ถึงช่วงใกล้ปีอย่างนี้ ไม่แคล้วต้องพูดถึงการท่องเที่ยว ด้วยบรรยากาศการท่องเที่ยวที่เริ่มฟื้นตัวคึกคัก ความต้องการเดินทางท่องเที่ยวทั่วโลกเพิ่มสูงอย่างต่อเนื่อง หลังจากอัดอั้นกันมานานเกิน 2 ปี ที่ต้องปิดพรมแดนระหว่างประเทศจากอิทธิฤทธิ์ของโควิด-19 ที่แพร่ระบาดใหญ่ ขณะที่เป็นที่เข้าใจกันดีว่าการท่องเที่ยวเป็นกิจกรรมที่มีความสำคัญอย่างยิ่งยวดต่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจที่บอบช้ำอย่างหนักจากวิกฤติที่ผ่านมา หลายประเทศโดยเฉพาะในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แหล่งท่องเที่ยวสำคัญของโลกจึงแข่งขันกันช่วงชิงนักท่องเที่ยวกระเป๋าหนักให้มาเยี่ยมเยือน“กรุงจาการ์ตา” เมืองหลวง-ศูนย์กลางเศรษฐกิจกิจการเงิน ยังเรียกได้ว่าเป็น “หัวใจ” และสัญลักษณ์สำคัญของ “อินโดนีเซีย” เป็นอีกแห่งที่หมายมั่นปั้นมือส่งเสริมการท่องเที่ยวรูปแบบ “Urban Tourism” หรือ “การท่องเที่ยววิถีเมือง” ส่งมอบประสบการณ์ การบริการและสินค้าทางวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ สถาปัตยกรรม เทคโนโลยี และธรรมชาติหลากหลาย เพื่อนักท่องเที่ยวที่มีจุดหมายเพื่อการพักผ่อน รวมทั้งนักเดินทางด้วยเหตุผลทางธุรกิจสามารถเพลิดเพลินกิจกรรมและบรรยากาศแตกต่างของเมืองใหญ่ไม่ยิ่งหย่อนกว่าแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติที่ผ่านมาจาการ์ตาถูกยกให้เป็นสวรรค์ของนักช็อป มีห้างสรรพสินค้าเกินกว่า 300 แห่งให้จับจ่ายกันอย่างสะดวกสบายทั่วเมือง อย่างเช่น “ซารินาห์” (Sarinah) ห้างสรรพสินค้าแห่งแรกของประเทศ ถือเป็น “หน้าต่างสู่อินโดนีเซีย” พรั่งพร้อมด้วยสินค้าระดับพรีเมียมที่ผลิตในอินโดนีเซีย ขณะที่คนหนุ่มสาวที่นิยมกับเช็ก-อิน มักจะแวะไปถ่ายรูปที่ “สะพานคนเดินข้ามพินิซี” รูปร่างคล้ายเรือโบราณพินิซี ของสุลาเวสีใต้ ที่เปิดใช้เมื่อเดือน มี.ค.และกลายเป็นแลนด์มาร์กสำคัญของจาการ์ตาและยังจารึกชื่อบุคลากรทางการแพทย์ที่เสียชีวิตในช่วงแรกของโควิดอีกด้วยสิ่งที่เห็นว่าเพิ่มมูลค่าและเสน่ห์ให้แก่จาการ์ตาได้แก่ความเขียวขจีของต้นไม้น้อยใหญ่เรียงรายตามถนนหนทาง ขณะเดียวกันยังมีทางเท้ากว้างขวาง และทางจักรยานที่ใช้งานได้จริง ที่สำคัญยังไม่ค่อยเห็นหาบเร่แผงลอยจะมีก็เพียงรถเข็นขายอาหารหรือเครื่องดื่มขนาดมินิบางตา ช่วยให้นักท่องเที่ยวเดินสำรวจจาการ์ตาได้อย่างรื่นรมย์.อมรดา พงศ์อุทัย