หนึ่งในทฤษฎีที่หลายคนเชื่อเกี่ยวกับการสูญพันธุ์ของไดโนเสาร์เมื่อ 65 ล้านปีก่อน ก็คือ ดาวเคราะห์น้อยได้พุ่งชนโลก โดยทุกวันนี้มนุษย์ก็ไม่ได้วางใจกับวัตถุนอกโลกที่มีโอกาสพุ่งเฉียดหรือพุ่งชนโลกของเรา โดยเฝ้ามองและพยายามค้นหาวัตถุที่อาจคุกคามโลกซึ่งวัตถุประเภทที่ถูกจับตาก็คือ พวกวัตถุใกล้โลก (near-Earth objects) หรือ NEOs ที่ผ่านๆมาก็จะมีข่าวคราวจากผู้เชี่ยวชาญในแวดวงดาราศาสตร์ให้ข้อมูล หรือออกคำเตือนถึงวัตถุที่มีแนวโน้มจะเคลื่อนตัวเข้าใกล้โลกอยู่บ่อยครั้ง อย่างเช่น ดาวเคราะห์น้อย ดาวหางทว่า แนวทางการรับมืออาจได้คำตอบในอีกไม่ช้านาน เนื่องจากเมื่อปีที่แล้วองค์การนาซาได้ส่ง ยานอวกาศดาร์ท (Double Asteroid Redirection Test-DART) ไปทดสอบการเบี่ยงเบนวงโคจรของดาวเคราะห์น้อยไม่ให้พุ่งชนโลก โดยยานดาร์ทจะชนกับ ดวงจันทร์ดิมอร์ฟอส (Dimorphos) ที่เป็นบริวารของ ดาวเคราะห์น้อยที่ชื่อ ดิดิมอส (Didymos) ระบบดาวเคราะห์น้อยแห่งนี้อยู่ห่างจากโลกมากกว่า 10.4 ล้านกิโลเมตร ซึ่งมีคำยืนยันว่า ระบบดาวเคราะห์น้อยดังกล่าวไม่ได้มีอันตรายกับโลก แต่เหมาะที่จะใช้ทดสอบสถานการณ์เมื่อเร็วๆนี้ก็มีนักดาราศาสตร์จากสถาบันดาราศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยฮาวาย ในสหรัฐอเมริกาออกมาระบุว่า ถึงเวลาแล้วที่ชุมชนวิทยาศาสตร์ด้านอวกาศจะต้องพิจารณาเกี่ยวกับวัตถุใกล้โลกที่ซ่อนตัวอยู่อย่างใกล้ชิดยิ่งขึ้น โดยเฉพาะซ่อนอยู่ในทิศทางของดวงอาทิตย์ทั้งนี้ การเฝ้าสังเกตการณ์ในอวกาศส่วนใหญ่ทุกวันนี้ จะมุ่งที่ท้องฟ้ายามค่ำคืนอันมืดมิด ไม่ได้ถูกแสงจากดวงอาทิตย์บดบัง แต่จริงๆวัตถุใกล้โลกที่โคจรระหว่างโลกกับดวงอาทิตย์ อาจมีอย่างน้อยหนึ่งดวงที่อยู่บนเส้นทางมุ่งมายังโลกก็เป็นได้อย่างไรก็ตาม นักวิทยาศาสตร์และนักดาราศาสตร์ไม่ได้เพิกเฉยต่อเรื่องนี้ ซึ่งจากการสำรวจด้วยกล้องโทรทรรศน์แบบใหม่ที่แสดงให้เห็นถึงการท้าทายแสงจ้าของดวงอาทิตย์ และค้นหาดาวเคราะห์น้อยที่มุ่งสู่ดวงอาทิตย์ในช่วงพลบค่ำ การสำรวจเหล่านี้ได้ค้นพบดาวเคราะห์น้อยที่ยังไม่ได้ค้นพบก่อนหน้านี้จำนวนมาก เช่น ดาวเคราะห์น้อย Ayló’chaxnim 2020 AV2 ที่มีวงโคจรภายในไปทางดาวศุกร์ และดาวเคราะห์น้อยที่มีคาบการโคจรรอบดวงอาทิตย์สั้นที่สุดชื่อ 2021 PH27.ภัค เศารยะ