ผมยังจำเบอร์พรรคเสรีรวมไทยไม่ได้ เดินริมถนนพหลโยธิน หน้าสวนจตุจักร เจอป้ายโฆษณา “เอก เบอร์ 4” ปราบโกง 4 คือ เบอร์ปาร์ตี้ลิสต์ ปราบโกง คือยี่ห้อ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคแต่ก็ยังสับสน ป้ายโฆษณาใบนี้ บอกแค่ “หลักสี่” นี่ไม่ใช่เขตที่เราอยู่ เคราะห์ดี ป้ายโฆษณาอีกพรรค ย้ำ “จตุจักร หลักสี่” ก็พอรู้บ้าง แขวงจอมพล เขตจตุจักรที่ผมอยู่ ถูกรวบเข้าไปรวมกับเขาหัวข้อ การโฆษณา ในหนังสือ โอโช เล่ม ตื่น-รู้-แจ้ง (สำนักพิมพ์แสงดาว พ.ศ.2566) โอโช อธิบายไว้ดังนี้นักโฆษณาเชื่อในศาสตร์แห่งการย้ำซ้ำๆ เขาเพียงแต่บอกซ้ำไปเรื่อยๆ ว่าบุหรี่ยี่ห้อนี้ดีที่สุดเมื่ออ่านครั้งแรกเราอาจไม่เชื่อแต่ครั้งต่อๆไป ครั้งแล้วครั้งเล่า เราจะยังคงเป็นผู้ที่ไม่เชื่อ อยู่ได้นานแค่ไหน ความเชื่อจะค่อยๆเกิดขึ้นทีละน้อย และความเชื่อจะมีมาก จนเราอาจไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ มันจะเป็นสิ่งที่ซ่อนเร้นที่อยู่ใต้จิตสำนึกเท่านั้นฉับพลันวันหนึ่ง เมื่อเราไปร้านค้า แล้วคนขายถามถึงบุหรี่ยี่ห้อที่เราต้องการ เราจะพูดถึงบางยี่ห้อที่อยู่ในใจออกมา นั่นคือการย้ำซ้ำๆ ทำงานได้ผล มันสะกดจิตเรานั่นคือลักษณะที่ศาสนาต่างๆ รวมถึงนักการเมืองทั้งหมด มีบทบาทอยู่ในโลกการโฆษณาบอกซ้ำซากต่อสาธารณชนโดยไม่ต้องใส่ใจว่า จะมีใครเชื่อหรือไม่ เพราะนั่น ไม่ใช่ประเด็นสำคัญฮิตเลอร์กล่าวว่า มีความแตกต่างเพียงอย่างเดียว ระหว่างความจริงกับเรื่องโกหก นั่นคือ ความจริงคือเรื่องโกหกที่พูดซ้ำซาก ให้ฟังบ่อยมากแล้วคนเราสามารถเชื่อเรื่องโกหกใดๆก็ได้ การถูกหลอกง่ายของมนุษย์นั้นไร้ขอบเขตคนเราอาจเชื่อ เรื่องนรก สวรรค์ เทวดา นางฟ้า ภูตผีปีศาจ และเชื่ออะไรได้ทุกอย่าง แค่พูดซ้ำๆไปเรื่อยๆแล้วไม่จำเป็นต้องอ้างเหตุผล การโฆษณาเพียงแค่โน้มน้าวโดยไม่เคยอ้างเหตุผลผู้ที่อ้างเหตุผล อาจไม่สามารถทำให้เราเชื่อได้ แต่คนที่ชักจูงซึ่งแค่พูดแนะนำอย่างนุ่มนวลอ่อนโยน ไม่ใช่การอ้างเหตุผลตรงๆ เพราะเมื่อใครก็ตามที่อ้างเหตุผลกับเรา เราอาจเริ่มต่อต้านแต่ถ้าใครก็ตาม แค่พูดเป็นนัยถึงสิ่งบางอย่างไปเรื่อยๆ โดยไม่ได้บอกตรงๆ แค่การสมมติ เราก็มีแนวโน้มที่จะเชื่อมากกว่าเป็นไง! หลักคิดเรื่องโฆษณาของโอโช...ผมอ่านแล้วเลื่อมใส ลองใช้เปรียบเทียบทบทวนการเมืองไทยระหว่างโฆษณา แจกเงินดิจิทัลคนละหมื่นให้คน 16 ปีขึ้นไป ของคุณเศรษฐา ทวีสิน ว่าที่นายกฯพรรคเพื่อไทย กับการแจกเป็นรายเดือน แต่รวมแล้วปีหนึ่งกว่าหมื่น ของพลเอกประยุทธ์ รักษาการนายกฯพรรครวมไทยสร้างชาติที่จริงก็แจกและแจกเหมือนกัน แต่ต่างกันบ้างตรงวิธี...และระยะเวลา และเป้าหมายแต่ปัญหาสำคัญอยู่ที่ชาวบ้าน จะรับรู้ว่า พรรคใดแจกให้มากกว่า และถูกใจพรรคไหนมากกว่า ประเด็นนี้คิดตามหลักโอโช...ไม่ได้อยู่ที่จริงเท็จ หรือเหตุผล แต่อยู่ที่ใครพูดกรอกหูซ้ำซากมากกว่าเพราะผมก็เชื่อหลักคิดนี้ล่ะครับ...เมื่อหันไปทางไหน เจอแต่การหาเสียงด้วยการแจก การให้ ตอนหาเสียงก็แจกเป็นค่าใช้จ่าย ค่าป้าย ค่ารถ ค่าเวที ค่าแรงคนมาฟัง ฯลฯ เงินสะพัดรอบหนึ่งแม้ชนะเลือกตั้งแล้วก็ยังตามไปให้ต่อ ถือว่าเงินสะพัดอีกรอบหนึ่งเรื่องเงินๆๆ และเงิน ที่แจกกระเจิงกระจาย...ข้อห่วงใยเรื่อง “ร่วงหล่น” คงจะมาก ผมจึงอยากให้มีนักการเมืองแบบพรรคเสรีรวมไทย ของคุณเสรี เข้าไปนั่งช่วยปราบโกงผมแน่ใจ ถึงเวลาเลือกตั้งคงจะจำเบอร์พรรค จำเบอร์ผู้สมัครปาร์ตี้ลิสต์ พรรคนี้ได้ กติกาเขาห้ามจดใส่ฝ่ามือ หรือจดลงกระดาษตอนเข้าคูหานี่นา!กิเลน ประลองเชิง