สปสช.หรือ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ โดย นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพ ชี้แจงว่า สปสช. มีนโยบายเพิ่ม คลินิกเวชกรรม เข้ามาเป็น หน่วยบริการรับส่งต่อทั่วไป ในกองทุนหลักประกันสุขภาพ หรือ บัตรทอง เข้ามารองรับประชาชนที่เกิดเจ็บป่วยเล็กน้อยใน บริการแบบผู้ป่วยนอก โดยไม่ต้องใช้วิธีส่งตัว ซึ่งในขั้นแรกอาจจะเปิดบริการแค่ช่วงเย็นเท่านั้น เนื่องจากแพทย์ที่มาให้บริการอาจจะติดงานในโรงพยาบาล (หรือคลินิก)ปัจจุบันมีคลินิกเวชกรรมประมาณ 5,000 แห่ง ทั่ว กทม. ส่วนหนึ่งเป็นคลินิกเสริมความงาม เลยจะเหลือประมาณ คลินิกรักษาโรคทั่วไป ประมาณ 2,000 แห่ง ขณะเดียวกันก็จะมีคลินิกชุมชนอีกประมาณ 200 แห่ง เข้ามาช่วยแบ่งเบากรณีที่มีผู้ป่วยที่เข้ามารับการรักษาใกล้บ้านได้ ซึ่ง สปสช.จะมีการปรับกติกาให้เอื้อในการเข้าร่วมกับ สปสช.มากขึ้นส่วนระบบการจ่ายนั้นจะเป็น การจ่ายค่าบริการแบบรายการ ซึ่งเป็นการจ่ายเมื่อเกิดการบริการจริงมีอยู่ประมาณ 4,000 รายการ ในระบบ การเบิกจ่ายจะไม่เป็นอุปสรรคเช่นในอดีต ทั้งนี้ สปสช.จะมีการเปิดรับคลินิกเวชกรรมเข้ามาเป็นหน่วยนบริการรับส่งต่อทั่วไปในวันที่ 1ต.ค. จะเป็นการช่วยให้ผู้ป่วยได้รับความสะดวกที่จะเข้าใช้บริการมากขึ้นปัญหาของ บัตรทอง หรือ บัตรประกันสังคม ในปัจจุบันส่วนใหญ่ยังมีข้อจำกัดก็คือสถานที่ใช้บริการเพราะมีการระบุโรงพยาบาลในการเข้ารับการรักษาไว้ซึ่งเป็นการยุ่งยาก โดยเฉพาะการย้ายถิ่นที่อยู่ชั่วคราว ปัญหาสำคัญคือการเบิกจ่ายของโรงพยาบาลที่เข้าโครงการ ส่วนใหญ่จะได้รับค่าใช้จ่ายช้า ประกอบกับมีจำนวนผู้ป่วยมากขึ้น จากโรคภัยไข้เจ็บในปัจจุบัน ทั้งเตียงและแพทย์ไม่เพียงพอกับผู้ใช้บริการและคนป่วย ทำให้ หลายโรงพยาบาลขอออกจากระบบของ สปสช. เนื่องจากขาดสภาพคล่องทางการเงินของโรงพยาบาลเองที่คนส่วนใหญ่ไม่รู้ก็คือ การรักษาโรค ไม่ใช่ทุกโรคเสมอไป เพราะบางโรคที่มีค่าใช้จ่ายสูงก็ไม่เข้าข่ายที่จะได้รับการรักษา เช่น โรคมะเร็งบางประเภท มะเร็งในเม็ดเลือดขาว ก็ไม่อยู่ในส่วนที่จะได้รับบริการสำหรับบัตรทองหรือบัตรประกันสังคม การส่งต่อ จาก โรงพยาบาลไปยังอีกโรงพยาบาลยิ่งเป็นเรื่องยุ่งยากวุ่นวาย โดยเฉพาะผู้ป่วยหนักหรือผู้ป่วยที่อยู่ใน ไอซียู ยิ่งอาการหนักก็ยิ่งเข้ารับการรักษายากมีข้อมูลจาก นพ.นิธิพัฒน์ เจียรกุล ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ถึง สถานการณ์ผู้ป่วยโควิด–19 ในไทย ผู้ป่วยมีอาการรุนแรงลดลงต่ำกว่า 900 ราย ซึ่งต้องรอตัวเลขผู้ติดเชื้อจากผลการตรวจเอทีเคสะสมด้วยกลุ่มนักวิทยาศาสตร์กำลังมองหาช่องทางนำนาโนเทคโนโลยีมาใช้ผลิตวัคซีนที่สามารถจดจำส่วนสำคัญของไวรัสโควิดให้ได้มากที่สุด เพื่อกลบจุดอ่อน 2 ด้านและสามารถรับมือกับการกลายพันธุ์ได้ หลากหลายขึ้น นั่นหมายความว่าเรายังไม่พ้นขีดอันตรายจากไวรัสโควิด-19 เสียเลยทีเดียวรวมกับอีกสารพัดโรคที่จะตามมาขณะที่ระบบสาธารณสุขยังเป็นแบบตนเป็นที่พึ่งแห่งตน (ต้องหาซื้อยากินเอง)หมัดเหล็กmudlek@thairath.co.th