะยิ่งทำให้การขอเสียงจาก ส.ว.ไม่สำเร็จ การใช้กำลังบังคับไม่เคยชนะ แม้ประเด็นแก้ไขมาตรา 112 จะไม่มีในเอ็มโอยูจัดตั้งรัฐบาลแล้ว แต่อยู่ที่ยังต้องการทำอะไร เพราะมีการบอกว่า สิ่งที่ไม่อยู่ในเอ็มโอยู ยังต้องทำต่อไป การที่จะโหวตให้นายพิธาหรือไม่ มีเงื่อนไขเดียวคือ การแก้ไขมาตรา 112 ต้องมีความชัดเจน ถ้าไม่แตะต้องสถาบัน ไม่มีนโยบายเหล่านี้เลย ก็มีโอกาสได้รับการโหวตตรึง คฝ. 450 นายคุ้มกันรัฐสภาผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาว่า ในส่วนการเตรียมรับมือกลุ่มผู้ชุมนุม กลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุมที่จะเดินทางมาชุมนุมที่หน้ารัฐสภา วันที่ 23 พ.ค. กดดันให้ ส.ว.โหวตเลือกนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นนายกรัฐมนตรีนั้น เมื่อช่วงเย็นวันที่ 22 พ.ค. พล.ต.ต.โชคชัย งามวงศ์ รอง ผบช.น. พ.ต.อ.วิทวัส เข่งคุ้ม ผกก.สน.บางโพ ร่วมหารือวางมาตรการรับมือกลุ่มผู้ชุมนุมที่จะเดินทางมารัฐสภา โดยเตรียมรั้วเหล็กเป็นแนวกั้นพื้นที่จำกัดการเคลื่อนไหวผู้ชุมนุมให้อยู่เฉพาะด้านหน้ารัฐสภา ไม่ให้รุกล้ำเข้าไปยังพื้นที่ด้านในรัฐสภา มีหน่วยควบคุม ฝูงชน 450 นาย ดูแลความเรียบร้อยไม่ให้ล้อมรถ ส.ว.ที่จะเดินทางมาประชุมที่รัฐสภาในวันดังกล่าวพล.ต.ต.โชคชัย งามวงศ์ รอง ผบช.น. กล่าวว่า การประเมินสถานการณ์ยังไม่พบข้อกังวลจะมีสถาน การณ์รุนแรง เชื่อว่าจะไม่มีความรุนแรง การสร้างสถานการณ์หรือทำอะไรไม่เรียบร้อยไม่เกิดผลดีกับใคร รทสช.ยันไม่เปลี่ยนตัว “บิ๊กตู่”อีกด้านหนึ่งที่พรรครวมไทยสร้างชาติ มีการประชุมคณะกรรมการบริหาพรรค ร่วมกับว่าที่ ส.ส. 36 คน เพื่อถอดบทเรียนหลังการเลือกตั้ง โดยนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมถึงกรณีการเปลี่ยนแปลงคณะกรรมการบริหารพรรคว่า ยืนยันว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ยังอยู่กับพรรค และหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรคยังเป็นคนเดิม ไม่เปลี่ยนแปลง ผู้สื่อข่าวถามว่ามีความเป็นไปได้หรือไม่ที่ พล.อ.ประยุทธ์จะถอยเพื่อให้พรรครวมไทยสร้างชาติได้ร่วมรัฐบาล นายเอกนัฏตอบว่า ไม่มีการคุยเรื่องนี้เลย การช่วงชิงจัดตั้งรัฐบาลไม่ใช่ภารกิจพรรค จุดยืนพรรคจะไม่ยกมือโหวตนายกฯ ที่มีเจตนาแก้ไขหรือยกเลิกมาตรา 112 ส่วนการตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยแข่งนั้น คิดกันไปเอง เป็นไปไม่ได้ เมื่อถามว่า หากอีกฝั่งจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้พร้อมจะเป็นไม้ 2 หรือไม่ นายเอกนัฏตอบว่า ไม่เห็นอนาคตจะมีไม้ 2 เชื่อว่าพรรคเพื่อไทยไม่เชิญพรรครวมไทยสร้างชาติแน่นอนปิดปากไม่พูดท่าที ส.ว.โหวตนายกฯต่อมาเวลา 16.30 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เดินทางมาที่พรรครวมไทยสร้างชาติเพื่อร่วมประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค มีแฟนคลับมารอสวมกอดให้กำลังใจ พร้อมร้องไห้ ขอให้ พล.อ. ประยุทธ์อดทนอย่าท้อ ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า อย่าไปอ่านโซเชียลมาก ทำให้ไม่สบายใจ โดยหนึ่งในแฟนคลับที่มาให้กำลังใจมี น.ส.จารุณี สุขสวัสดิ์ นักแสดงชื่อดังรวมอยู่ด้วย ทั้งนี้ เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถาม พล.อ.ประยุทธ์จะช่วยส่งสัญญาณชัดเจนแก่ ส.ว.ในการโหวตนายกฯหรือไม่ โดย พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า ไม่ใช่เรื่องของตน เป็นเรื่องกระบวนการกฎหมาย ว่ากันไป จะให้พูดอะไร คำถามบางคำถามไม่ควรมาถาม เมื่อถามว่า จะให้ ส.ว.โหวตเลือกนายกฯอย่างอิสระใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ตอบอย่างฉุนเฉียวว่า “ไม่ตอบอะไรทั้งนั้น จำไว้นะ ผมไม่ได้มีคำตอบอะไรทั้งสิ้นกับคำถามที่ถามกันมาในวันนี้” จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์เข้าลิฟต์เพื่อขึ้นประชุมที่ชั้น 5ลั่นรวมเป็นปึกแผ่นอย่าแตกแยกจากนั้นเวลา 17.00 น.นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ และนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค ประชุมร่วมกับว่าที่ ส.ส. โดยนายพีระพันธุ์กล่าวในที่ประชุมพรรคว่า การได้ ส.ส.36 คน ถือว่าประสบความสำเร็จ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ทำให้ความนิยมพรรคเพิ่มช่วง 3 เดือนหาเสียง มั่นใจว่าในอนาคตพรรครวมไทยสร้างชาติจะได้ ส.ส.มากกว่านี้ แต่ต้องสร้างความศรัทธาต่อประชาชนให้ต่อเนื่องแม้จะเป็นพรรคในเชิงอนุรักษ์ แต่ต้องปรับเปลี่ยนให้ทันยุคและเวลา แต่คงไว้ซึ่งความเป็นไทย เป็นแนวทางของพรรคต่อไป ขอให้ทุกคนรวมปึกแผ่น อย่าแตกแยกกัน ส่งกำลังใจลูกทีมต้องสู้ต่อต่อมาพรรครวมไทยสร้างชาติได้เผยแพร่สารพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ส่งถึงเพื่อนสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติว่า ขอบคุณทุกท่านที่ทุ่มเทหาเสียงเต็มที่ การหาเสียงเลือกตั้งครั้งนี้มีเวลาและทรัพยากรจำกัด แต่เราได้รับเสียงตอบรับจากประชาชนทั่วประเทศไม่น้อย อยากให้กำลังใจพวกเรา อย่าเพิ่งท้อถอย ขอให้มีกำลังใจ เดินหน้าเข้าหาประชาชนให้มากหลังเลือกตั้ง เพื่อขอบคุณที่ให้การสนับสนุน พร้อมขอคำแนะนำปรับปรุงการทำงาน เร่งสรุปบทเรียนและเตรียมความพร้อมเพื่อความสำเร็จในคราวถัดไป อย่าท้อ ขอให้มุ่งมั่นทำต่อ วิธีการแบบเดิมอาจได้ผลไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย ต้องพยายามหาวิธีใหม่ เพื่อเป้าหมายแห่งชัยชนะ ระหว่างนี้ขอให้ติดต่อประสานพรรค เชื่อมโยงกันไว้ เชื่อว่าผลลัพธ์จะดีขึ้น เชื่อว่าหากไม่ท้อถอยและทำงานด้วยความมุ่งมั่นต่อเนื่อง ชัยชนะจะรอเราอยู่ข้างหน้าแน่นอนลือ พปชร.สลายพรรครวม พท.ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคพลังประชารัฐถึงกระแสข่าว พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรค พปชร.จะประกาศวางมือทางการเมือง ลาออกจากหัวหน้าพรรค สละสิทธิ์การเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ และไม่ร่วมประชุมโหวตเลือกประธานสภา รวมถึงจะสลายพรรคพลังประชารัฐ เปิดทางให้ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐย้ายไปอยู่กับพรรคเพื่อไทย ในกรณีที่พรรคเพื่อไทยจะพลิกขั้วเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลนั้น ล่าสุดไม่มีแกนนำพรรคพลังประชารัฐคนใดให้สัมภาษณ์กรณีดังกล่าว แต่ พล.อ.ประวิตรมอบให้นายสันติ พร้อมพัฒน์ เลขาธิการพรรคชี้แจงกระแสข่าวดังกล่าว โดยให้แจ้งสื่อมวลชนเข้าร่วมสัมภาษณ์ประเด็น “ทิศทางการขับเคลื่อนพรรคพลังประชารัฐ หลังการเลือกตั้งภายใต้การนำของ พล.อ.ประวิตร” โดยนายสันติ และนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรค พปชร.จะเป็นผู้แถลงในวันที่ 23 พ.ค. เวลา 13.00 น. ที่พรรคพลังประชารัฐ แต่ต่อมาได้สั่งยกเลิกไปได้แต้มน้อยไม่ยุ่งตั้งรัฐบาลจากนั้นเวลา 19.30 น. ภายหลังประชุม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ว่า ให้กำลังใจว่าที่ ส.ส.ขอให้ทำหน้าที่ให้ดีที่สุด อะไรจะเกิดขึ้นให้เป็นเรื่องอนาคต หลายอย่างอยู่ในขั้นตอนของเขา ไม่อยากจะตอบอะไร ไม่ขอวิจารณ์การจับขั้วรัฐบาล เพราะเราได้คะแนนเสียงไม่มาก เมื่อถามว่าโผ ครม.ใหม่ที่หลุดออกมาบนหน้าสื่อ คิดว่าหน้าตาเป็นอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า ไม่รู้เหมือนกัน จะยอมรับกันได้หรือเปล่าก็ไม่รู้ เมื่อถามว่า การที่ พล.อ.ประยุทธ์บอกว่าไปต่อ หมายถึงจะสู้ใช่ไหม เพราะยังไม่ได้ประกาศวางมือ พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า ยังไม่พูดอะไรทั้งนั้น ยังอยู่ในขั้นตอนของเขา ต้องเคารพกระบวนการ จะไม่ยุ่งอะไรตอนนี้ เป็นเรื่องทางการเมือง ยังมีอีกหลายขั้นตอน เรามีคะแนนเสียงไม่ได้มากมาย จะไม่ไปยุ่งกับเขา ให้เป็นเรื่องของเขาจัดตั้งรัฐบาล ทำให้บ้านเมืองสงบแล้วกัน เรารักษาอุดมการณ์ของเรา รักษาสถาบันให้ได้ต่อไป เมื่อถามว่า ตอนนี้หุ้นตกตลอด พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า เป็นเรื่องของประชาชนเลือกกันมา ความเชื่อมั่นจะเป็นอย่างไรต้องดูกันต่อไป ยังไม่จบหรอก เมื่อถามว่า พล.อ.ประยุทธ์ยังต้องเหนื่อยต่อใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า ต้องทำตามหน้าที่ เมื่อถามว่า ครบรอบ 9 ปีรัฐประหาร พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า เขาลืมกันไปแล้ว เมื่อถามอีกว่า จะไม่มีอีกแล้วใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า 9 ปีแล้ว เขาลืมไปแล้วปูดแผนไล่ ก.ก.-รทสช.นั่งฝ่ายค้านนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ กล่าวว่า การเดินทางไปตั้งรัฐบาลที่ฮ่องกง ไม่ได้ไปไหว้พระ ไปกินอาหาร แต่ไปคุยกัน สูตร 280 เสียง ถ้าเขาร่วมมือจับมือกันได้ทุกอย่างก็สมบูรณ์ ขณะนี้มีแผนสองอยู่ ยังไม่ยอมแพ้ ขณะนี้พรรคเพื่อไทยจิบน้ำชาอยู่บนภูดูอยู่ เพราะว่าแคนดิเดตนายกฯคนเดียว เดิมพันด้วยหุ้นสื่อ เมื่อคืนได้รับสัญญาณเรื่องแผนสองมา ใครไม่เชื่อไม่เป็นไร สูตร 280 เสียงนี้ ให้พรรคก้าวไกลและรวมไทยสร้างชาติไปเป็นฝ่ายค้าน เพราะพรรคก้าวไกลมีแคนดิเดตนายกฯ คนเดียว เรื่องหุ้นสื่อจะเอามาตีกันใช่หรือไม่ จึงนัดไปคุยที่ฮ่องกง ถ้าทำอย่างนั้น ก็สามารถกลับบ้านเลี้ยงหลานได้ ทำไมคนไปฮ่องกง ทำไมหนูกับแมลงสาบไปด้วยกัน มีดีลว่าจะกลับบ้าน แล้วทำไมต้องมาตีเรื่องหุ้นสื่ออันนี้เป็นเบื้องหลัง ถ้าพรรคกัญชาเข้าร่วมรัฐบาล หัวเด็ดตีนขาดตนไม่ยอม “ลุงศักดิ์” ปักหลักรอ “ศรีสุวรรณ”ส่วนความเคลื่อนไหวที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายวีรวิชญ์ รุ่งเรืองศิริผล หรือ “ลุงศักดิ์” ที่เคยบุกชกนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย พร้อมนายภัทรพงศ์ ศุภักษร ทนายความ เดินทางมายื่นคัดค้านกรณีนายศรีสุวรรณร้องเรียนเกี่ยวกับการเลือกตั้ง ส.ส.ต่อ กกต. โดยนายวีรวิชญ์ถามหานายศรีสุวรรณว่า จะมาที่ กกต.ในวันที่ 22 พ.ค.หรือไม่ เพราะอยากเจอ ชอบ หน้ากากอนามัยรูปยักษ์ของนายศรีสุวรรณ จึงเตรียมหน้ากากอนามัยรูปหนุมานมาใส่ อยากให้ประชาธิปไตย เดินหน้า การร้องเรียนการเลือกตั้ง การยุบพรรคก้าวไกล เป็นการขัดขวางประชาธิปไตย ขอให้ ส.ว.และ กกต. ยึดหลักประชามติเสียงข้างมากให้ประเทศเดินสู่ประชาธิปไตย ใครมายื่นร้องเรียนจะยื่นคัดค้านนายภัทรพงศ์ ศุภักษร ทนายความ กล่าวว่า มายื่นคัดค้านต่อ กกต.ให้พิจารณากรณีการร้องเรียนของนายศรีสุวรรณด้วยความรอบคอบ ปราศจากการแทรกแซง เพราะเป็นการร้องไร้สาระ ทำให้เกิดความแตกแยก ไม่อยากเห็นลุงศักดิ์คนที่ 2 คนที่ 3 การ์ดล้อมแน่น “พี่ศรี” ยื่น กกต.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่นายวีรวิชญ์รอนายศรีสุวรรณอยู่นั้น นายธิติ ชัยนาม ประธานโครงการสี่เสาหลัก เดินทางมาให้กำลังใจนายศรีสุวรรณ ระบุว่า ทุกคนมีสิทธิเสรีภาพแสดงความคิดเห็น ไม่ควรถูกละเมิด การคัดค้านความเห็นนายศรีสุวรรณมองว่า ปากอ้างหลักการประชาธิปไตย แต่นิสัยเป็นเผด็จการ ในอนาคตจะดูว่า มีความเคลื่อนไหวเป็นภัยต่อความมั่นคง การละเมิดมาตรา 112 ใช้มวลชนกดดันสถาบันหรือไม่ หากมีการกดดันมากๆ ก็พร้อมออกมาเคลื่อนไหวต่อมาเวลา 13.00 น. นายศรีสุวรรณเดินทางมายื่นเรื่องให้ กกต.ตรวจสอบนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นายปิยบุตร แสงกนกกุล และ น.ส.พรรณิการ์ วานิช ผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล กรณีคนนอกครอบงำ ชี้นำพรรค มีการ์ดอารักขาแน่นหนา ป้องกันคนบุกทำร้ายซ้ำรอย และเลื่อนเวลานัดยื่นเรื่องจากเวลา 10.00 น. เป็น 13.00 น. นายศรีสุวรรณกล่าวว่า หลังพรรคอนาคตใหม่ถูกยุบ แต่บุคคลทั้งสามยังเคลื่อนไหว ตั้งคณะก้าวหน้า มูลนิธิก้าวหน้า มีที่ตั้ง เดียวกับพรรคก้าวไกล และเคลื่อนไหวผลักดันการกระจายอำนาจ ใช้วิธีเลี่ยงกฎหมายเป็นผู้ช่วยหาเสียงให้พรรคก้าวไกล ล่าสุดร่วมวงจัดตั้งรัฐบาลด้วย เข้าข่ายชี้นำครอบงำกิจกรรมพรรค ศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคได้ แม้จะถูกทำร้ายมา 2 รอบ แต่ไม่กลัว ถ้ากลัวไม่มายืนตรงนี้ ไม่มีใครหยุดนายศรีสุวรรณได้กกต.ชลบุรีแจ้งจับ 2 หญิงลึกลับน.ส.วิชชุดา เมฆาวงศ์ ผอ.กกต.ชลบุรี กล่าวถึง ปัญหานับคะแนนและบัตรเลือกตั้งเขต 10 จ.ชลบุรีที่มีคลิปผู้หญิง 2 คน เดินถือถุงบัตรเลือกตั้งสีเขียว และสีม่วง วางไว้ในกองขยะว่า เป็นเหตุเกิดขึ้นวันที่ 20 พ.ค. มีกลุ่มบุคคลบุกเข้ามาในสถานที่เก็บรักษาบัตรและอุปกรณ์ ที่ศาลาประชาคม อ.สัตหีบ ขณะเจ้าหน้าที่เขต 10 นำบัตรเหลือจากการลงคะแนนเขต 10 จำนวน 151 หน่วย มากองรวมไว้ที่ห้องโถงของอาคาร เพื่อคัดแยกไปเก็บที่สำนักงาน กกต.ชลบุรี ระหว่างนั้นมีหญิงผู้ก่อเหตุ 2 คน หยิบฉวยถุงบรรจุบัตรเลือกตั้งเขตและบัญชีรายชื่อ อย่างละ 1 ถุง ออกไปแสดงแก่คนที่รออยู่นอกอาคาร กล่าวเท็จว่า พบบัตร 2 ถุง ทิ้งอยู่ในกองขยะ แต่ตรวจสอบแล้วไม่มีกองขยะใดๆแต่เป็นกองวัสดุอุปกรณ์ ถุงต้นขั้วบัตรเลือกตั้ง และบัตรเหลือที่ถูกทำลายด้วยการเจาะรูและร้อยเชือกแล้วทั้งสิ้น กกต.จะให้นายเท่ง บัวหอม ปลัดเทศบาลตำบลบางเสร่ ประธาน กกต.เขต 10 แจ้งความ สภ.สัตหีบ เอาผิดหญิง 2 คน ที่สร้างข้อมูลเท็จในโซเชียล ขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่เจ้าหน้าที่ หมิ่นประมาทในการโฆษณา ผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์เปิดเซฟ “กนกวรรณ” ทะลุพันล้านวันเดียวกัน ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีการเปิดเผยบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง กรณีการพ้นวาระดำรงตำแหน่ง มีบัญชีทรัพย์สินที่น่าสนใจ อาทิ นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ กรณีพ้นตำแหน่ง รมช.ศึกษาธิการ วันที่ 26 ส.ค.2565 แจ้งว่ามีทรัพย์สินรวมทั้งหมด 1,288, 314,530 บาท เป็นทรัพย์สินนางกนกวรรณ 1,202,530 บาท ทรัพย์สินนายปกรณ์ ศรีจันทณ์งาม คู่สมรส 86,243, 841 บาท ทรัพย์สินส่วนใหญ่เป็นที่ดิน 284 แปลง ส่วนใหญ่อยู่ที่ จ.ปราจีนบุรี และบางส่วนอยู่ที่ จ.สระบุรี ฉะเชิงเทรา รวมมูลค่ากว่า 1,220 ล้านบาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 5 หลัง รวม 32 ล้านบาท โดยมีหนี้สินรวม 53,340,285 บาท“สายัณห์” จนเว่อร์มี 1,216 บาทขณะที่บัญชีทรัพย์สินที่น่าสนใจอื่นๆ อาทิ นายชำนิ ศักดิเศรษฐ พ้นตำแหน่ง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ วันที่ 20 มี.ค.2566 มีทรัพย์สิน 22,144,475 บาท นายดำรงค์ พิเดช พ้นตำแหน่ง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย วันที่ 20 มี.ค.2566 มีทรัพย์สิน 14,357,159 บาท ขณะที่ นายสายัณห์ ยุติธรรม พ้นตำแหน่ง ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคพลังประชารัฐ เมื่อวันที่ 24 ก.พ.2566 มีทรัพย์สินติดตัวเพียงแค่เงินฝากในบัญชีธนาคาร 1,216 บาทเท่านั้น และยังมีหนี้สินอีก 8 แสนบาท จากการกู้ยืมเพื่อนหลายคน เพื่อนำมาเป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัว