กลุ่มตำรวจผู้เสียหายร้องเรียนขอความเป็นธรรม พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. ขอให้ดำเนินคดีการทุจริตกับสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจพัทลุง ความเสียหาย 1,500 ล้านบาทการทุจริตเรื่องมาแดงขึ้นเมื่อปี 2563 หลังจากมีการเปลี่ยนแปลงกรรมการชุดใหม่ของสหกรณ์ จนตรวจสอบพบการทุจริตที่เรื้อรังมายาวนาน นำไปสู่การแจ้งความที่ สภ.เมืองพัทลุง แจ้งความดำเนินคดี แต่คดีไม่ได้คืบหน้า หลายคนที่เกี่ยวข้องทุจริตยังทำงานสหกรณ์อยู่ กลุ่มตำรวจผู้เสียหายจึงไม่สบายใจรวมกลุ่มร้องเรียนอีกรอบขอ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ช่วยสะสางพล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. สั่งให้ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ เร่งสืบสวนสอบสวนคดีและออกคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติแต่งตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนคลี่คลายและติดตามทรัพย์สินคืนให้ผู้เสียหายตำรวจใช้เวลา 1 เดือนสืบสวนพบว่า กลุ่มผู้ต้องหา คณะกรรมการ ดำเนินการ ผู้จัดการ เจ้าหน้าที่ของสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจ จ.พัทลุง จำกัด และบุคคลภายนอก รวม 25 คนมีพฤติการณ์ในการร่วมกันวางแผน แบ่งหน้าที่กันทำลงมือทำผิดหลายกรรม หลายวาระต่างกันทำต่อเนื่องมายาวนานตั้งแต่ปี 2544 ถึงปี 2563 รูปแบบการกระทำความผิดมากกว่า 10 วิธี เช่น การตกแต่งบัญชีของสมาชิกและไม่ได้เป็นสมาชิก การตกแต่งบัญชีลูกหนี้และลูกหนี้ที่ไม่มีตัวตนหรือตกแต่งบัญชีเกินความเป็นจริง การปลอมใบเสร็จรับเงิน ความเสียหาย 1,577,836,978 บาท นำไปสู่การรวบรวมหลักฐานออกหมายจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 25 คนตรวจสอบเส้นทางการเงินพบว่ามีเงินออกจากบัญชีสหกรณ์ออมทรัพย์ไปยังเครือญาติใกล้ชิดกลุ่มเครือข่ายผู้ต้องหาในเขตพื้นที่ 9 จังหวัด พล.ต.ท.สุรเชษฐ์เปิดปฏิบัติการเข้าค้น 74 เป้าหมายขบวนการทุจริตพื้นที่เป้าหมาย 9 จังหวัด ที่ตรวจสอบพบกลุ่มเครือข่ายของผู้ร่วมกระทำความผิด ได้แก่ พัทลุง ภูเก็ต นครศรีธรรมราช ตรัง กระบี่ ประจวบคีรีขันธ์ จันทบุรี ระยอง และกรุงเทพมหานครพล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กำชับให้ทำการอายัดทรัพย์สินเงินสด บัญชี บ้านที่ดิน ห้องชุดและอื่นๆกว่า 700 ล้านบาท นำมาช่วยเหลือเยียวยาความเสียหายของผู้ที่ได้รับผลกระทบให้ได้รับความเป็นธรรมมากที่สุดเป็นบางส่วน คดีทุจริตสหกรณ์ตำรวจ ที่ถูกเปิดโปงออกมา มีหลายส่วนหลายหน่วยที่มีการร้องเรียน แจ้งความดำเนินคดี แต่มีการช่วยเหลือปกปิด ผู้ที่รับผิดชอบไม่ได้สนใจเข้าไปตรวจสอบกันจริงจังทั้งที่ลูกน้องตำรวจชั้นผู้น้อยเดือดร้อนอย่างมาก.“เพลิงพยัคฆ์”pluengpayak@thairath.co.th