ขับรถตะลอนไปตามถนนทางหลวงชนบท รบ.4013 เข้าอำเภอบางคนที จังหวัดสมุทรสงคราม ถนนสองข้างทางเต็มไปด้วยสวนมะพร้าวร่มรื่นตา ชวนให้ทึ่งกับวิถีชีวิตชาวสวน ที่นำทุกส่วนของมะพร้าวไปใช้สร้างรายได้อย่างคุ้มค่า ลูกมะพร้าวนำไปขายได้ทั้งน้ำทั้งเนื้อ ส่วนเศษจากเปลือกมะพร้าว หรือขุยมะพร้าว นำไปเพาะปลูกต้นไม้ และกาบมะพร้าวเอาไปสับทำเป็นดิน ริมถนนสายนี้แบ่งพื้นที่ไว้สำหรับคนชอบ ปั่นจักรยานขี่กินลมชมทัศนียภาพ“คุณชายตะลอนชิม” สัปดาห์นี้ “คุณชายแป๊ะ” ขอแนะนำ “ร้านข้าวหลามแม่วรรณา” ของ “แม่วรรณา ศุกระศร” อายุ 61 ปี ตามหา ร้านนี้เจอจากความสุขระหว่างการเดินทาง เมื่อขับผ่านแผงร้านข้าวหลามแม่วรรณา ตั้งอยู่โดดเด่นเป็นสง่าหน้าบ้านเลขที่ 2 หมู่ 4 ตำบลโรงหีบ อำเภอบางคนที จังหวัดสมุทรสงคราม ตะกร้าพลาสติกสีชมพูใบใหญ่ มีกระบอกข้าวหลามเผาเสร็จใหม่ๆ ทั้งขนาดเล็กขนาดใหญ่ วางเรียงรายรอนักชิมจากทั่วสารทิศ กลิ่นหอมของลำไผ่บนเตาเผาข้าวหลามโชยมาถึงหน้าร้าน ทำให้ผมต้องเดินอ้อมแผงไปด้อมๆมองๆด้วยความสนใจ เตาเผาใช้เหล็กเชื่อมเป็นแนวยาวขนานคู่กันสองแถว ตรงกลางวางถ่านให้สามารถเผาข้าวหลามพร้อมกันทั้งสองด้าน มีคนคุมการเผาคอยกลับด้านลำไผ่ให้สุกทั่วทั้งกระบอก แหม น้ำกะทิเดือดปุดๆจากลำไผ่ มันช่างยั่วน้ำลายจริงๆ“ขอชิมข้าวหลามสักกระบอกนะครับป้า” ผมเดินกลับมาที่หน้าร้าน ส่งเสียงบอกป้าวรรณา ขณะป้ากำลังง่วนหยิบข้าวหลามใส่ถุงให้ลูกค้าขาประจำ โพละ! เสียงมีดพร้าจามลงไปที่กระบอก ข้าวหลาม เผยให้เห็นข้าวเหนียวสีนวลงาม เยื่อไผ่โอบรัดเป็นทรงกระบอกดูน่ากิน ผมไม่รอช้าคว้าส่วนหัวของข้าวหลามยัดใส่ปาก เกิดความรู้สึกเหมือนเจ้าชายได้พบรักกับเจ้าหญิงกลางป่า มันคือการค้นพบสุดยอดนางในฝัน รสชาติของข้าวหลามอร่อยหวานมันลงตัวจริงๆ วินาทีนั้นผมต้องรีบยั้งใจตัวเอง ขอชิมให้ถึงก้นกระบอกก่อน แล้วค่อยการันตี ความอร่อย “สุดยอดป้า หวานมันทั้งกระบอกจริงๆ” ผมอุทานด้วยความตะกละ“แต่ก่อนป้าทำรสหวานจัดกว่านี้อีก แต่ปรับลดความหวานลงให้มันกลมกล่อมพอดีตามความชอบของลูกค้า สูตรของป้าพิถีพิถันตั้งแต่เลือกใช้ข้าวเหนียวเขี้ยวงูจากภาคเหนือ เบอร์ 1 เม็ดข้าวนิ่ม เรียวยาวสวยเสมอกัน แช่ข้าวเหนียวในน้ำ 1 คืน ก่อนนำมากรอกใส่กระบอก ส่วนน้ำกะทิคัดมะพร้าวจากชาวสวนละแวกบางคนที ใช้ทั้งหัวกะทิและหางกะทิผสมกัน ปรุงรสชาติ ด้วยน้ำตาลทราย เพื่อให้สีของข้าวเหนียวขาวดูน่ากิน นอกจากถั่วดำของคู่กันกับข้าวหลาม ร้านเรายังใส่เนื้อมะพร้าวอ่อนหั่นเป็นเส้นๆด้วย ไอเดียนี้เกิดจากช่วงที่มีมะพร้าวน้ำหอมออกมาเยอะมาก จึงคิดนำมาใช้ประโยชน์เป็นส่วนผสมปรุงเข้าไปในกระบอกข้าวหลาม ปรากฏว่าลูกค้าติดใจ เนื้อมะพร้าวนุ่มอ่อนเคี้ยวแล้วละมุนลิ้น ทำให้ต้องทำมาถึงวันนี้ กลายเป็นเสน่ห์ของร้านที่ไม่เหมือนใคร กินข้าวหลามให้อร่อยต้องหอมกลิ่นเยื่อไผ่ ข้าวหลามที่ย่างไฟเสร็จใหม่ๆเยื่อไผ่ยังไม่ล่อน ต้องรอให้เย็นเซตตัวพออุ่นๆเยื่อไผ่จะล่อนออกมาทั้งกระบอก” ป้าวรรณาเล่าไปขายไป “ข้าวเหนียวดำอยู่ได้ 3 วัน ส่วนข้าวเหนียวขาวอยู่ได้ 2 วัน โดยไม่ต้องเข้าตู้เย็น แต่หากจะเก็บไว้ทานนานกว่านั้น ป้าแนะนำให้แช่ช่องฟรีซ เก็บได้ 1 อาทิตย์ ที่ป้ารู้นี่เพราะมีลูกค้าบอกมา บางคนมาซื้อคราวละมากๆ หอบหิ้วไปกินต่างประเทศ ต้องหาทางถนอมอาหารเก็บไว้กินนานๆ” ป้าวรรณาช่วยแนะนำวิธีเก็บข้าวหลามแสนอร่อยป้าวรรณาเล่าถึงความเป็นมา “ป้าตัดสินใจหันหลังให้อาชีพสาวโรงงาน เมื่อปี 2540 ยุคฟองสบู่แตก ไปเป็นลูกมือพี่สาว เร่ขายข้าวหลามที่ตลาดมหาชัยและตามงานวัด ซึมซับวิชาความรู้ เกิดความตั้งใจว่าต้องทำข้าวหลามขายเอง และประสบความสำเร็จให้ได้ แต่กว่าจะมาค้าขายที่หน้าบ้านแบบทุกวันนี้ ผ่านการลองผิดลองถูกนับครั้งไม่ถ้วน จำได้ว่าวันแรกขายได้ 50 บาท ดีใจมาก คิดว่านี่แหละคืออาชีพที่เลือกแล้ว หลังจากนั้นข้าวหลามเริ่มเหลือ ต้องไล่แจกเพื่อนบ้าน ป้ารับฟังคำติชมทุกอย่างเพื่อนำมาปรับปรุง เช่น กรอกข้าวเหนียวไม่ให้แน่นเกินไป และย่างข้าวหลามยังไงให้สุกพอดี ด้วยความ อดทนไม่ย่อท้อ ทำให้ได้ข้าวหลามรสชาติอร่อยอย่างวันนี้ ป้าถือคติต้องซื่อสัตย์ต่อลูกค้า ถ้าของไม่ดี เยื่อไผ่ผ่ามาแล้วไม่ล่อนหมดกระบอก ป้าไม่ขายเด็ดขาด ต้องรักษาคุณภาพไว้ จะเป็นคนพื้นที่หรือนักท่องเที่ยวสบายใจได้ ป้าขายราคาเดียวเท่ากันหมด” สนนราคา ข้าวหลามกระบอกเล็ก กระบอกละ 20 บาท, มีชุด 4 กระบอก 100 บาท, ชุด 3 กระบอก 100 บาท, ข้าวหลามกระบอกใหญ่มี 2 ขนาด กระบอกละ 40 บาท และกระบอกละ 50 บาท “ข้าวหลามแม่วรรณา” เปิดขายทุกวันไม่มีวันหยุด ตั้งแต่ 08.30-18.00 น. มือถือ : 08-9918-5106 หรือ Facebook : ข้าวหลามแม่วรรณา ต้องการจองล่วงหน้า หรืออยากได้ไส้พิเศษใส่กล้วยและเผือก โทร.สั่งล่วงหน้านะครับ.คุณชายแป๊ะ