การเมืองไม่มีมิตรแท้ ศัตรูถาวร วันก่อนได้โควตาจ่อเป็นรัฐมนตรีอยู่ดีๆ วันนี้จ่อโดนชนักคดีหน้าตาเฉยกลุ่ม ส.ส.ปากน้ำ พรรคพลังประชารัฐ ที่นำโดย “เสี่ยเอ๋” ชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม อดีตนายกอบจ.สมุทรปราการ งานเข้าด่วนจี๋โดนขุดคดีทุจริตเงินทอนวัด ตั้งแต่ปี 2554-2556อยู่พลังประชารัฐมา 4 ปีคดีเงียบกริบ พอมีข่าวจะย้ายค่ายไปภูมิใจไทย คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่มี “บิ๊กกุ้ย” พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ เป็นประธาน ก็ชี้มูลพอดีช่างประจวบเหมาะอะไรเช่นนี้ คนการเมืองนินทา โชว์บทดุขู่พวกคิดชิ่งหนี ใครมีคดีติดตัวคงต้องคิดใหม่ส.ส.หลายกลุ่ม ก๊วน ในพลังประชารัฐร้อนรุ่มกลุ้มใจ พรรคไม่ขยับรับมือเลือกตั้งเสียที ไม่รู้ 2 ลุงเอายังไง ตกลงว่าจะกอดคอไปต่อหรือแยกย้ายกันแน่ เมื่อรอไม่ไหวจึงตัดสินใจเตรียมย้ายพรรคกันอื้อแต่เจอหมากนี้เข้าไป ต้องติดเบรกใส่เกียร์ถอยกันเป็นแถบ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ รู้ดีทุกเสียงมีความหมายสำหรับพลังประชารัฐในสนามเลือกตั้ง นอกจากล็อก ส.ส.ไม่ให้ออกแล้ว ยังต้องลากเข้ามาเพิ่มเติมเสียงประเมินตอนนี้ยังอยู่แค่อันดับ 2–3 ถ้าต่ำกว่านี้ ได้ ส.ส.น้อยเกินไป จะฝ่ากระแสต้าน ลำบากดูเหมือนจะรู้สึกตัว เลิกใจเย็นแล้ว รัฐบาลเริ่มขยับหาแต้มใส่พลังประชารัฐ ด้วยการออกนโยบายหาแต้ม หาทุน ในรูปแบบ “กฎกระทรวง” เล่นกันง่ายๆ ดื้อๆ วิธีการคล้ายออก พ.ร.ก. ไม่ต้องผ่านสภาฮือฮาทั้งมาตรการขายที่ดินต่างด้าวแลกเงินทุน ล่าสุดปลดล็อกสุราปาดหน้าก้าวไกล หาแต้ม กับชาวบ้านเปิดทางให้ต้มกินเอง แต่ยังเข้มไม่ให้เป็นผู้ค้า บรรดารายย่อย เอสเอ็มอีไม่มีสิทธิเกิดทุนใหญ่ยังครองสัมปทานต่อไปเติมทุนเก็บแต้มไปเรื่อยๆ ไม่รีบร้อนเลือกตั้งถามเรื่องกฎหมายลูก ก็ชิลๆให้ว่าไปตามกระบวนการ มีปัญหาก็แก้ ยังไม่มีปัญหาอย่าวิตกจริตอารมณ์ประมาณรถไฟดีเซล ถึงก็ช่างไม่ถึงก็ช่าง ถ้าไม่มีอะไรฉุกเฉินจำเป็น คงลากยาว อยู่ไปเรื่อยๆจนครบเทอม ล่าสุดบรรดารัฐมนตรีก็ออกมายืนยัน ไม่มีแน่ยุบสภาก่อนสิ้นปีอารมณ์แตกต่างจากซีกฝ่ายค้าน ว้าวุ่นกลุ้มใจ ร้อนใจ อยากเลือกตั้งเร็วๆ แต่ขณะเดียวกันก็ระแวงระวัง กลัวนั่นนี่เต็มไปหมด กลัวกฎหมายลูกจะติดล็อก ถ้าต้องแก้ไขจะเลือกตั้งช้า ออกมาดักหน้าดักหลังจนน้ำลายท่วมพรรคเพื่อไทยโหมโรงแล้วโหมโรงอีก ตั้งลูกหลานคุมตำแหน่งนั้น ตำแหน่งนี้เพื่อสู้ศึกเลือกตั้ง เลี้ยงกระแสแลนด์สไลด์จนใกล้หมดมุกเร่งเกมเร็วเกินไปจนออกอาการหมดแรงปูดข่าวยุบสภา ลาออก หลอกตัวเอง ตีกัน ส.ส. จนหลอน รั่วกันไปหมดแล้วที่ประเมินเชิงขู่ว่าก่อน 24 ธ.ค.บรรดา ส.ส.จะตบเท้าลาออกกันเพียบ ทำให้สภาล่มซ้ำซาก ผ่านกฎหมายไม่ได้ ต้องยุบสภาในที่สุดแต่รัฐบาลยักไหล่ไม่หวั่นไหว ไม่จำเป็นต้องตกใจไปเต้นตามเพราะความจริงวันสุดท้ายที่ต้องสังกัดพรรค 90 วัน กรณีรัฐบาลอยู่ครบเทอม อาจจะเป็น 7 ก.พ.2566แต่ก็ปล่อยให้ฝ่ายค้านเพ้อเจ้อ ออกลูกมั่วลนลานต่อไป ตามอาการร้อนรนของคนแดนไกล ยิ่งนับวันยิ่งชัดเจนว่า “โทนี่ ดูไบ” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ มีเป้าหมายกลับบ้านหลังเลือกตั้งมากแค่ไหน มันยิ่งทำให้ยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทยเป๋ไปเรื่อยๆ เสียคะแนนแฟนคลับฐานมวลชนไปทุกวันล่าสุดนิด้าโพลสำรวจคน กทม.มองใครเหมาะนั่งนายกฯ “เดอะทิม” พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ พรรคก้าวไกล มาอันดับ 1 อันดับ 2 คือ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม“อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวพรรคเพื่อไทย หลุดไปอันดับ 3 เปอร์เซ็นต์ห่างอันดับ 1 เยอะเลยแต่พรรคที่คน กทม.ชอบ ปรากฏว่าเพื่อไทยยังเฉือนพรรคก้าวไกลอยู่นิดๆสะท้อนว่าท่าที “โทนี่” กำลังถูกตั้งคำถาม โดยเฉพาะคน กทม. คนเมือง ชนชั้นกลาง หลังพรรคเพื่อไทยออกมาแง้มประตู จับมือพลังประชารัฐร่วมรัฐบาล ภายใต้บิ๊กดีล “บิ๊กป้อมนายกฯ­­–โทนี่กลับบ้าน”เห็นลีลาอาการแล้วชัดเจน เชื่อว่าใช่กันไปหมดแล้วเพื่อไทยไม่เป็นฝ่ายค้านก็แค่พรรคร่วมรัฐบาล ดังนั้นทรงแคนดิเดตนายกฯเลยไม่เน้น ยังดูมัวๆ“อุ๊งอิ๊ง” เหมือนมาไม่สุด เอาเข้าจริงเป็นแค่ตัวหลอก ถ้าไปนั่งตำแหน่งนายกฯจริงๆ นายใหญ่-นายหญิงไม่สบายใจแน่ หนาวๆร้อนๆจะ “พลัดถิ่น” เป็นรายต่อไปวันไหน ส่วนตำแหน่งอื่นไม่เอาแน่ ไม่ว่ารัฐมนตรี ผู้นำฝ่ายค้านเป็นเรื่องที่เข้าใจได้และน่าเห็นใจ สู้ก็ตายไม่สู้ก็ตายผิดกับอีกฝ่าย “ทหารเฒ่าไม่มีวันตาย” ถือไพ่เหนือกว่าเยอะ.ทีมข่าวการเมือง