เมื่อวันที่ 18 เมษายน ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 15.00 น. เศษๆ มีข่าวเผยแพร่ในสื่อสังคมออนไลน์ ว่า ดร.อำนวย วีรวรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และอดีตรัฐมนตรีกระทรวงการคลัง ได้ถึงแก่อนิจกรรมแล้ว ด้วยโรคปอดอักเสบ ติดเชื้อ สิริอายุ 90 ปีต่อมาสำนักข่าวออนไลน์ทุกสำนักรวมถึงหนังสือพิมพ์ทุกฉบับ ในเช้าวันรุ่งขึ้นต่างก็นำเสนอข่าว การถึงแก่อนิจกรรมของท่าน เป็นข่าวหน้า 1 บ้าง หน้าในบ้างในฐานะที่ ดร.อำนวย วีรวรรณ เป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง และเคยดำรงตำแหน่งสำคัญๆของประเทศ ไม่เฉพาะทางด้านการเมืองเท่านั้น แม้ในด้านการรับราชการ และการประกอบธุรกิจ โดยเฉพาะการบริหารงานด้านเอกชน ท่านก็ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งเช่นกันผมเองโดยส่วนตัวได้ยินชื่อเสียงและเริ่มติดตามการรับราชการของท่านมาตั้งแต่ผมเรียนปี 3 ปี 4 อยู่ที่คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์ ประมาณ พ.ศ.2505-2506ช่วงนั้นยังเป็นยุคของ จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เป็นนายกรัฐมนตรี และได้รับการยอมรับจากประชาชนว่า มีความสามารถในการบริหารงานและตัดสินใจเด็ดขาด ที่สำคัญท่านจะเชื้อเชิญคนเก่งทางด้านต่างๆ รวมทั้งด้านเศรษฐกิจด้วยมาร่วมงานกับท่านจำนวนมากเช่น ม.ล.เดช สนิทวงศ์, สุนทร หงส์ลดารมย์, ฉลอง ปึงตระกูล รวมถึงสุดยอดนักเศรษฐศาสตร์ของยุคนั้น ดร.ป๋วย อึ๊งภากรณ์ เป็นต้นอยู่มาวันหนึ่งก็ปรากฏชื่อ นักเศรษฐศาสตร์หนุ่มที่เพิ่งจบปริญญาเอกหมาดๆ จากสหรัฐอเมริกา ดร.อำนวย วีรวรรณ ขึ้นในข่าวซุบซิบของสื่อมวลชนยุคนั้นว่า จอมพลสฤษดิ์ได้เชื้อเชิญไปร่วมงานด้วย ในตำแหน่ง “ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี”ข้อมูลที่บันทึกไว้ใน วิกิพีเดีย ระบุว่าท่านเคยเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีในยุค จอมพลถนอม กิตติขจร ซึ่งในข้อเท็จจริงอาจจะเป็นในภายหลังก็ได้แต่เท่าที่ผมจำได้ท่านเป็นที่ปรึกษาเศรษฐกิจของ จอมพลสฤษดิ์ มาก่อนต่อมาเมื่อมีการก่อตั้ง กระทรวงพัฒนาการแห่งชาติ ซึ่งรวมหน่วยปฏิบัติในการพัฒนาประเทศหลายๆด้านมาไว้ด้วยกัน เช่น กรมชลประทาน, กรมทางหลวง, กรมทรัพยากรธรณี, สำนักงานพลังงานแห่งชาติ ฯลฯ ขึ้นเมื่อต้นๆปี 2506 ดร.อำนวยได้รับการแต่งตั้งจากรัฐบาลให้ไปดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักวิชาการและวางแผนของกระทรวงดังกล่าวหลังจากนั้นผมก็เดินทางไปศึกษาต่อที่ต่างประเทศทำให้ขาดการติดตามข่าวคราวความเคลื่อนไหวของบุคคลที่ผมสนใจรวมทั้งท่าน ดร.อำนวยด้วยไปโดยปริยายจึงไม่ทราบรายละเอียดในช่วงที่ท่านโอนไปรับราชการที่กระทรวงการคลังจนได้รับตำแหน่งสูงสุดคือปลัดกระทรวงการคลัง เมื่ออายุเพียง 43 ปีเท่านั้น และดำรงตำแหน่งอยู่ถึง 2 ปีน่าเสียดายที่การบันทึกประวัติของท่านโดย วิกิพีเดีย ค่อนข้างกระท่อนกระแท่นและไม่ปะติดปะต่อทำให้ไม่สามารถจัดลำดับและช่วงเวลาการทำงานอีกหลายๆชิ้นของท่านได้อย่างชัดเจนและครบถ้วนชีวิตทางการเมืองของท่านเริ่มด้วยการเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในยุค “ป๋าเปรม” อยู่ 1 ปี เมื่อ พ.ศ. 2523-2524 จากนั้นอีก 15 ปีให้หลังเมื่อเกษียณอายุราชการแล้วจึงได้ออกมาตั้งพรรคการเมืองและลงสมัครรับการเลือกตั้งที่จังหวัดขอนแก่นได้กลับมาเป็นรัฐมนตรีอีก 2 กระทรวง คือกระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงการคลัง โดยเฉพาะกระทรวงการคลังท่านเป็นในยุคของ พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ เป็นนายกรัฐมนตรี และเกิดวิกฤติ “ต้มยำกุ้ง” พอดี จึงเป็นด้วยระยะเวลาประมาณ 8 เดือนเศษเท่านั้นแม้การบันทึกดังกล่าวจะไม่ครบถ้วนแต่ก็แสดงให้เห็นว่าตลอดชีวิตของท่านได้ทุ่มเทให้แก่การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศทั้งในแง่ของวางแผนและการปฏิบัติจริงในกระทรวงต่างๆมาตั้งแต่แผนฉบับที่ 1 พ.ศ.2504-2509 จนถึงแผนฉบับที่ 7 พ.ศ.2535-2539 เป็นอย่างน้อยมีส่วนอย่างยิ่งในความสำเร็จและการพัฒนาประเทศไทยที่ก้าวจากประเทศกำลังพัฒนาหรือด้อยพัฒนามาเป็นประเทศรายได้ปานกลางขั้นสูง ณ ปัจจุบันในฐานะนักเรียนเศรษฐศาสตร์คนหนึ่งและมีโอกาสได้ติดตามความก้าวหน้าของประเทศไทยอย่างใกล้ชิดๆอยู่ระยะหนึ่ง ผมขอขอบพระคุณท่านเป็นอย่างสูง ณ ที่นี้ขอดวงวิญญาณของท่านจงประสบแต่ความสุข ความสงบ ณ สัมปรายภพตราบกาลนิรันดร์.“ซูม”