โลกจะได้เห็นพระราชาแบบไหนในรัชสมัยของกษัตริย์ชาร์ลส์ที่สาม? เป็นคำถามที่ผุดขึ้นในขณะที่ผู้คนทั่วสหราชอาณาจักรและทั่วโลกกำลังเฝ้ารอชมพระราชพิธีบรมราชาภิเษกของ “สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่สาม” ซึ่งจัดขึ้นภายในมหาวิหารเวสต์มินสเตอร์ กรุงลอนดอน วันเสาร์ที่ 6 พ.ค.นี้“กษัตริย์ชาร์ลส์ที่สาม” ทรงรู้พระองค์แต่แรกแล้วว่าจะต้องปรับเปลี่ยนท่าทีหลังขึ้นครองราชย์ เพราะคงไม่เหมาะที่จะทรงเป็นตัวของตัวเองและออกมาแสดงความคิดเห็นอย่างเปิดเผยในประเด็นสาธารณะต่างๆ รวมถึงการทำตัวเป็นนักเคลื่อนไหวทางการเมือง ซึ่งขัดกับบทบาทใหม่ในฐานะพระมหากษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญ“เราไม่ได้โง่ขนาดนั้น เรารู้ดีว่าการเป็นกษัตริย์มีบทบาทที่แตกต่างออกไป ใครที่คิดว่ายังไงเสียเราก็คงทำตัวเหมือนเดิม ช่างเหลวไหลสิ้นดี”...“กษัตริย์ชาร์ลส์ที่สาม” พระราชทานสัมภาษณ์แก่สำนักข่าวบีบีซี เมื่อปี 2018 ขณะที่ยังทรงเป็นมกุฎราชกุมารภายใต้ยุคสมัยของกษัตริย์องค์ใหม่ที่โลกไม่ได้หมุนรอบบักกิงแฮม หากปรารถนาจะให้สถาบันมั่นคงแข็งแกร่งปลอดภัยจากการถูกดิสรัปชัน การปฏิรูปสถาบันขนานใหญ่เพื่อให้มีความทันสมัย กระชับฉับไว และโปร่งใส ใช้งบน้อย คนน้อย แต่มีประสิทธิภาพขึ้น คงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เช่นเดียวกับองค์กรธุรกิจยุคใหม่ที่ต้องเร่งปรับตัวเพื่อความอยู่รอดไม่น่าแปลกใจที่ภารกิจแรกหลังเสด็จขึ้นครองราชย์คือ การจัดระเบียบราชการและการบริหารงานบุคคลของราชการในพระองค์ใหม่หมด มีการแจ้งเตือนเพื่อปลดข้าราชบริพารนับร้อยคนที่สังกัดอยู่ในพระตำหนักคลาเรนส์ เฮาส์ เนื่องจาก “กษัตริย์ชาร์ลส์ที่สาม” และ “สมเด็จพระราชินีคามิลลา” ย้ายไปประทับอย่างเป็นทางการที่พระราชวังบักกิงแฮม ซึ่งเป็นศูนย์กลางการบริหารของสถาบันกษัตริย์ งานนี้โดนหางเลขหมดตั้งแต่กรมราชเลขานุการในพระองค์ ซึ่งมีข้าราชบริพารอยู่ในสังกัด 31 คน, กรมกิจการในพระองค์ 12 คน, กรมมหาดเล็ก 28 คน และกรมสนับสนุนในด้านต่างๆ ตลอดจนพ่อครัว 4 คน, พ่อบ้าน 5 คน และบัตเลอร์อีก 2 คน ทั้งนี้ สมัยที่ควีนเอลิซาเบธที่สองยังมีพระชนม์ชีพอยู่ ทรงมีข้าราชบริพารในสังกัดมากถึง 491 คน ขณะที่พระตำหนักคลาเรนส์ เฮาส์ มีข้าราชบริพารประจำอยู่ 101 คน ถือเป็นการปฏิรูปวังครั้งใหญ่ให้กะทัดรัด ไม่อุ้ยอ้ายเช่นเดียวกับการสั่งตัดลดจำนวนพระราชวงศ์ที่ทรงงานอย่างเป็นทางการ เพื่อให้รัฐบาลถวายความดูแลเรื่องงบประมาณให้เหลือแต่ผู้มีความสำคัญต่อการสืบสันตติวงศ์เท่านั้น อันเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามที่จะรัดเข็มขัดและปฏิรูปราชวงศ์ขนานใหญ่ โดย “เจ้าชายแอนดรูว์” คือหนึ่งในพระราชวงศ์ชั้นสูงที่โดนตัดเงินอุดหนุนประจำปีมากที่สุด เนื่องจากเป็นจุดอ่อน บั่นทอนเสถียรภาพของสถาบันไม่เพียงเท่านี้ “สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่สาม” ทรงเสนอให้ลดการถวายเงินปีส่วนพระมหากษัตริย์ที่ถวายแก่ราชวงศ์ เพื่อนำไปช่วยผ่อนคลายวิกฤติค่าครองชีพของประชาชน เนื่องจากผลการดำเนินงานของโครงการกังหันลมผลิตไฟฟ้านอกชายฝั่ง 6 แห่ง ที่ลงทุนโดยสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ มีกำไรเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด ทรงเสนอให้แบ่งเงินกำไรที่เพิ่มขึ้นส่วนหนึ่งมอบให้กระทรวงการคลังนำไปใช้จ่ายเพื่อประโยชน์ของประชาชนแทนการส่งเงินเข้าสู่พระคลังของราชวงศ์แม้จะมีพระอุปนิสัยขี้อายและเคร่งขรึมจริงจัง แฝงด้วยความใจร้อน แต่ในช่วงหลายปีมานี้ “กษัตริย์ชาร์ลส์ที่สาม” ทรงปรับเปลี่ยนบุคลิกใหม่ให้ดูผ่อนคลายเป็นกันเองมากขึ้น แต่ยังคงกระฉับกระเฉงในการทรงงาน ทุ่มเทมาอย่างต่อเนื่องให้กับการรณรงค์ด้านสิ่งแวดล้อมและการปกป้องมรดกทางวัฒนธรรมพื้นถิ่น เรียกว่าทรงแอ็กทีฟมากทั้งๆที่พระชนมพรรษาล่วงเลยวัยเกษียณอายุมาไกลแล้ว.มิสแซฟไฟร์