ชื่อของคนสองคน คนแรก เอนก นาวิกมูล คนที่สอง ศรัณย์ ทองปาน ฉุดให้ผมเดินเข้างานตลาดหนังสือ ที่ศูนย์กลางรถไฟฟ้าบางซื่อ ถึงเวทีเสวนา หนังสือ แม่นากพระโขนงภาคสมบูรณ์ (สำนักพิมพ์แสงดาว พิมพ์เพิ่งเสร็จ) เมื่อบ่าย 4 เม.ย.คุณศรัณย์ ซึ่งนอกจากเป็นคนเขียนหนังสือมือรางวัล เล่มล่า ฤาษีดัดตน เคยเล่นละครเป็นหมอผีปราบแม่นาก เป็นพิธีกร กำลังซักไซ้ ให้คุณเอนกเล่าถึงการติดตามค้นคว้าเรื่องแม่นาก มากว่าสี่สิบปีหนังสือแม่นากภาคสมบูรณ์ ในวันนี้เป็นหนังสือพิมพ์สวย มีภาพสีประกอบ เล่มหนาถึงพันหน้าไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ...เรื่องเริ่มตั้งแต่สมัย ร.3 ผมเองเขียนไปหลายครั้ง ก็อ่านจากหนังสือคุณเอนกนี่แหละยังพอจำได้ สมเด็จกรมพระปรมานุชิตชิโนรส...ท่านเล่า อำแดงนาก เมีย นายชุ่ม ตัวโขนทศกัณฐ์ คนโปรดรัชกาลที่ 3 บ้านอยู่พระโขนง ตายทั้งกลมพวกลูกๆนายชุ่ม กลัวว่าพ่อซึ่งมีทรัพย์สินมาก จะได้เมียใหม่ มาแบ่งเอาสมบัติไปจึงสร้างข่าวผีนางนากหลอกชาวบ้านย่านคลองพระโขนง จนกลัวกันไปทั่วสมเด็จฯท่านรู้เรื่องนี้จากปากลูกชายนายชุ่ม ศิษย์คนหนึ่งของท่านเล่าให้ฟังเองนับจากนั้นข่าวผีอีนาก ซึ่งเริ่มเรียกกันในสมัยแรก ชาวบ้านไม่ได้ เรียกอำแดง แล้วก็เรียก “นางนาก” จนเป็น “แม่นาก” จนถึง “ย่านาก” มีคนเอาไปเล่าต่อ เป็นลำตัด เป็นเพลงฉ่อย เป็นคำกลอน เป็นละคร เป็นหนัง ฯลฯคุณเอนกบอกว่า เรื่องจริง นายชุ่มเป็นผัวแม่นาก แต่เรื่องเล่าที่ผัวชื่อนายมาก มาโผล่เอาในละครเพลง...แล้วผัวนางนาก ก็เป็นนายมาก เรื่อยๆมาเรื่องเล่าแม่นาก มีภาคขยายต่อไป มีคนเตรียมสร้างหนัง (เอ! หรือว่าสร้างไปแล้ว) เรื่องไอ้แดงพระโขนง ไอ้แดง...ใครมาจากไหน ก็ลูกนางนาก ที่เห็นนางนากอุ้มไปเที่ยวหลอกใครต่อใคร...นั่นแหละพระภิกษุรูปหนึ่งถามคุณเอนก ได้ข่าวทำนอง ยังมีเรื่องเล่าปาฏิหาริย์วิญญาณนางนาก ในหมู่นักแสดงหนังละคร...คุณเอนก...ตอบว่า ค้นคว้าแต่เรื่องที่ถูกบันทึกไว้ในรูปแบบต่างๆ ไม่ได้ตามพิสูจน์เรื่องปาฏิหาริย์จริงหรือไม่จริง?พอจับความได้ พระท่านสนใจ และเชื่อในเรื่องปาฏิหาริย์วิญญาณ ซึ่งเป็นเรื่องที่ยังถกกัน...ไม่จบผมคิดต่อไป เรื่องนางนากที่ยังเล่าขานกันถึงวันนี้ ก็เพราะเป็นเรื่่อง “ไม่จริง” ใครจะแต่งเติมเสริมให้โลดโผนพิสดารประการใด ก็ทำได้เจ้านายหนุ่มๆ สมัย ร.5 ร.6 เคยดักถามคนเดินเข้าออกประตูวัง...รู้จักใครมากที่สุด หนึ่งในไม่กี่ชื่อ ก็คือ “นางนาก” นี่คือปรากฏการณ์ปกติของเรื่องโกหกเรื่องของเทวดานางฟ้า ฝรั่ง จีน อินเดีย...หรือ...เอ้า! จตุคาม รามเทพ ไอ้ไข่ หรือกระทั่งท้าวเวสสุวรรณในเมืองไทย ที่ยังเล่าขานกันถึงวันนี้ ก็เรื่องโกหกทำนองเดียวกันอยู่ที่ว่าใครจะใช้ประโยชน์แบบไหน ที่ไม่เชื่อก็เล่ากันเป็นเรื่องบันเทิงที่เชื่อก็ใช้กันเป็นแรงจูงใจ ดีกว่าปล่อยให้เหี่ยวเฉา เหงาๆ ไปวันๆ มนุษย์ในโลกนี้ อยู่กันด้วยความเชื่อแบบนี้เองจบเสวนา ผมได้โอกาสก็เข้าไปบอก ทั้งคุณเอนก นาวิกมูล ทั้งคุณศรัณย์ ทองปาน ว่าเวลาชีวิตจะหมดเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ เจอกันวันนี้ ก็จะขอขอบคุณ ที่เขียนหนังสือดีๆ มีเงื่อนแง่น่าสนใจ ช่วยให้ผม ได้ลอกมาเล่าต่อคุณเอนก ปีนี้ 70 ปี คุณศรัณย์ เพิ่ง 62 แม้อายุน้อยกว่า แต่ผมขอไหว้ในฐานะ “ครู”ผมเชื่อว่าเขาทั้งสอง จะเขียนหนังสือดีๆให้พวกเราอ่านต่อไปอีกนาน โลกหนังสือไม่มีวันตาย เพราะได้ครูดีๆเหล่านี้เอง.กิเลน ประลองเชิง