“กิเลน ประลองเชิง” คอลัมนิสต์ชื่อดัง นสพ.ไทยรัฐ เจ้าของคอลัมน์ “ชักธงรบ” คว้ารางวัล “นักเขียนศรีบูรพา” คนที่ 31 ประจำปี 2565 เผยผลงานจับใจผู้อ่าน สามารถหยิบยกเรื่องราวจากหนังสือและวรรณกรรมทรงคุณค่าที่ศึกษามาอย่างแตกฉาน นำมาเขียนเปรียบเทียบกับสถานการณ์ปัจจุบันได้อย่างเป็นกลาง สุขุม ลุ่มลึก ประธานกองทุนศรีบูรพาและกรรมการชื่นชมเป็น “สุภาพบุรุษหนังสือพิมพ์” มีความสามารถในการใช้ภาษาที่มาจากการเป็นนักอ่านหนังสือตัวยงจนหล่อหลอมชีวิตให้เป็นนักเขียนที่มีผลงานอันทรงคุณค่ามากมายนับเป็นเกียรติยศของคนวงการหนังสือพิมพ์ ที่นักคิด นักเขียน นักหนังสือพิมพ์คนดัง ผู้จดปากการ่ายเรียงตัวอักษรบันทึกเป็นงานเขียนที่แฝงด้วยคารมสุขุมลุ่มลึกนุ่มนวลทว่าเด็ดขาดมาอย่างยาวนาน ได้รับรางวัล “ศรีบูรพา” ประจำปี 2565 ทั้งนี้ ที่ห้องวิสุทธิกษัตริย์ ชั้น 6 โรงแรมตรัง ถนนวิสุทธิกษัตริย์ แขวงบางขุนพรหม เขตพระนคร เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 5 พ.ค. สมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย ร่วมกับกองทุนศรีบูรพา จัดงานวันนักเขียน ประจำปี 2565 พร้อมมอบรางวัล “นราธิปพงศ์ประพันธ์” ปี 2563-2564 รางวัลวรรณกรรมแม่น้ำโขง ปี 63-64 และรางวัลศรีบูรพา ปี 2565 ให้กับนักคิดนักเขียนที่มีผลงานอันทรงคุณค่า โดยปีนี้กองทุนศรีบูรพาได้ประกาศยกย่องนายประกิต หลิมสกุล เจ้าของนามปากกา “กิเลน ประลองเชิง” คอลัมนิสต์จากคอลัมน์ “ชักธงรบ” ในหน้า 3 ของหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ เป็นนักเขียนรางวัลศรีบูรพา คนที่ 31 ประจำปี 2565สำหรับประวัตินายประกิต หลิมสกุล นักเขียนรางวัลศรีบูรพาคนล่าสุด เกิดเมื่อวันที่ 5 ธ.ค.2488 ที่ริมคลองบางเรือหัก ต.ท้ายหาด ม.7 อ.เมือง จ.สมุทรสงคราม ปัจจุบันอายุ 76 ปี การศึกษาทางธรรมได้ร่ำเรียนจนจบนักธรรมเอก ส่วนการศึกษาทางโลกจบการศึกษาระดับปริญญาตรีด้านนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ตั้งแต่วัยเยาว์จนกระทั่งเติบใหญ่ ผ่านการใช้ชีวิตมาอย่างโชกโชน โดยหลังเรียนจบ ป.4 จากโรงเรียนนิพัทธหริณสูตร์ (วัดประทุมคณาวาส) แล้ว ได้มาเรียนต่อชั้น ม.1 ที่โรงเรียนศรัทธาสมุทรและลาออกตอนอยู่ ม.2 ไปบวชเณรที่วัดเขาย้อย เพชรบุรี ก่อนมาอยู่วัดดาวดึงษ์ บางยี่ขัน ธนบุรี เรียนบาลีตอนบ่าย เรียนนักธรรมตรีตอนหัวค่ำที่วัดมหาธาตุ ท่าพระจันทร์ จากนั้นย้ายไปอยู่ที่วัดบ้านแหลม สมุทรสงคราม เรียนบาลีต่อแต่ไม่จบ ปี 2505 ได้ไปบวชเรียนต่อจนจบนักธรรมเอกแล้วสึกจากสมณเพศออกไปหาประสบการณ์ชีวิต ด้วยการเป็นลูกเรืออวนลากทั้งในอ่าวไทยและทะเลอันดามัน ในช่วงนี้ “ประกิต หลิมสกุล” ได้สำแดงความสามารถในการแต่งกลอนประกวดส่งนิตยสารศรีสยามต่อมาชีวิตมีอันต้องพเนจรลงใต้ไปอยู่กับพี่ชายที่ จ.ยะลา จุดนี้เองที่ทำให้ประกิต หลิมสกุล ที่ขณะนั้นมีอายุ 25 ปี ได้เริ่มต้นเข้าสู่วงการน้ำหมึก เนื่องมาจากความที่ชอบอ่านหนังสือและเขียนหนังสือเป็น ประกอบกับเป็นคนชอบเขียนกลอน ปี 2513 จึงถูกชักชวนไปทำข่าวเป็นนักข่าวภูมิภาคประจำจังหวัดยะลาให้หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ข่าวที่ประกิตส่งมาได้ขึ้นหน้า 1 ทุกวัน จนปี 2522 ประกิตเบนเข็มชีวิตตัวเองด้วยการย้ายมาอยู่ในชายคา “สีเขียว” นสพ.ไทยรัฐ รุ่นเดียวกับโรจน์ งามแม้น (เปลวสีเงิน) และชัย ราชวัตร ปี 2531 ได้เขียนคอลัมน์ “กลืนไม่เข้าคายไม่ออก” ด้วยสำนวนจากปลายปากกาที่เขียนได้มีสีสันน่าสนใจเป็นที่ชื่นชอบของผู้อ่าน ต่อมาได้รับหน้าที่เขียนข่าวสังคมหน้า 4 ของไทยรัฐ ภายใต้นามปากกา “เหยี่ยวพญา”หลังเหตุการณ์หัวหน้าข่าวภูมิภาคไทยรัฐถูกยิงเสียชีวิตนายประกิตได้ลาออกไปอยู่ นสพ.หลายฉบับ กระทั่งชีวิตหวนกลับมาอยู่ไทยรัฐอีกครั้งในตำแหน่งหัวหน้า “สกู๊ปข่าวหน้า 1” ในปี 2541 “โกวิท สีตลายัน” เจ้าของนามปากกา “มังกร ห้าเล็บ” ถึงแก่กรรม จึงได้รับมอบหมายให้รับหน้าที่เขียนคอลัมน์แทน ใช้ชื่อคอลัมน์ว่า “ชักธงรบ” โดยเขียนคอลัมน์นี้มาจนถึงปัจจุบัน ก่อนหน้านี้เคยได้รับรางวัลจากผลงานนักข่าวและนักเขียนมาแล้วทั้งรางวัลข่าวภาพยอดเยี่ยมจากสมาคมนักข่าวฯ และรางวัล ม.ร.ว.อายุมงคล โสณกุล ปัจจุบันประกิต หลิมสกุล หรือ “กิเลน ประลองเชิง” นอกจากจะเป็นคอลัมนิสต์ประจำหนังสือพิมพ์ไทยรัฐแล้ว ยังดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายสราวุธ วัชรพล บรรณาธิการบริหารหนังสือพิมพ์ไทยรัฐนางชมัยภร บางคมบาง ศิลปินแห่งชาติสาขาวรรณศิลป์ ประธานกองทุนศรีบูรพา กล่าวว่า กิเลน ประลองเชิง เป็นนักหนังสือพิมพ์มายาวนานเกือบ 50 ปี มีประสบการณ์ทั้งจากการใช้ชีวิต ตลอดจนการอ่านหนังสือมากมายหลากหลาย สามารถเข้าใจและเขียนได้อย่างสมจริงจับใจ ทั้งการเขียนข่าวและคอลัมน์ นอกจากนี้ยังเป็นสุภาพบุรุษนักหนังสือพิมพ์แบบ “กุหลาบ สายประดิษฐ์” รวมทั้งยังมีความสามารถในการใช้ภาษาเป็นอย่างดีด้านนายสกุล บุณยทัต กรรมการกองทุนศรีบูรพา และนายกสมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย หนึ่งในผู้ตัดสินรางวัล กล่าวว่า กิเลน ประลองเชิง เป็นคนอ่านหนังสือมากและยกข้อความในหนังสือมาเทียบกับเหตุการณ์ ไม่เคยถูกแบ่งว่าเป็นสีอะไร ถ้านักอ่านได้อ่านคอลัมน์ของกิเลน ประลองเชิง จะพบว่าหนังสือที่ยกมาเป็นหนังสือคลาสสิกไม่ได้อ้างแบบครูพักลักจำ แต่ลึกลงไปตีความจนแตกซึ่งการเขียนอุปมาแบบนี้ทำได้ยากมากสำหรับรางวัลนักเขียนศรีบูรพา เป็นรางวัลที่มอบสำหรับศิลปิน นักคิดนักเขียน และนักหนังสือพิมพ์ ผู้มีผลงานอันทรงคุณค่ามีชีวิตที่เป็นแบบอย่าง เป็นกิจกรรมหนึ่งของ “กองทุนศรีบูรพา” ที่ก่อตั้งขึ้นมาเพื่อรำลึกและเผยแพร่เกียรติประวัติของกุหลาบ สายประดิษฐ์ หรือศรีบูรพา นักประชาธิปไตย นักเขียน นักหนังสือพิมพ์คนสำคัญของไทยและของโลก มีงานเขียนหลากหลายที่องค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือยูเนสโก ยกย่องให้เป็นบุคคลสำคัญของโลก รางวัล “ศรีบูรพา” เป็นรางวัลประจำปีที่คณะกรรมการของกองทุนศรีบูรพาพิจารณา หารือ ลงมติด้วยเสียงข้างมาก เพื่อมอบให้กับบุคคลที่เข้าข่ายตามเงื่อนไข ดังนี้ 1.เป็นนักเขียน นักแปลกวี หรือนักหนังสือพิมพ์ที่มีแบบฉบับการใช้ชีวิตที่ดีงามและมีแบบฉบับของการสร้างสรรค์งานที่มีคุณค่าต่อสังคมและมนุษยชาติมาอย่างต่อเนื่องจนเป็นที่ประจักษ์ต่อสาธารณชนเช่นเดียวกับ “ศรีบูรพา” 2.มีผลงานติดต่อกันเป็นเวลายาวนานกว่า 2 ทศวรรษและต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน 3.ยังมีชีวิตอยู่ด้านนายประกิตกล่าวภายหลังเข้ารับรางวัล โดยได้ฝากถึงนักเขียนรุ่นใหม่ที่กำลังก้าวเข้าสู่วงการนักเขียน โดยเฉพาะบนแพลตฟอร์มออนไลน์ ว่า คนเก่งคนดีนั้น ไม่ว่าสนามจะเปลี่ยนเป็นอะไร ของดีก็ยังต้องดี แต่อยากให้นักเขียนรุ่นใหม่หันมาอ่านงานเขียนรุ่นเก่าที่ทรงคุณค่ากันให้มากๆ งานเขียนคุณภาพเหล่านี้ไม่มีกาลเวลา ยิ่งเก่ายิ่งดี ถ้าใช้เป็นหลักสักครึ่งหนึ่ง รับรองจะไม่ผิดหวัง ที่จะก้าวหน้าสู่การเป็นนักเขียนที่ดีในอนาคต