การทำการตลาดที่ดี จำเป็นต้องมี “คีย์เวิร์ด” ที่สามารถย้ำได้บ่อยๆจนติดหู จำง่าย และสื่อความหมายได้อย่างชัดเจนการเมืองก็นำคอนเซปต์การตลาดมาใช้เช่นกัน ดูจากคำพูดของผู้นำตะวันตกหลายยุคหลายสมัย ที่จะมีประโยคเด็ดเตรียมไว้เสมอ เวลาจะย้ำถึงเรื่องใดเรื่องหนึ่งที่สำคัญ อย่างยุคสงครามเย็นที่ใช้คำว่า “จักรวรรดิอันชั่วร้าย” (Evil Empire) เพื่อตีตราคอมมิวนิสต์ “สหภาพโซเวียต”ฉันใดฉันนั้นกับยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 โลกถูกแบ่งเป็นสองขั้วอำนาจ ฝ่ายหนึ่งคือกลุ่ม “สัมพันธมิตร” (Allies) ประกอบด้วยชาติแกนนำหลักคืออังกฤษ ฝรั่งเศส สหรัฐฯ สหภาพโซเวียต และจีน อีกฝ่ายหนึ่งคือกลุ่ม “อักษะ” (Axis) ประกอบด้วยนาซีเยอรมนี อิตาลี และจักรวรรดิญี่ปุ่นในความเป็นจริงแล้ว ทั้งสองขั้วอำนาจก็ต่างเป็นกลุ่ม “พันธมิตร” เหมือนกัน ฝ่ายเยอรมนี-อิตาลี-ญี่ปุ่น ก็เรียกความร่วมมือ 3 ฝ่ายว่าสนธิสัญญาไตรภาคี เพียงแต่การใช้ชื่อแตกต่างกันนั้น มาจากการที่ตะวันตก “ตีตรา” อีกฝ่ายให้เป็นอักษะ ซึ่งเป็นคำที่ทำให้รู้สึกว่า ไม่ใช่พระเอกอย่างแน่นอนคำว่าอักษะ หมายถึง แกนหรือแท่งที่มีวัตถุหมุนรอบ ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 จะอุบัติขึ้น คนที่ใช้คำว่าอักษะคนแรกคือผู้นำเผด็จการเบนิโต มุสโซลินี เรียกความเป็นพันธมิตรระหว่างอิตาลี-เยอรมนี ว่า อักษะโรม-เบอร์ลิน ที่จะมีอิตาลีและเยอรมนีเป็นแกน โดยที่ชาติยุโรปอื่นๆจะหมุนอยู่รอบๆ แต่ก็จบแค่นั้น ไม่ได้ใช้ต่อชาติตะวันตกให้เหตุผลการเรียกขั้วอำนาจ นาซีเยอรมนี-อิตาลี-ญี่ปุ่นว่า “อักษะ” นั้น มาจากลักษณะของความสัมพันธ์ 3 ชาติ ที่แทบไม่ได้มีการประชุม ประสานงานติดต่ออะไรกันอย่างเห็นได้ชัด ต่างคนต่างแผ่ขยายอำนาจของตัวเองด้วยกำลังทางทหารของตัวเอง ต่างกับกลุ่มสัมพันธมิตรที่มีความร่วมมือกันอย่างใกล้ชิด มีความสัมพันธ์กันมายาวนาน ทั้งยังส่งทหารเข้าร่วมรบในสมรภูมิเดียวกัน ในปี 2545 จอร์จ ดับเบิลยู บุช ประธานาธิบดีสหรัฐฯ หยิบยกคำว่าอักษะมาใช้อีกครั้ง โดยกล่าวถึง “อักษะแห่งความชั่วร้าย” ประกอบด้วยอิหร่าน อิรัก และเกาหลีเหนือ เพื่อสร้างความชอบธรรมแก่นโยบาย “สงครามต่อต้านก่อการร้าย” และการรุกรานอิรักเพื่อกำจัด “อาวุธอานุภาพทำลายล้างสูง” ที่ไม่มี อยู่จริง ข้ามมาปี 2566 นักการเมืองสหรัฐฯหลายคนกำลังนำคำนี้กลับมาใช้ใหม่โดยมีการปรับเล็กน้อย ให้กลายเป็น “อักษะใหม่แห่งความชั่วร้าย” (New Axis of Evil) คงเดากันได้ว่าใช้เรียกขานใคร “รัสเซีย-จีน” ที่เพิ่งกระชับความสัมพันธ์กันอย่างแนบแน่นนั่นเอง.ตุ๊ ปากเกร็ด