เป็นข้าราชการตำรวจ การปฏิบัติหน้าที่ต้องระมัดระวัง? บางครั้งเชื่อข้อสันนิษฐานของตัวเองมากไป มันจะทำให้เดือดร้อนกรณีผู้เสียหายพ่อ แม่ และลูกเล็กอีก 2 คน ขับรถตู้นิสสัน เออแวน สีเทา หมายเลขทะเบียน ฮธ 1634 กรุงเทพมหานคร จาก อ.บางสะพาน ใช้เส้นทางเลี่ยงเมืองเข้าพื้นที่ สภ.สามร้อยยอด ช่วงดึกวันที่ 30 พ.ค.ขณะนั้นมีรถสีดำ ไม่ทราบยี่ห้อ รุ่น แถมไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ขับรถตามมาปาดหน้าให้หยุด มีชายฉกรรจ์ 4 คนไม่ได้แสดงตัวว่าเป็นตำรวจ ถือไฟฉายเดินมาส่องเข้าไปภายในรถ เป็นใครก็ต้องกลัวเป็นธรรมดาสันนิษฐานไว้ก่อนว่า มันคือมิจฉาชีพ?!ตัดสินใจขับรถหนีไปที่ป้อมตำรวจแห่งหนึ่งในพื้นที่ สภ.ปราณบุรี จนมีเสียงปืนดังขึ้นตามหลังมาหลายนัด พอถึงป้อมนึกว่าจะรอด แต่ปรากฏว่าไม่มีตำรวจเลย ชายฉกรรจ์ 4 คนตามมาทัน เหยื่อรีบบอกว่าให้ไปเจอกันที่ปั๊มน้ำมันข้างหน้าที่มีคนและสว่างกว่า แต่พอขับรถเข้าปั๊ม ชายฉกรรจ์ทั้ง 4 คนกลับขับรถเลยหายไปในความมืดหลังเหตุระทึกเกิดกับครอบครัวช่วงกลางดึก ที่มีลูกสาววัย 7 ขวบ และลูกแบเบาะวัยขวบเศษอยู่ในรถ ผู้เสียหายชาว จ.ประจวบคีรีขันธ์ ตัดสินใจเข้าแจ้งความร้องทุกข์ สภ.ปราณบุรีหลังเรื่องแดงขึ้นมา พล.ต.ต.วันชัย ธารณธรรม ผบก.ภ.จ. ประจวบคีรีขันธ์ มอบหมายให้ พ.ต.อ.วิธิวัฒน์ ศรีทองจ้อย รอง ผบก. ตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่า ชายฉกรรจ์ 4 คนมีตำรวจจริง เพียงคนเดียวยศ “จ.ส.ต.” นอกนั้นเป็นอาสาตำรวจ!อ้างว่า กำลังปฏิบัติหน้าที่ด้านความมั่นคง ตรวจตราผู้ลักลอบขนแรงงานต่างด้าว?อันนี้เป็นข้อแก้ต่างที่ต้องฟังว่ามีน้ำหนักหรือไม่ กับพฤติกรรมที่ถึงขนาดต้องยิงปืนข่มขู่ครอบครัวผู้เสียหาย ทั้งๆที่เห็นแล้วว่า มีพ่อ แม่ และลูกเล็กเท่านั้นการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจบางครั้งมันคาบลูกคาบดอกมากไปน้อยไป ตัดสินกันชั่วพริบตา เห็นควรต้องระวังมากกว่านี้ ไม่เช่นนั้นอาจถึงขั้นหมดอนาคต?สหบาท