ย้อนกลับไปในช่วงต้นทศวรรษที่ 1920 นักโบราณคดีได้ค้นพบชุมชนโบราณชื่อเดียร์ เอล-เมดินา (Deir el-Medina) ใกล้กับแม่น้ำไนล์ในอียิปต์ การวิจัยฉบับก่อนๆชี้ว่าที่นี่เป็นชุมชนของผู้ชายและครอบครัวของเขา ซึ่งผู้ชายเหล่านี้เป็นช่างฝีมือสร้างสุสานให้กับราชวงศ์อียิปต์ในช่วงหลายปี เมืองมีการวางผังอย่างเรียบร้อย ทั้งถนนและบ้านเรือน ชุมชนแห่งนี้มีความเคลื่อนไหวในช่วง 1,550-1,070 ปีก่อนคริสตกาลที่ชุมชนเดียร์เอล-เมดินายังมีการค้นพบมัมมี่ที่มีความแปลก นั่นคือมัมมี่มีลวดลายสักบนเรือนร่างต่างไปจากที่เคยพบในมัมมี่อื่นๆ ล่าสุดทีมวิจัยจาก 2 สถาบันในสหรัฐอเมริกาคือ แอนน์ ออสติน จากมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ และมารี ลีส์ อาร์เน็ตต์ จากมหาวิทยาลัยมิสซูรี ในเมืองเซนต์หลุยส์ เผยถึงการศึกษารอยสักบนร่างของ 2 มัมมี่หญิงที่มีชีวิตอยู่ในอียิปต์เมื่อหลายพันปีก่อน ร่างของพวกเธอฝังอยู่ในสุสาน 2 แห่งที่ชุมชนเดียร์ เอล-เมดินา ซึ่งก่อนหน้านี้ถูกโจรปล้นสุสานแกะซากมัมมี่ร่างหนึ่งออกมา ทีมวิจัยเผยว่ามัมมี่ร่างที่ 2 ที่ยังคงถูกห่อหุ้มอยู่ จึงได้รับการวิจัยโดยใช้การถ่ายภาพอินฟราเรดโดยไม่แกะซากมัมมี่ออก และก็พบว่าเป็นซากศพของหญิงวัยกลางคนที่มีรอยสักเช่นกันทีมระบุว่ารอยสักที่พบบนร่างมัมมี่ซากที่ 2 แสดงให้เห็น “ดวงตาของฮอรัส” เป็นของเทพฮอรัส เทพเจ้าองค์สำคัญของอียิปต์ และยังมีลายเส้นคดเคี้ยวไปมาใต้ตัวเลขหลายตัว น่าจะแทนถึงบึงน้ำ ที่ซึ่งผู้คนในสมัยนั้นจะไปชำระร่างกายเพื่อให้เย็นลงและบางครั้งก็เพื่อบรรเทาความเจ็บปวด เช่น ในช่วงการคลอดบุตร นักวิจัยนำเสนอว่ารอยสักเหล่านี้อาจเป็นการขอพรเทพเจ้าเพื่อให้คุ้มครองสตรีและเด็กในช่วงการให้กำเนิดบุตรนั่นเอง.Credit : Anne Austin/University of Missouri-St. Louis, The Journal of Egyptian Archaeology (2022). DOI: 10.1177/03075133221130089